ในย่านซ่อง บูชากำลังก่อจลาจลขนาดย่อมขึ้น รูปร่างและหน้าตาที่สวยงามหมดจดของบูชาต่างเป็นที่ปรารถนาของใครก็ตามที่พบเห็น มันจึงเกิดการแย่งชิงกันขึ้นเล็กๆในย่านซ่องของค่ายเถาจิน

 

ทุกคนต่างต้องการที่จะชื่นชมความงาม!

 

ในเวลาเดียวกันหนึ่งในสถานที่ที่หรูหราที่สุดของค่ายเถาจิน บ้านหลังใหญ่หรือเรียกได้ว่าคฤหาสน์ที่มีของใช้และทรัพยากรอย่างดีอัดแน่นไว้สำหรับประทังชีวิตได้ถึงสามเดือน เถาจินใช้กลุ่มผู้ลี้ภัยขนาดใหญ่ที่เขาจับมานำมาเป็นทาสแรงงาน คอยรับใช้เขาดั่งกับจักพรรดิ

 

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในถนนซ่อง สถานที่ซึ่งมักมีผู้หญิงมาปรนเปรอให้เขาพอใจอยู่เสมอ เถาจินพึ่งจะได้รับข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรก คนที่เข้ามารายงานนั้นมีสีหน้าสดใส แววตาเป็นประกาย โดยเฉพาะเมื่อบรรยายถึงความสวยอันน่าตะลึงของบูชา ผิวขาวเนียนนุ่มราวกับผ้าไหม เถาจินนั้นกระสับกระส่ายอย่างกับมดในหม้อร้อน เขาแทบอดกลั้นอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ รอไม่ไหวที่จะพุ่งตัวไปที่ถนนซ่องเพื่อเอาตัวบูชามานอนอยู่ใต้ร่างเขา

 

แต่น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถจากไปได้ตอนนี้ เพราะวันนี้มันเป็นวันสุดท้ายตามกำหนดการของภารกิจที่ตัวเขากำหนดไว้ ซึ่งยิ่งกว่าเรื่องบังเอิญเพราะคนที่รับภารกิจว่าจ้างไปจากเถาจินนั้นก็คือฟานเจี้ยนนั่นเอง

 

“แม่งเอ๊ย ไอ้เ*ยราชานักล่านั่นทำไมมันยังไม่มาอีก!” เถาจินที่กำลังกระวนกระวายสบถออกตามอารมณ์ที่รุนแรง

 

ในตอนนั้นเอง ร่างของฟานเจี้ยนที่สามารถหลบหลีกผ่านสายตาของทุกคนเข้ามาได้ จู่ๆก็ปรากฏตัวที่มุมห้อง เขาเผยตัวออกมาให้ทุกคนได้เห็นและพูดขึ้น “คุณไม่ได้ใช้จ่ายเงินให้งานเสร็จรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ แน่นอนว่าฉันก็ทำงานตามเวลาที่กำหนดไว้ ซึ่งมันใกล้จะถึงเวลาสิ้นสุดแล้ว”

 

เมื่อได้เห็นว่าในที่สุดฟานเจี้ยนก็ปรากฏตัวขึ้น เถาจินก็ตะคอกใส่ฟานเจี้ยนอย่างเดือดจีดทันที “ก่อนอื่น ไม่ต้องกังวลคุณคงจะต้องเหนื่อยมากแน่ๆกับการทำงานตลอดหลายวัน ฉันจะจัดความบันเทิงให้คุณอย่างเต็มที่เอง รอฉันกลับมาแล้วเราค่อยคุยกันอีกที ตอนนี้พักผ่อนก่อน ไม่ต้องห่วงคุณได้รับเงินค่าจ้างเต็มที่แน่นอน”

 

เถาจินพูดเช่นนี้เพราะเขาอยากจะไปจากตรงนี้ซะเหลือเกิน เขาตื่นเต้นที่จะได้เจอกับสาวงามชุดแดงที่ทุกคนพูดถึงในถนนซ่อง ไม่ว่าเรื่องของภารกิจที่ฟานเจี้ยนมีจะคืออะไรเขารอได้ ตอนนี้เขาต้องไปหาสาวงามก่อน

 

ฟานเจี้ยนงุนงงไปครู่หนึ่ง ฟานเจี้ยนนั่นทำภารกิจสำเร็จไปแล้วนับไม่ถ้วนตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา หากนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอคนแบบเถาจิน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายต้อนรับเขาอย่างสุขสบายพร้อมกับอาหารและบริการอย่างดี เรื่องอะไรจะปฏิเสธล่ะ!

 

หลังจากเถาจินผู้เป็นกังวลสารภาพกับฟานเจี้ยนออกไป เขาก็รีบพุ่งตัวไปที่ถนนซ่องทันทีอย่างรวดเร็ว แม้แต่เหล่าลูกน้องของเขายังตามไม่ทัน

 

ผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นของเขา!

 

ในเวลาเดียวกัน ขณะที่ทั่วค่ายเถาจินกำลังตกอยู่ในความวุ่นวายเพราะการปรากฏตัวของบูชา ชูฮันที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนนั้นหยุดยืนอยู่หน้าร้านขายบริการแห่งหนึ่งที่ดูค่อนข้างผิดปกติ

 

มันเป็นซ่องเช่นกัน มีผู้หญิงยืนอยู่ในกระจกหน้าร้านเช่นกันกับทุกร้าน ทว่าทั่วทั้งถนนซ่องแห่งนี้ มีเพียงร้านนี้ร้านเดียวที่ไม่มีใครสนใจ

 

สถานการณ์ที่ดูน่าสงสัยนั้นทำให้ชูฮันสัมผัสได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี โดยไม่ต้องคิดอะไร ชูฮันก้าวเข้าไปด้านในทันที ขัดแย้งกับผู้ชายคนอื่นๆที่มุ่งหน้าไปหาแต่บูชา

 

เหล่าทีมกุ้งเสือดำที่คอยหลบหลีกไม่ให้ใครเห็นอยู่ในที่มืด ในขณะเดียวกันก็คอยติดตามชูฮันไปด้วย ทันทีที่ชูฮันก้าวเข้าไปด้านในร้านนั้นสีหน้าของทุกคนก็ฉงน วันนี้ท่านพลเอกทำให้พวกเขาประหลาดใจไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ท่านพลเอกปฏิเสธหญิงงามแถมยังรู้ทันกลลวงของอีกฝ่าย ท่านพลเอกก้าวเข้ามาในถนนซ่องและก่อความวุ่นวายได้ภายในเวลาแค่ไม่นานหลังจากมาถึงค่ายเถาจิน แถมตอนนี้ยังเดินเข้าไปในร้านที่มีหญิงโสเภณีอีก ทุกคนหมดคำพูด!

 

ผู้หญิงบางคนที่นอนหลับพักอยู่ตามทางเดินในตัวร้านไม่คิดเลยว่าในเวลานี้ขณะที่ทั้งถนนกำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย มันจะยังมีคนเดินเข้ามาในร้านอีก แถมยังเป็นร้านของพวกเธอ ความกลัวทำให้พวกเธอลืมและคิดอะไรไม่ออกไปครู่หน่ึง หากหลังจากนั้นก็รีบผุดลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมทำงานด้วยความดีใจ

 

เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นอย่างนี้ ชูฮันจึงเปิดปากถามก่อน “ร้านนี้ไม่ทำการค้าหรอกเหรอ!”

 

น้ำเสียงสบายๆตามปกติของชูฮันดังขึ้นทำลายความเงียบ ผู้หญิงหลายคนในโถงทางเดินสะดุ้ง ทันใดนั้นผู้หญิงที่ชุดในชุดสีเหลืองก็เดินนำหน้าออกมารีบยิ้มกว้างอย่างเอาใจชูฮัน “แน่นอนค่ะ! อยากได้ผู้หญิงแบบไหนค่ะ เหลืออยากจะให้ฉันเหลือให้?”

 

ผู้หญิงทุกคนต่างส่งยิ้มให้ชูฮัน พวกเธอยังสาว คนที่อายุน้อยที่สุดในนั้นคาดว่าน่าจะอายุสิบห้าปีเท่านั้น ส่วนคนที่แก่ที่สุดชูฮันคาดเดาอายุที่แน่ชัดไม่ออก แต่ไม่เหมือนกับร้านอื่นๆ ผู้หญิงพวกนี้ดูสะอาดกว่ามาก เนื้อตัวไม่ได้มีแต่ฝุ่นและเศษดำเปื้อน เสื้อผ้าที่ใส่ก็ดูดีกว่ามาก ทำให้ชูฮันรู้สึกดีขึ้น เขาคิดในใจว่าพวกเธออาจจะมีระดับมากกว่า?

 

ยิ่งกว่านั้น แม้ผู้หญิงพวกนี้จะใช้ชีวิตด้วยการขายเรือนร่าง เสื้อผ้าที่ใส่ก็เผยผิวพรรณของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนกลับมีลักษณ์โดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน พวกเธอดูดีกว่าเหล่าผู้หญิงโสเภณีที่ชูฮันเดินผ่านมาทั้งหมด แม้พวกเธอจะเสื้อผ้าที่ถูกที่สุดในโลกาวินาศ หากหลังจากการนำมาหยิบจับปรับเปลี่ยนมันกลับทำดึงดูดสายตาคนที่ได้เห็นทันที

ให้พวกเธอดูดึงดูดสายตาคนที่พบเห็น

 

ที่น่ายินกว่านั้นคือในบรรดาผู้หญิงสิบคนที่อยู่ตรงหน้าชูฮันตอนนี้ ทุกคนดูดีกันหมดทุกคน พวกเธอดูดีกว่าโสเภณีทั้งหมดในค่ายเถาจิน

 

หากสำหรับชูฮันแล้ว แม้ว่าพวกเธอจะสวยขนาดไหน ชูฮันก็ไม่สนใจอยู่ดี ที่เขาเข้ามาในนี้เพราะรู้สึกว่าที่นี้มันมีบางอย่างน่าจะผิดปกติ แต่ดูท่าแล้วมันน่าจะไม่มีใครอยู่ที่นี้

 

นี่มันแปลกมาก ถ้าทุกคนดูดีแบบนี้ ผู้หญิงทั้งค่ายไม่แห่กันมาพังที่นี้หมดแล้วเหรอ?

 

เมื่อคิดอย่างนั้น ชูฮันก็ไม่คิดจะเร่งรีบ เขานั่งลงที่เก้าอี้ที่อยู่ตรงทางเดินและชี้นิ่วไปบนโต๊ะ “จะไม่เติมน้ำให้ฉันดื่มเหรอไง?”

 

เมื่อเห็นภาพนั้น หญิงที่ดูท่าจะเป็นคนนำก็ยิ้มออกมาอย่างใจเย็น “เครื่องดื่มต้องถูกคิดเงินแยกต่างหากค่ะ แต่ดูจากคนหล่อแล้ว เสื้อผ้าดูดีสะอาดสะอ้าน น่าจะต้องเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่แน่นอน แต่คนหล่อไม่กังวลเรื่องเงินเลยเหรอ? ไม่ว่าจะอยากดื่มชาหรือไม่ ราคามันต่างกัน คุณจะต้องเลือกให้ดีให้คุ้มกับเงินที่จะต้องเสีย”

 

ซ่อนเขี้ยวเล็บชัดๆ!

 

แววตาของชูฮันราบเรียบทำให้หญิงที่พูดอยู่ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ “คุณเป็นหัวหน้าที่นี้?”

 

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ฉันก็เป็นแค่คนธรรมดาที่คอยต้อนรับแขก” หญิงคนเดิมยิ้มและตอบคำถาม

 

เธอไม่ได้มีความงามเหมือนกับซางจิ่วตี้หรือป่ายหวีเนอหรือแม้แต่บูชา หรือแม้กระทั่งเสน่ห์ หากชุดสีเหลืองอ่อนของเธอทำให้คนที่เจอนั้นเกิดความรู้สึกวางใจและสนิทสนท สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือไม่ว่าเธอจะพูดอะไร คำพูดของเธอนั้นจะทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย ซึ่งแน่นอนว่านั่นแหละคือเป้าหมาย เพราะใครก็ตามที่มาที่นี้สุดท้ายก็จะตกหลุมและกลายเป็นคนใจกว้างที่ยอมเสียเงินตามคำหวานหลอกล่อของพวกเธอ

 

ตอนนี้ชูฮันยิ่งรู้สึกแปลกในใจเข้าไปอีก ผู้หญิงสวยที่สามารถเข้าใจการสื่อสารระดับสูงที่แสดงถึงความฉลาดได้ ทำไมร้านเช่นนี้ถึงไม่มีแขกเลย?