บทที่ 333 จะเรียกหรือไม่เรียก

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

เป็นที่รู้กัน ว่าหยกนั้น เพียงแค่มีรอยนิดเดียว ราคาก็จะตกไปจากเดิมหลายเท่าตัวแล้ว

คำสั่งของเย่เทียนที่เหมือนจะพูดออกมามั่วๆนั้น กลับมีหยกเผยให้เห็นพอดี แถมยังไม่ทำให้หยกนั้นเป็นรอยเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเซนส์ที่ไม่ใช่ว่าใครก็จะมีได้

ช่างตัดหินถึงกับแอบปาดเหงื่อ ต้องขอบคุณท่าทีโหดร้ายรุนแรงของเย่เทียนที่ทำให้เขายอมเชื่อฟัง ไม่เช่นนั้นถ้าตัดตามที่เขาคิดล่ะก็ อย่างน้อยก็น่าจะต้องจ่ายชดเชยหลายแสนเลยล่ะ

“นี่ มันเป็นไปได้ยังไง? มันจะมีสีเขียวได้ยังไง?”

“นี่มันไม่ใช่แล้ว! เขาแค่ตัดเปิดหน้าออกมาเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่ามันมีหยกอยู่จริงๆ เหมือนกับหินของฉันก้องนั้น มันไม่มีค่าอะไรเลย!”

ลี่เฟิงไม่อยากจะเชื่อฉากที่เห็นนี้เลย ก่อนจะพึมพำเพื่อปลอบใจตัวเองไม่หยุด

ถึงอย่างไร ตอนที่ทั้งสองฝ่ายทำข้อตกลงกันก็พูดไว้เพียงว่าหินของใครมีมูลค่ามากกว่า คนนั้นเป็นผู้ชนะ

หากหินของเย่เทียนมีเพียงชั้นบางๆของสีเขียวที่ไม่ได้มีมูลค่าถึงกับนับเป็นหยกได้ล่ะก็ เมื่อพิจารณาจากน้ำเพชรมและขนาดแล้ว เขายิ่งไม่มีโอกาสชนะเข้าไปใหญ่

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาลึกของหลี่เฟิงก็แสดงท่าทีมีความหวังราวกับกำลังคว้าฟางเส้นสุดท้ายอยู่ ก่อนจะตะโกนใส่เย่เทียน

“ไอ้คนแซ่เย่ หินของแกก็พอๆกับหินเมื่อครู่ของฉันนั่นแหละ จะมาถือว่าแกชนะไม่ได้!”

แม้เงินยี่สิบล้านจะทำให้เขาปวดในเหมือนกัน แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะจ่ายไม่ได้

แต่ทว่า ถ้าเกิดต้องเรียกเย่เทียนว่าพ่อต่อหน้าทุกคนแบบนี้ ใบหน้าของเขาคงจะต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ ถ้าเรียกออกไปแล้วต่อไปจะอยู่อย่างไรล่ะ?!

“วันนี้ฉันจะให้แกยอมแพ้หมดทั้งใจเลยล่ะ!”

เมื่อเย่เทียนได้ฟังดังนั้น ก็เหลือบมองหลี่เฟิง ก่อนจะกลับไปมองนายช่างที่กำลังตกตะลึง

“ตัดต่อไปเรื่อยๆ! ตัดลงไปตรงกลางเหมือนเดิม!”

“นี่ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้ง?”

ช่างตัดหินลังเลขึ้นมา ก่อนจะลองถามดูอย่างเบาๆ “เจ้านาย หินของคุณมีสีเขียวออกมาแล้ว ถ้าตัดต่อมันอาจจะกระทบต่อหยกทั้งก้อนด้านในได้นะ ให้ฉันเช็ดเลยไม่ดีกว่าเหรอ?”

“คุณคิดว่าฉันดูเหมือนคนที่สนใจเรื่องหยกชิ้นนี้เหรอ?ฉันบอกให้คุณตัดมันก็ตัดไปสิ จะมาพูดมากทำไมกัน?”

น่าเสียดาย ที่เย่เทียนนั้นไม่สนใจความหวังดีของนายช่างคนนี้ ก่อนจะตะโกนออกไปด้วยความเคือง

เมื่อตกใจเย่เทียนขนาดนี้ ช่างตัดหินจะไปกล้าพูดอะไรมากอีกได้อย่างไร เลยได้แต่ขยับหินให้ดี ก่อนจะเปิดเครื่องตัดหินขึ้นอีกครั้ง

ทุกคนที่อยู่ด้านล่างนั้นมองออก ว่าเย่เทียนนั้นไม่ได้สนใจหยกด้านในเลย เขาแค่อยากจะให้หลี่เฟิงให้แพ้โดยเร็วที่สุดเท่านั้น

ตอนนี้ทุกคนต่างสงสัยในตัวของเย่เทียน เด็กหนุ่มคนนี้มาจากไหนกัน ทำไมถึงทำตัวแข็งกร้าวกับคุณชายของXinya Jewelryได้ขนาดนี้?

ซี่ๆ!

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ท่ามกลางเสียใบมีดเจียระไนหินที่ดังขึ้นมานั้น นายช่างตัดหินก็รีบหยุดเครื่องตัดลงอย่างรวดเร็ว

หินนั้นถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนอีกครั้ง แต่มันมีขนาดเพียงหนึ่งในสี่ของขนาดเดิมเท่านั้น

น่าเสียดาย ที่ครั้งนี้ฉันไม่ได้โชคดีเหมือนครั้งแรก เมื่อผ่าลงไปหยกด้านในก็ถูกตัดออกมาด้วย ทำให้ราคานั้นตกลงในทันที

ฉากนี้มันทำให้คนที่ดูอยู่หลายคนต้องส่ายหัว หินที่ดีขนาดนี้มันเสียแล้ว จะไม่รู้สึกเสียดายได้อย่างไร?

มีเพียงเหลียงเหวินห่าวเท่านั้นที่โล่งใจลง หัวใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความสงสารที่มีต่อหลี่เฟิง

คุณบอกว่าไปหาเรื่องคนอื่นมันไม่ดี แต่กลับมาหาเรื่องกับเย่เทียนเนี่ยนะ? สมใจแล้วสินะ ให้เย่เทียนวางกับดักหลอกไปแล้ว?

ในทางกลับกันหลี่เฟิง กลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก เมื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองพูดเอาไว้อย่างดี ก็เสียดายภายหลังขึ้นมา

เล่นพนันก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมตัวเองต้องปากเสียพูดว่าให้เรียกว่าพ่อได้อย่างไรกันนะ?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่เฝิงก็อยากจะตบปากตัวเอง ก่อนจะขยับเท้าเล็กน้อย เพื่อเตรียมจะหนี

น่าเสียดาย ที่เขากำลังยืนอยู่บนแท่นสูง ท่าทีอะไรมันก็เห็นได้ชัดเจนไปหมด แล้วจะแอบจากไปเงียบๆได้อย่างไรกัน?

เมื่อหลี่เฟิงก้าวถอยหลัง ทันใดนั้นเย่เทียนก็รู้สึกได้อย่างรวดเร็ว พลางยิ้มมุมปากขึ้นอย่างร้ายกาจ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างช้าๆ

“ทำไม?คุณชายหลี่ จะหนีไปแบบนี้เหรอ?ลืมอะไรหรือเปล่าน่ะ?”

คำนี้มันทำให้คนที่ยืนดูอยู่ด้านล่างตื่นตัวขึ้น คนที่ดูเพื่อความสนุกโดยไม่กลัวเกิดเรื่องอะไร ก็พูดแซวขึ้น

“คุณได้ยินที่คุณชายหลี่พูดเมื่อกี้ไหม?”

“ดูเหมือนถ้าแพ้จะต้องเรียกอีกฝ่ายว่าพ่อใช่ไหมนะ?”

เมื่อหลี่เฟิงได้ยินคำพูดนั้น แก้มที่ถูกตบกลับยิ่งร้อนผ่าวเข้าไปอีก จนอดไม่ได้ที่จะปรี่เข้าไปฆ่าพวกปากมากให้ตายไปตามๆกัน

แต่ทว่า เมื่อเขาเห็นว่าสายตาของเย่เทียนมองเขาไม่หยุด กลับไม่กล้าทำอะไรโดยไม่คิด ก่อนจะพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว

“คุณชายหลี่ เมื่อชายคนนี้พูดออกไปแล้ว คำพูดก็เป็นนายนะ คุณทำแบบนี้มันทำให้ฉันลำบากใจมากนะ!”

เมื่อได้ยินคำรบเร้าของเย่เทียน หลี่เฟิงก็รู้สึกมาก ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินของเขาออกมา แล้วโยนบัตรเครดิตสองใบให้

“บัตรสองใบนี้เป็นบัตรที่ไม่ระบุชื่อ แต่ละใบมีเงินฝากสิบล้าน และรหัสผ่านคือเลขห้าทั้งหมดห้าตัวเหมือนกัน”

หลังจากพูดจบ หลี่เฟิงก็ก้าวไปข้างหน้าทันที และพยายามจะเดินเลี่ยงเย่เทียนและออกจากแท่นสูงนั้นไป เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับเย่เทียนเลยด้วยซ้ำ

ซวา!

อย่างไรก็ตามมีเหรอที่เย่เทียนจะปล่อยให้หลี่เฟิงไปได้ง่ายๆ เขาเก็บบัตรสองใบนั้นไว้ ก่อนจะยื่นมือไปขวางทางของเขา

“คุณชายหลี่ ดูเหมือนว่านอกจากเงินแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกใช่ไหม?คุณคงไม่อยากจะเบี้ยวไม่ทำตามตกลงใช่ไหม?”

หัวใจของหลี่เฟิงสั่นเทา เพราะรู้แล้วว่าจะหนีไปไหนไม่ได้

เงินนั้นยังพอว่า แม้ยี่สิบล้านจะไม่ใช่เงินน้อยๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นถึงคุณชายของXinya Jewelry เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลหลี่ ก็ยังพอจะจ่ายเงินได้

ทว่า สิ่งที่ทำให้หลี่เฟิงไม่สามารถยอมรับได้ก็คือการเดิมพันที่เพิ่มเข้ามาในภายหลังนั่นเอง

จะต้องเรียกเย่เทียนว่าพ่อจริงๆเหรอ?

ว่ากันว่าผู้ชายเหมือนมีทองอยู่ใต้เข่า มันต่างจากให้เขาคุกเข่าลงตรงไหนกัน?

เมื่อคิดแบบนี้ สีหน้าของหลี่เฟิงก็มืดดำ มันดูไม่ได้เป็นอย่างมากเลยล่ะ

“เย่เทียน ฉันให้เงินคุณไปแล้ว อย่าใจร้ายมากเกินไปหน่อยเลย!”

“อย่างที่โบราณเขาว่า เกิดเป็นคน ต้องเหลือทางให้เดินบ้าง ไว้วันหน้าจะได้เข้าหน้ากันติด! คุณไม่เข้าใจความหมายง่ายๆนี้เหรอไง?”

หลี่เฟิงเกือบจะโมโหจนควันออก ความแค้นที่มีต่อเย่เทียนนั้นเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก

น่าเสียดาย ที่เขารู้ว่าทักษะของเขาเทียบเย่เทียนไม่ติด บวกกับที่ไม่ได้อยู่บนเหตุผล น้ำเสียงเลยมีความเคืองไม่เบา

“เกิดอะไรขึ้น?คุณชายหลี่กำลังข่มขู่ฉันเหรอ?”

“หลักการพื้นฐานที่สุดนั้นคือการเป็นคนคือการรักษาสัญญา สิ่งที่คุณพูดเมื่อครู่ทุกคนต่างได้ยินกันหมด อย่ารอให้ไม่มีใครอยากจะคบค้ากับคุณแล้ว!”

เย่เทียนไม่โกรธเลย พลางมีรอยยิ้มบนใบหน้าจางๆ อีกด้วย

เมื่อหลี่เฟิงได้ยินคำพูดนั้น เขาก็รู้สึกหดหู่ใจมากจนแทบจะกระอักเลือด พลางเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งพูดไป

เดิมทีแค่อยากเห็นความตลกขบขันของเย่เทียนเท่านั้น ตอนนี้กลับเหมือนกับตัวเองตกหลุมเอง จนเสียไปถึงครอบครัว

โอ้ย!

“เย่เทียน อย่ามาแกล้งกันให้มากเลย คนตระกูลหลี่ของฉันไม่ได้มีศีลมากหรอกนะ ถ้าเกิดกล้ามาแตะต้องฉัน ฉันจะทำให้แกไม่ตายดีแน่!”

ในความสิ้นหวังนั้น ท่าทีของหลี่เฟิงก็แข็งกร้าวขึ้นมา หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่ยอมอยู่ดี

เย่เทียนจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหลี่เฟิงหมายถึงอะไร จากนั้นก็หุบยิ้ม พลางมีใบหน้าเย็นชา

“ฉันถามคำเดียว แกจะเรียก หรือไม่เรียก?!