263.2 (II) เพียงตัวตถาคตประเสริฐสุด!

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

Sign in Buddha’s palm 263 (II) เพียงตัวตถาคตประเสริฐสุด!

 

ไม่ดีแล้ว”

 

“เราจะลากถ่วงต่อไปไม่ได้แล้ว”

 

บรรพชนหกที่เห็นฉากนี้ หนังหัวของเขาก็แทบจะระเบิดลุกเป็นไฟ

 

เดิมที่พวกเขาต้องการรอคอยเพื่อให้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณกินพลังงานบางส่วนไปจากซู

ฉิน เพื่อให้ง่ายแก่การจัดการซูฉันด้วยอาณาเขตในภายหลัง

 

แต่บรรพชนหกรวมถึงคนอื่นๆ ไม่คาดคิดว่าหมัดสุดท้ายของซูฉันเหมือนจะควบแน่นพลังบาง

อย่าง กระแทกเข้าใส่ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณโดยตรง และแม้แต่ตัวตะเกียงยังเกิดรอยร้าว

 

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณทั้งหมดคงจะถูกทําลายด้วยหมัดของซูฉิน

 

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณทั้งหมดคงจะถูกทําลายด้วยหมัดของซูฉิน

 

“ลุย?”

 

บรรพชนหกบรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้าทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า พลังชีวิตและเลือดเนื้อไหลเวียนอยู่ในสภาวะสูงสุด ในเวลาเดียวกันอาณาเขตทั้งสามร้อยจ้างก็ปรากฎขึ้นในทันที ปกคลุม สภาพแวดล้อมทั้งหมด ผนึกซูฉินไว้ทุกทิศทั้งซ้ายขวาหน้าหลัง

 

หืม?

 

ซูฉันเล็กคิ้วแล้วปล่อยอาณาเขตออกมา

 

อย่างไรก็ตามไม่ว่าซูฉันจะแข็งแกร่งเพียงใด พลังของคนเพียงคนเดียว อาณาเขตก็เป็นเพียง

อาณาเขตขนาดเล็กภายใต้การปราบปรามของบรรพชนทั้งสาม แม้ว่าจะบอกได้ยากว่าเสียเปรียบ

แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีประโยชน์มากนัก

 

“ผู้แสวงบุญ เหตุไฉนไม่ถอยคนละก้าวถอยกลับไปเสียมีดีกว่าหรือ?”

 

บรรพชนหกยืนอยู่บนท้องฟ้า มองดูซูฉินพร้อมกับกล่าวคํา

 

แม้ว่าพวกเขาจะระงับซูฉันไว้ด้วยพลังของอาณาเขตแต่ก็มีกังวลบ้างว่าซูฉันจะแลกเลือด เผา

เลือดเนื้อและพลังชีวิตพร้อมตายไปด้วยกันอย่างสิ้นหวัง

 

ด้วยเหตุนี้แม้บรรพชนหกและพรรคพวกจะปราบปรามได้แต่ก็เกรงว่าจะสูญเสียอายุขัยไปแทบจะหมดสิ้น

 

ซูฉินนั้นมีแก่นแท้เหลือพอให้เผาผลาญแต่พวกเขาไม่สามารถสูญเสียได้

 

“ถอยกลับไป?”

 

ซูฉันแย้มยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้มีท่าที่จริงจัง

 

“มิผิด” บรรพชนเจ็ดยังกล่าวย้ําอีกครั้ง“ร่างกายของเจ้าอาจจะแข็งแกร่ง แต่พวกข้าสามารถ

ปราบได้ด้วยอาณาเขต ในเวลานี้เจ้าจะไม่สามารถใช้ประโยชน์จากร่างกายได้เลย”

 

“ย้ําอีกครั้ง…”

 

เมื่อบรรพชนเจ็ดพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเขาก็หยุดครู่หนึ่งเหลือบมองซูฉินแล้วพูดเบาๆว่า “เจ้าจะ

ต้องใช้พลังไปมากมายเพื่อทําลายตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณตอนนี้เจ้ากับพวกเราก็หนึ่งต่อสาม

หากสามารถต่อรองได้มันก็เป็นประโยชน์มิใช่หรือ?”

 

บรรพชนเจ็ดดูเหมือนจะพิจารณาปัญหาทั้งหมดจากมุมของซูฉิน

 

“ใช่หรือ?”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน เขาส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า“เดิมที่ข้าตั้งใจจะเล่นอีกสัก

พักท้ายที่สุดแล้วกระสอบทรายที่มีประโยชน์เช่นนี้ช่างหาได้ยาก…..”

 

ซูฉันเหลือบมองตะเกียงพุทธหม็นวิญญาณแล้วกล่าวเบาๆ

 

“ตั้งใจจะปฏิเสธงั้นหรือ?”

 

บรรพชนเจ็ดได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยและแม้ว่าจะไม่เข้าใจว่ากระสอบ

ทรายที่ซูฉินกล่าวถึงนั้นหมายถึงอะไรแต่ก็ชัดเจนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจจะยอมแพ้

 

“ไม่ใช่ต้องการจะปฏิเสธ

 

ซูฉันถอนหายใจเบาๆ และพูดอย่างจริงจัง “ข้าต้องการจะจบเรื่องทั้งหมดนี้

 

“โอ้? เจ้าคิดว่าเจ้าคนเดียวจะสามารถต้านทานการปราบปรามของอาณาเขตของเราสามได้?”

ดวงตาของบรรพชนเจ็ดกะพริบพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเป็นปม

 

ในขอบเขตที่ต่ํากว่าเซียนเทพปฐพี่ไม่ว่าจะเป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุดหรืออรหันต์ที่แข็งแกร่งก็ครอบครองเพียงอาณาเขตขนาดเล็กเท่านั้น

 

อาณาเขตขนาดเล็กในระดับเดียวกันบรรพชนเจ็ดไม่เชื่อว่าซูฉันจะสามารถต้านทานการปราบปรามของทั้งสามคนได้

 

“อาณาเขต?”

 

ซูฉินหัวเราะเบาๆ “อาณาเขตนี้แข็งแกร่งมากหรือไร?”

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

ท่ามกลางสายตาที่สั่นคลอนของบรรพชนเจ็ตและคนอื่นๆ

 

ซูฉันค่อยๆ ยกแขนขวาขึ้นมาเหยียดนิ้วทั้งห้าออกจนกลายเป็นฝ่ามือ จากนั้นจึงกดลงมาช้าๆ

 

ครัน

 

ผืนฟ้าผืนปฐพี่พลันคํารามก้อง

 

โดยมีซูฉินเป็นศูนย์กลางพลังฟ้าดินก็เคลือบมือขวาจนกลายเป็นสีทองอร่าม

 

มีดอกสาละสีทองบานทั่วทุกทิศทางหนึ่งดอกดุจหนึ่งโลกกลีบใบดุจหนึ่งจักรวาลเปลี่ยนผืน

ดินให้กลายเป็นดินแดนอันพิสุทธิ์กว้างใหญ่ไพศาล

 

นี่คือแก่นแท้แห่งแดนพิสุทธิ์มีองค์ยูไลทองคําตั้งอยู่เสมือนองค์ยูไลนั้นทอดมองทุกสรรพ

ชีวิต แววตานั้นเฉยเมยไร้ล่าเอียงไร้เกลียดชังไม่มีรักไม่มีสงสาร กลิ่นอายทรงพลังกว้างใหญ่แผ่

พุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า

 

เหนือฟ้าเหนือปฐพี่ มีเพียงตถาคตเพียงผู้เดียว!

 

ต่อหน้าหัตถ์สีทองเข้มพลังของอาณาเขตที่เกิดจากการรวมกันของบรรพชนทั้งสามก็สลาย

หายไปในทันใด เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณพลันลุกไหม้ยังคงปล่อยแสง

พุทธคุณอย่างต่อเนื่องสุดท้ายก็ตกลงสู่พื้นดิน

 

ราวกับกลายเป็นตะเกียงธรรมดาๆไปโดยสิ้นเชิง

 

“นี่นั่น

 

บรรพชนหกและคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่บนอากาศมองมาที่ซูฉินภายในใจราวกับถูกสายฟ้าฟาดจ้อง

ไปที่ร่างองค์ยูไลสีทองมือหนึ่งชี้ขึ้นฟ้าอีกมือเอื้อมสู่พสุธาต่างก็กระซิบคําด้วยเสียงที่สับสนไม่อาจ

จะอธิบายได้ถูก

 

“นี่คือองค์ยูไล!”

 

“นี่คือองค์ยูไลที่แท้จริง!”