ตอนที่ 41

Ranker’s Return

บริเวณพื้นที่ปราสาทลิป้านั้นไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการดวลซักเท่าไหร่นัก ดังนั้นฮยอนนูและผู้เล่นทั้งสามจึงออกไปยังบริเวณรอบ ๆ ปราสาทซึ่งไม่ค่อยมีคนแทน

 

“แล้วจะใช้กฎอะไรดี?” ฮยอนนูถามผู้เล่นทั้งสามคนที่เข้ามาท้าทายเขา “โหมดกัปตัน สู้แบบทีม หรือจะเอาแบบทีละคนดี?”

 

“ใช้โหมดกัปตันก็แล้วกัน” ผู้เล่นทั้งสามตัดสินใจเลือกกฎการดวลโดยที่ไม่ได้ปรึกษากันก่อนด้วยซ้ำ

 

“ได้เลย! งั้นก็อย่ามัวแต่ยืดยาดเสียเวลา รีบ ๆ เข้ามาได้แล้ว ฉันกำลังยุ่ง ๆ อยู่”

 

ผู้เล่นทั้งสามรีบท้าดวลทันที ดูท่าทางแล้วพวกเขาคงจะคิดว่าการจัดการกับฮยอนนูนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากอะไรนัก ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่คิดจะกดท้าดวลโดยไม่ได้คิดอะไรแบบนี้เด็ดขาด

 

[ผู้เล่น ‘เลซี่’ ส่งคำขอท้าดวลมายังท่าน]

 

[คุณต้องการตอบรับคำท้าหรือไม่?]

 

“แน่นอน!”

 

[ใช่]

 

“ถ้างั้นฉันจะเป็นคนตั้งกฎเอง”

 

[กฎการดวลที่ตั้งไว้คือ ‘ผู้ชนะได้ทุกอย่าง’ ‘ผู้แพ้ลบตัวละคร’ และ ‘โหมดกัปตัน’]

 

“กฎการดวลคือ ‘ผู้ชนะได้ทุกอย่าง’ ‘ผู้แพ้ลบตัวละคร’ และ ‘โหมดกัปตัน ตามที่พวกแกว่ามา มีอะไรจะค้านไหม?”

 

[คุณต้องการตอบรับคำท้าหรือไม่?]

 

เลซี่ผู้เป็นตัวแทนของผู้เล่นทั้งสามพยักหน้าตอบตกลงยินยอมให้การดวลดำเนินไปตามนี้

 

[ใช่]

 

[โปรดเลือกว่าใครจะเป็นผู้เข้าร่วมการดวลในครั้งนี้]

 

“ฉันคนเดียว”

 

“เลซี่ เกส ไดร่า”

 

[จำนวนผู้เข้าร่วมการดวลได้รับการกำหนดเรียบร้อยแล้ว]

 

[‘คังฮยอนนู’ ดวลกับ ‘เลซี่’ ‘เกส’ และ ‘ไดร่า’]

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่การดวลจะเริ่มต้นขึ้นฮยอนนูก็เอ่ยปากพูดออกมาว่า “ฉันลืมบอกพวกแกไปอย่างนึง ตอนนี้พวกแกตกที่นั่งลำบากแล้วละ”

 

“พูดบ้าอะไรของแกกัน?” กลุ่มของเลซี่ต่างก็จ้องมองฮยอนนูเพื่อหาคำอธิบาย

 

“เพราะฉันกำลังโมโหไง โมโหแบบสุด ๆ ไปเลยด้วย” แม้จะเห็นได้ชัดว่าฮยอนนูกำลังยิ้มอยู่ ทว่าสายตาของชายหนุ่มกลับคมกริบยิ่งกว่าที่เคย

 

[แต่ละทีมกรุณาเลือกลำดับผู้เล่นในการดวล]

 

“เลซี่ เกส ไดร่า”

 

[ลำดับการต่อสู้ของแต่ละทีมได้รับการกำหนดเรียบร้อยแล้ว]

 

[การเผชิญหน้าครั้งที่ 1]

 

[ผู้เล่น ‘คังฮยอนนู’ ดวลกับผู้เล่น ‘เลซี่’]

 

[การประลองจะเริ่มขึ้นในเร็ว ๆ นี้]

 

โดมขนาดใหญ่ปกคลุมฮยอนนูและเลซี่ มันเป็นพื้นที่ชั่วคราวที่สร้างขึ้นสำหรับการดวลในครั้งนี้

 

[5… 4… 3… 2…1]

 

[การประลองเริ่มขึ้นแล้ว]

 

เมื่อสัญญาณเริ่มต้นการดวลจบลง เพียงชั่วกะพริบตานั้นเอง ดาบยาวปลายมนของฮยอนนูก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด

 

“เฮือก!”

 

 

[คุณได้รับชัยชนะในการดวล]

 

ดาบของฮยอนนูตัดคอของเลซี่ไปแล้วเรียบร้อย และนั่นทำให้การต่อสู้ครั้งแรกจบลงภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วินาที เกสกับไดร่าที่กำลังมองฉากการต่อสู้อยู่ต่างก็รู้สึกตกตะลึง ความแตกต่างของฝีมือระหว่างพวกเขากับฮยอนนูห่างเกินกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้

 

‘หมอนี่ไม่ได้มีเลเวลแค่ 66 งั้นเหรอ?’

 

“แต่พวกเราเลเวลตั้ง 110 เชียวนะเฟ้ย!”

 

ทันใดนั้นเองเสียงของฮยอนนูก็ดังขึ้นในหัวของพวกกระจอกผู้ไม่ยอมรับความจริงตรงหน้า “บอกแล้วไงว่าฉันกำลังโมโหอยู่”

 

***

 

[คุณได้รับชัยชนะในการดวล]

 

[รางวัลจะมอบให้ตามกฎ ‘ผู้ชนะได้ทุกอย่าง’]

 

“ทำไมต้องไปหาเรื่องคนอื่นทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้กัน?” ฮยอนนูพูดกับชายทั้งสามคน แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครสามารถได้ยินเสียงของเขาอีกแล้วก็ตาม ในเวลาเดียวกันนั้นเองเขาก็เริ่มตรวจเช็คช่องเก็บของของผู้เล่นทั้งสาม เขาคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องมีอะไรบางอย่างที่สามารถใช้ประโยชน์ได้บ้าง

 

“เจ้านี่มันไม่มีอะไรเลย ส่วนเจ้านี่ก็มีน้ำยาแค่ขวดเดียว โอ้!”

 

ช่องเก็บของของทั้งสองคนก่อนหน้าไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์เลย กล่าวแบบชัดเจนคือมันไม่มีไอเทมอะไรที่มีค่ามากมายนัก และไม่มีไอเทมชิ้นไหนที่ฮยอนนูจะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้

 

“เพิ่มกำลังกายงั้นเหรอ? นี่แหละที่เรียกว่ากำไร”

 

อย่างไรก็ตามฮยอนนูรู้ได้ทันทีว่าตัวเองโชคดีเมื่อเห็นไอเทมของผู้เล่นคนสุดท้าย เขาได้รับหนังสือทักษะระดับแรร์ “เพิ่มกำลังกาย” ซึ่งจัดได้ว่ามีราคาไม่เบาเลยทีเดียว

 

[ทักษะ ‘เพิ่มกำลังกาย’]

 

[เพิ่มกำลังร่างกายของคุณให้แข็งแกร่งขึ้น]

 

รูปแบบ: แสดงผลอัตโนมัติ

 

ระดับ: แรร์

 

ระดับประสิทธิภาพของทักษะ: F

 

เพิ่มค่าพละกำลัง ค่าความว่องไว และพลังโจมตีทางกายภาพอย่างละ 10% ความเร็วในการเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 5%

 

บางทีผู้เล่นคนนี้อาจกำลังวางแผนที่จะขายมันก็ได้ เนื่องจากมันเป็นทักษะที่มีราคาแพงมาก อย่างไรก็ตามฮยอนนูเลือกที่จะเรียนรู้ทักษะนี้

 

“เข้าทางฉันเลย”

 

นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีผู้เล่นอีกมากมายที่ตอนนี้กำลังหมายหัวฮยอนนูอยู่

 

***

 

ฮยอนนูรู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองกำลังดิ่งลงแบบสุด ๆ อีกครั้ง เนื่องจากมีกลุ่มผู้เล่นเข้ามาขวางทางฮยอนนูอีกแล้ว

 

‘คราวนี้มีมากกว่าสิบคนเลย’

 

ฮยอนนูพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อะไรกัน? ดูเหมือนพวกนายจะมีกิลด์ด้วยสินะ ทำไมถึงเข้ามาขวางทางฉันแบบนี้กัน?”

 

กลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฮยอนนูต่างก็มีสัญลักษณ์รูปพระอาทิตย์อยู่กลางอก เท่าที่ฮยอนนูรู้ผู้ที่มีตราสัญลักษณ์แบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากสมาชิกของสมาพันธ์มาโน

 

“พวกเรามาจากสมาพันธ์มาโน ครั้งนี้พวกเรามีข้อเสนอให้แกด้วย เจ้าบอสใหญ่ประจำซอย”

 

“ข้อเสนองั้นเหรอ?”

 

บุคคลที่ออกมายื่นข้อเสนอแก่ฮยอนนูนั้นดูจะมีตำแหน่งสูงอยู่พอตัว ใบหน้าของฮยอนนูในตอนนี้ยังคงมีหน้ากากปกปิดอยู่ หากไม่มีหน้ากากแล้วละก็ สีหน้าบึ้งตึงของเขาจะต้องปรากฏให้เห็นแน่ ๆ

 

“มาร่วมกิลด์ของพวกเราสิ นี่เป็นข้อเสนอของท่านประธานแห่งสมาพันธ์ของพวกเราเอง”

 

ท่าทางของฮยอนนูเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินข้อเสนอนั้น จู่ ๆ เขาก็เอามือมาจับหน้ากากของตนแล้วก็ขยับไปมา จากนั้นไม่นานเสียงหัวเราะดังลั่นก็หลุดออกมาจากปากของฮยอนนู “555! ข้อเสนอบ้าอะไรเนี่ย?”

 

ฮยอนนูอดที่จะหัวเราะไม่ได้ ข้อเสนอบ้าบอนั่นมันอะไรกัน ดูแล้วมันแทบจะไม่สมเหตุสมผลเลย

 

“การพูดจาดี ๆ เวลายื่นข้อเสนอถือเป็นเรื่องปกติที่ควรทำไม่ใช่เหรอ? หากท่าทีของพวกนายเป็นแบบนี้ใครมันจะไปตอบตกลงกัน?”

 

ชายผู้นั้นเข้าใจในสิ่งที่ฮยอนนูต้องการจะสื่อ เขาเริ่มรู้สึกโกรธแม้จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเมื่อกี้ตัวเองเป็นฝ่ายผิดพลาด อย่างไรก็ตามการยื่นข้อเสนอก็เป็นสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะดึงดันต่อไป “ถ้างั้นแกจะปฏิเสธข้อเสนอสินะ?”

 

“ปฏิเสธงั้นเหรอ? มันควรจะเป็นการบอกว่า ‘ไสหัวไปซะ’ มากกว่า พวกนายนี่มันปัญญานิ่มจริง ๆ  ไม่อยากเชื่อเลยว่าสมาพันธ์จะส่งสวะแบบนี้มาหาฉัน”

 

“เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ?”

 

“ฉันกำลังด่าพวกนายอยู่ไง พวกโง่เอ้ย!”

 

เจสันผู้เป็นสมาชิกระดับสูงของสมาพันธ์มาโนไม่อาจระงับความโกรธของตนได้อีกต่อไป ‘ฉันทนมามากพอแล้ว’

 

“ฆ่าเจ้าบ้านี่ทิ้งซะ!” มันถือว่าเป็นการประกาศสงครามของเจสันเลยก็ว่าได้

 

***

 

เจสันลงมือเป็นคนแรก เขาเหวี่ยงดาบของตนใส่ฮยอนนู “แกไม่รอดแน่!”

 

นี่ไม่ใช่การดวลทั่ว ๆ ไป เพราะว่ามันคือการ PK จากเพียงฝ่ายเดียวมากกว่า เมื่อเวลาผ่านไปพักหนึ่ง ฮยอนนูก็เริ่มเป็นรองในการต่อสู้มากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเขาจะทำให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามสองคนหลุดออกจากเกมไปเรียบร้อย แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ายตรงข้ามก็ยังเหลือผู้เล่นอยู่มากกว่าสิบคน อย่างไรก็ตามฮยอนนูก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร เขายังมีไม้ตายที่สามารถเชื่อใจได้อยู่

 

‘ได้เวลาแล้วสินะ…’

 

เมื่อเห็นว่าผู้เล่นคนหนึ่งที่เขากำลังรออยู่ปรากฏตัวออกมา ฮยอนนูก็คิดว่าเขาควรจะอัญเชิญทังอีออกมาตอนนี้เลยดีไหม

 

‘ฉันควรจะเรียกทังอีออกมาจัดการเจ้าพวกนี้เลยดีไหมนะ?’

 

“นั่นบอสใหญ่ประจำซอยใช่ไหม?” จู่ ๆ ก็มีชายคนหนึ่งในชุดสูทสีดำที่ดูแล้วไม่เข้ากับเกมอารีน่าเอาเสียเลยโผล่ออกมา

 

หลังจากนั้นการต่อสู้ก็อยู่ในสภาพหยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็งเอาไว้ ชายในชุดสูทเดินเข้ามาหาฮยอนนูด้วยท่าทีสบาย ๆ สมาชิกของสมาพันธ์ต่างก็ไม่สามารถหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของชายผู้นี้ได้ แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวรอบ ๆ ตัวเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของนักล่า  สามารถรู้สึกได้เลยว่าชายผู้นี้เป็นตัวอันตรายแน่นอน

 

“สวัสดีครับ ผมยูจุนโฮ เป็นผู้ดูแลจากไนกี้ครับ” ชายผู้นั้นแนะนำตัวเองพร้อมทั้งยื่นมือออกมาทักทายฮยอนนู

 

“ผมไม่คิดว่านี่เป็นเวลาในการทักทายนะครับ แต่ก็เอาเถอะ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมชื่อ คังฮยอนนู จะเรียกผมว่าบอสใหญ่ประจำซอยก็ได้ครับ”

 

“ถ้างั้นพักก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” เมื่อยูจุนโฮพูดจบ เขาก็เดินไปยังพวกสมาชิกสมาพันธ์มาโน “ผมมาทำงานวันนี้เป็นครั้งแรกดังนั้นจึงอารมณ์ดีอยู่ วันนี้ผมจะให้พวกคุณกลับไปแบบดี ๆ ก็แล้วกัน แล้วก็อย่ามายุ่งกับลูกค้าของผมอีกละ”

 

สีหน้าของเจสันเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดของยูจุนโฮ เขาจะทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ได้ เพราะว่าชายคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ “ถ้างั้นเชิญคุณออกไป ก่อนนะครับ ผมมีธุระกับคุณบอสใหญ่ประจำซอยน่ะ”

 

อย่างไรก็ตามเจสันก็ไม่อาจหยุดการกระทำที่ตัวเองทำอยู่ได้ เขาเลือกที่จะมองข้ามความรู้สึกไม่สบายใจนี้และพุ่งเข้าไปโจมตีฮยอนนูอีกครั้ง

 

“เฮ้อ~ ผมอุตส่าห์ให้โอกาสดี ๆ กับคุณทั้งที น่าจะรับมันแต่โดยดีนะครับ” หลังจากที่ยูจุนโฮพูดจบเขาก็หยิบมีดยาวขึ้นมาถือไว้ในมือ จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าปะทะกับพวกสมาชิกสมาพันธ์มาโนโดยทันที

 

ปั๊ก! ปั๊ก! ปั๊ก!

 

ในชั่วพริบตานั้นผู้เล่นสามคนก็ล้มลง มีดของเขาปักลงตรงหน้าอกของพวกสมาชิกมาโนอย่างแม่นยำ

 

‘เลเวลเขาเจ้าพวกนั้นน่าจะไม่ต่ำกว่า 110 งั้นหมอนี่มีเลเวลเท่าไหร่กันเนี่ย?’

 

การต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าของฮยอนนูจบลงอย่างรวดเร็ว ยูจุนโฮแข็งแกร่งมาก นอกจากเขาจะมีเลเวลสูงแล้ว เขายังเก่งในการสู้แบบ PvP อีกด้วย

 

‘แต่ยังไงก็เทพไม่เท่าฉันหรอกนะ’

 

ยูจุนโฮเดินเข้ามาหาฮยอนนูอีกครั้ง

 

“สุดยอดเลย! มีดของคุณคมกริบน่าดูเลยนะครับ”

 

“ได้ยินแบบนั้นจากคุณบอสใหญ่ประจำซอยแล้วผมรู้สึกเขินจังเลยครับ”

 

“จริง ๆ ผมได้ยินรายละเอียดคร่าว ๆ จากคุณเคลมาแล้ว แต่ผู้ดูแลนี่เป็นยังไงเหรอครับ?”

 

“ผู้ดูแลจะคอยดูแลผู้เล่นดัง ๆ ที่มีเลเวลไม่สูงนักครับ เหมือนกับคุณในตอนนี้ หน้าที่ที่ต้องทำคือการปกป้องผู้เล่นเหล่านั้น คล้าย ๆ กับเป็นพี่เลี้ยงอะไรประมาณนั้นครับ”

 

ฮยอนนูเข้าใจมากขึ้นหลังจากที่การอธิบายของยูจุนโฮช่วยเสริมคำอธิบายสั้น ๆ ที่เขาเคยได้ยินมาจากเคลได้เป็นอย่างดี “เลเวลของคุณน่าจะสูงมากเลยนะครับ”

 

“ตอนนี้ผมเลเวล 170 ครับ ช่วงนี้ไนกี้ยังไม่ได้รับใครเข้ามาใหม่เลย ดังนั้นผมเลยตั้งหน้าตั้งตาล่าอย่างเดียวเลยครับ” ยูจุนโฮพูดด้วยสีหน้าที่ไม่อาจบอกได้เลยว่าเขากำลังหัวเราะหรือร้องไห้อยู่

 

‘170 เลยงั้นเหรอ? ตอนนี้ผู้เล่นแรงค์อันดับหนึ่งมีเลเวล 175 ไม่ใช่หรือไง?’ ฮยอนนูรู้สึกตกใจเมื่อรู้เลเวลของยูจุนโฮ ภารกิจเนื้อเรื่องในตอนนี้ถูกจำกัดเอาไว้อยู่ ดังนั้นผู้เล่นที่มีแรงค์สูง ๆ จึงเลเวลอัพช้าไปด้วย แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังเป็นแรงค์เกอร์ติดอันดับอยู่ดี หากยูจุนโฮมีเลเวล 170 แล้วละก็ เขาน่าจะติดอันดับแรงค์ 100 คนแรกอย่างแน่นอน

 

“แรงค์เกอร์เองก็ทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอครับ?”

 

“แค่เลเวลมันเลี้ยงปากท้องไม่ได้หรอกครับ ผมต้องหารายได้จากการทำหน้าที่ดูแลแบบนี้ไปก่อน ไม่งั้นถ้าเอาแต่เล่นเกมอย่างเดียวละก็มีหวังได้โดนถีบออกจากบ้านแน่ครับ ยังไงผมก็ต้องหาเงินก่อน หาเงินก่อนเท่านั้น!”

 

“โอ้! คุณน่าจะแต่งงานแล้วสินะครับ?”

 

“ใช่ครับ ราว ๆ สองปีได้แล้ว”

 

ทั้งสองคนคุยกันถูกคออย่างน่าประหลาด ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเคยเจอกันครั้งแรกเท่านั้น ความสนิทสนมระหว่างทั้งสองจึงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“ผมอิจฉาคุณฮยอนนูจริง ๆ ครับ”

 

“ทำไมถึงอิจฉาผมกันล่ะ?”

 

“เพราะอายุของคุณไงครับ! แล้วผมก็อิจฉาในความโสดของคุณด้วย!”