ภาคที่ 1 บทที่ 125 การจู่โจมแบบฉับพลัน (1)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 125 การจู่โจมแบบฉับพลัน (1)

ซูเฉินไม่ได้รู้ตัวเลยว่าการต่อสู้กับกุ่ยเหริน และการดูแผนที่ของเขาจะทำให้เกิดผลกระทบมากมายเช่นนี้

และถึงแม้ว่าเขาจะรู้ มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรอยู่ดี

ซูเฉินในปัจจุบันแตกต่างจากในอดีตมาก เด็กหนุ่มไม่ได้คิดที่จะแสร้งทำเป็นคนตาบอดอีกต่อไป แต่ก็ไม่ได้คิดจะเปิดเผยมันให้ใครรู้เป็นพิเศษ เขาเพียงแค่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามกระแส

สำหรับคนที่ชอบซูเฉิน นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่สร้างความสุขอย่างไม่ต้องสงสัย

ส่วนคนที่ไม่ชอบเขา นี่เป็นเรื่องยุ่งยากครั้งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัยเช่นกัน

ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ฝ่ายไหน มันก็ยังคงเป็นการตอบสนองอย่างที่ซูเฉินต้องการ

สำหรับตอนนี้ซูเฉินกำลังมุ่งความสนใจไปที่เส้นทางที่ด้านหน้าของเขา

หลังจากประสบกับการต่อสู้กับกุ่ยเหรินไปแล้ว ซูเฉินก็เริ่มยอมรับสถานการณ์ได้ ยามค่ำคืนนั้นนับได้ว่าโลกของกุ่ยเหริน ทว่ามันก็เป็นโลกของ ‘อดีตคนตาบอด’ อย่างเขาด้วยเช่นกัน

เขาตาบอดมานานกว่าสามปี ซูเฉินย่อมไม่ด้อยไปกว่าใครในการต่อสู้ตอนกลางคืนอย่างแน่นอน หากใครอยากจะมาท้าทายเขาในด้านนี้ ซูเฉินก็ยินดีต้อนรับ!

เขา ซูเฉิน จะเป็นผู้มอบบทเรียนเกี่ยวกับวิธีการต่อสู้ในเวลากลางคืนให้แก่คู่ต่อสู้เอง

การเปลี่ยนแปลงทางความคิดและทัศนคติ นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของการกระทำครั้งใหญ่

ซูเฉินไม่ได้พยายามปกปิดความผันผวนของป้ายหยกอีกต่อไป เขายังคงก้าวต่อไปพร้อมกับวางมาดเล็กน้อย

ท่าทางเช่นนี้ช่วยดึงดูดผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ได้มากมายจริง ๆ

ฟิ้ว!

หอกไม้บินออกมาจากป่า ตรงเข้าไปหาซูเฉิน

โชคไม่ดีที่ก่อนที่บุคคลผู้นั้นจะขว้างหอกออกมา ซูเฉินได้ตรวจพบเสียงหายใจของเขาไปเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นมันย่อมจะเป็นไปไม่ได้ที่ซูเฉินจะปล่อยให้หอกนี้พุ่งมาโดนตน

ซูเฉินหลบหอกไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็คว้าด้ามหอกและส่งมันบินกลับไป ถัดมาสิ่งที่เขาได้ยินคือเสียงร้องดังมาจากในป่า

ต้องยอมรับเลยว่าฝ่ามือดอกไม้บินนั้นทรงพลังมากจริง ๆ คุณลักษณะที่โดดเด่นที่สุดคือการใช้งานได้จริง อะไรก็ตามที่ถูกโยนออกไปจะมีความสามารถในการทำลายเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นที่สามารถเขย่าจักรวาลได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ก็มีความสามารถในการปรับตัวที่ทรงพลังมาก

ผู้ที่ขว้างหอกมาถอยกลับไปพร้อมกับเสียงร้องครวญคราง ซูเฉินยิ้มและพูดว่า “เจ้าคิดจะจากไป โดยไม่ทิ้งคะแนนไว้ได้อย่างไร?”

เขาเปิดใช้งานก้าวย่างหมอกอสรพิษไล่จับคู่ต่อสู้ขโมยคะแนนของอีกฝ่ายไปได้อย่างง่ายดาย

น่าเสียดายที่ผู้ขว้างหอกมีคะแนนเพียงแต้มเดียวเท่านั้น เมื่อซูเฉินเอาคะแนนของเขาไป ผู้เข้าสอบคนนั้นก็หายตัวออกจากสนามไปทันที

“มันมีเหลืออยู่เพียงแต้มเดียว?” ซูเฉินส่ายหัวและถอนหายใจ

ทันใดนั้นแสงประกายเย็นวาบก็ปรากฏขึ้น

ผู้เข้าสอบอีก 2 คนพุ่งเข้ามาหาซูเฉินทั้งซ้ายและขวา การมาถึงของพวกเขากะทันหัน รวดเร็ว รุนแรงและเหนือความคาดหมาย

ราวกับผู้เข้าสอบคนก่อนหน้านี้เป็นเพียงเหยื่อล่อ

ถึงกระนั้น นี่ก็ไม่สามารถหลบซ่อนไปจากหูของซูเฉินได้ ขณะที่ทั้ง 2 กระโจนออกมา ซูเฉินก็หัวเราะขึ้นเบา ๆ ลูกไฟขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในมือของเขาแล้วพุ่งเข้าหาหนึ่งในนั้น ส่วนอีกคนที่เขาไม่สนใจส่งดาบแทงทะลุร่างของซูเฉิน อย่างไรก็ตามผู้เข้าสอบคนนั้นกับถูกขัดขวางจากแสงสีขาวและไม่สามารถรุดหน้าต่อไปได้

หลังจากส่งคนหนึ่งบินไปด้วยการระเบิดของลูกไฟ ซูเฉินหันกลับมามองอีกคนที่เหลือและยิ้มขึ้น “เจ้าแหย่ข้าเสร็จหรือยัง?”

ผู้เข้าสอบคนนั้นแทงซ้ำ 2-3 ครั้งแต่ก็ยังไม่สามารถสร้างบาดแผลให้ซูเฉินได้ และในที่สุดเขาก็เริ่มตื่นตระหนก เขาอยากจะถอยหนี แต่ก็พบว่าไม่สามารถขยับตัวได้ มีบางอย่างที่ดูคล้ายหนวดจำกัดการเคลื่อนไหวของเขาไว้โดยการหมัดอย่างแน่นหนา สิ่งที่เขาเห็นหลังจากนั้นคือฝ่ามือของหน้ากากปีศาจกระแทกเข้าหามาเขา …

หลังจากจบการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม ซูเฉินมองไปที่ทั้ง 2 คนที่นอนอยู่ที่นั่นและพูดพึมพำเสียงเบา “ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มก่อตั้งพันธมิตรกันแล้ว?”

เมื่อเวลาผ่านไป ดูเหมือนผู้เข้าสอบบางคนจะตระหนักได้ว่ามันยากที่จะสู้เพียงลำพังในสถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นพวกเขาเลือกที่จะเดินบนเส้นทางของพันธมิตร

แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง พวกเขาไม่ได้รังเกียจการรวมกลุ่ม ทว่าก็ไม่กลัวพวกที่รวมกลุ่มเช่นกัน

ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นกุ่ยเหริน อวิ๋นเป้า กานเออร์ลี่ ผู้เข้าสอบที่รวมกัน 2-3 คนก็ไม่มีผลอะไรกับซูเฉิน เป็นการเอาคะแนนมาเพิ่มให้เขาล้วน ๆ

หลังจากการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง ซูเฉินก็ได้รับคะแนนมาอีก 15 แต้ม จำนวนคะแนนทั้งหมดของเขาก็เปลี่ยนไปเป็น 67 แต้ม

เหตุผลที่เขาทำคะแนนได้มากมาย นอกเหนือจากความจริงที่ว่าซูเฉินกล้าหาญและทำงานหนัก อีกเหตุผลหนึ่งก็คือหลังจากต่อสู้มาทั้งวัน ผู้เข้าสอบหลายคนก็ได้ถอนตัวออกจากสนามสอบไปแล้ว และจำนวนคะแนนทั้งหมดก็เริ่มมาอยู่รวมกัน

ตอนนี้สกุณาเหมันต์จีหานเยี่ยนผู้ครองอันดับ 1 ได้คะแนนมามากกว่า 300 แต้มแล้ว และผู้เข้าสอบหลายคนก็มีคะแนนเกิน 6 แต้มแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากตอนนี้สามารถเอาชนะใครสักคนได้ ก็เป็นไปได้ที่จะได้รับ 2 คะแนน มีเพียงไม่กี่คนที่เหลือคะแนนเพียงแต้มเดียวเหมือนเหยื่อล่อก่อนหน้านี้

และเมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์นี้ก็จะเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้เข้าสอบจำนวนมากขึ้นถูกส่งออกจากสนามสอบ และผู้เข้าสอบที่เหลือก็จะมีคะแนนมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นจำนวนการต่อสู้ระหว่างนักเรียนจะลดลงเพราะเหตุนี้ แต่ความเร็วในการได้รับคะแนนจะเพิ่มขึ้นจำนวนการต่อสู้ระหว่างนักเรียนจึงลดลงเพราะเหตุนี้ ทว่าความเร็วในการได้รับคะแนนกลับเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญที่สุด

สำคัญที่สุดคือ อันดับของซูเฉินได้เพิ่มขึ้นอีกครั้ง!

หลังจากเอาชนะกุ่ยเหรินแล้ว ทุกคนกำลังรอให้อันดับของซูเฉินลดลง อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าซูเฉินจะกระตือรือร้นราวกับกินยาบางอย่างไป เขาไม่ได้เลื่อนอันดับลงอย่างช้า ๆ เหมือนครั้งที่แล้ว แต่อันดับของเด็กหนุ่มกลับพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง

ซูเฉินใช้เวลานานแค่ไหนกันกว่าจะได้รับคะแนนไป 15 แต้ม? อันดับของเขาเพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 74 เป็น 72 แล้ว

แม้ว่าความห่างชั้นจากการเปลี่ยนแปลงของอันดับจะไม่มากนัก แต่มันค่อนข้างหายากสำหรับคนที่ไม่มีสายเลือด ที่จะขึ้นมาสู่การจัดอันดับ และก้าวหน้ามากกว่าร่วงลง ก็นับเป็นสิ่งที่สะดุดตาและค่อนข้างดึงดูดความสนใจ

ในที่สุดผู้คนก็เริ่มสังเกตเห็นซูเฉินมากขึ้นเรื่อย ๆ และ ‘จอแสง’ ก็เริ่มแสดงภาพซูเฉินมากขึ้นเรื่อย ๆ

ซูเฉินไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความบ้าคลั่ง ในความคิดของซูเฉินตอนกลางคืนก็เปรียบได้กลับสวนหลังบ้านของเขาเอง ดังนั้นหากเขาสามารถไปถึงเนินกลบวิญญาณได้ในเวลานี้ มันจะช่วยเขาให้พ้นจากปัญหาในตอนกลางวันได้ อย่างไรก็ตามซูเฉินไม่รู้ว่าเขาได้กลายเป็นตัวละครสำคัญของผู้ชมภายนอกไปเสียแล้ว

ปัง!

ผู้เข้าสอบอีกคนถูกส่งบินไป

ลูกไฟที่สว่างไสวสว่างไสวในยามค่ำคืนเผยให้เห็นฉากที่ตื่นตา ร่างของซูเฉินเปล่งประกายลอยขึ้นไปในอากาศและจากนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด

“เด็กน้อย ดูเหมือนว่าตอนนี้จะเป็นเวลาของมัน ที่จะได้แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริง” มีบางคนหัวเราะขึ้น

“มันคงจะเหมือนกุ่ยเหริน ที่มีทักษะการต่อสู้ในตอนกลางคืน” มีใครบางคนตระหนักถึงประเด็นนี้

กุ่ยเหรินจบลงด้วยการเตะไปโดนแผ่นเหล็ก

“แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่มันก็ยังน่าประทับใจมาก สังเกตไหมว่าเด็กนั้นมีทักษะต้นกำเนิดอยู่หลายอย่าง? จริง ๆ แล้วมันมีมากถึง 7 อย่าง”

“อืม แต่มันไม่มีทักษะต้นกำเนิดที่ทรงพลังอยู่เลย อาศัยปริมาณเพื่อชดเชยยังไม่เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหานี้” มีคนชี้ให้เห็นจุดอ่อนที่แท้จริงของซูเฉิน

“โอ้ ถ้าเป็นเช่นนั้นหนทางข้างหน้าของมันก็คงจะมีจำกัด บางทีเด็กน้อยนี้อาจจะได้มีช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์และติดอันดับ 100 อันดับแรก แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ไม่มีวันกลายเป็นคนแบบหลงพั่วจวิน ข้าคิดว่า 50 อันดับแรกคือขีดจำกัดของเขา” มีคนสรุป

บุคคลสำคัญที่เฝ้าดูการต่อสู้ล้วนมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและประสบการณ์มากมาย พวกเขาสามารถบอกจุดแข็งของซูเฉินได้เพียงแค่แวบเดียวรวมถึงอันดับสูงสุดที่เขาน่าจะทำได้

ถึงกระนั้นก็ยังมีบางสิ่งที่แม้แต่ดวงตาที่มีประสบการณ์คู่หนึ่งก็ไม่สามารถแทนที่ได้

ในขณะที่บุคคลสำคัญยังคงมีส่วนร่วมในการพูดคุย ในที่สุดซูเฉินก็มาถึงในเขตที่ 6  เขามาถึงที่ตั้งของเนินกลบวิญญาณ

สถานที่นั้นเต็มไปด้วยกองเศษหินและต้นไม้ล้ม

เศษหินและต้นไม้เป็นฝีมือของอารามนิรันดร์เอง พวกเขาตัดเส้นทางผ่านพืชพันธุ์และเริ่มขุดเปิดอุโมงค์ก่อนที่จะพบเนินกลบวิญญาณในที่สุด ในตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะรอให้มันเปิดเอง แต่เนื่องจากสถาบันมังกรซ่อนเร้น พวกเขาจึงถูกบังคับให้เปลี่ยนแผน

โดยพื้นฐานแล้วมันเหมือนกับการรอคอยสาวงาน ที่ในที่สุดก็สามารถเกลี้ยกล่อมนางให้เปลื้องผ้าได้แล้ว ทว่าเมื่อมาถึงจุดสุดท้ายแล้ว กลับมีคนมาบอกว่า ขออภัยพวกเขาจำต้องเปลี่ยนตัว

ใคร ๆ ก็คงสามารถจินตนาการถึงความหดหู่ใจนี่ได้อย่างง่ายดาย

ไม่ใช่เพียงแค่นั้น หลังจากที่พวกเขาเปลี่ยนตัวสาวสวยไปแล้ว พวกเขากลับไม่ยอมอนุญาตให้จากไป … เพราะพวกเขาจะช่วยหาคนใหม่มาให้แทน

ไม่ได้รู้สึกผิดเลย

บนยอดหอคอยสูงผู้คนจำนวนมากกำลังเฝ้าดูการเคลื่อนไหวในสนามสอบ

จ้าวอวี้กำลังมองดูจอแสงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ใบหน้าของเขามักจะมีสีหน้ามืดมนและจริงจัง การแสดงออกของเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงประดุจรูปปั้นดินเหนียว

แต่ในขณะนั้นใบหน้าที่ไม่เคยเปลี่ยนราวกับน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย ในที่สุดก็เปลี่ยนไปเป็นการแสดงออกที่ยากจะเห็นได้

คิ้วของจ้าวอวี้สั่นระริก ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เผยให้เห็นความสดใสที่น่าตกใจ ราวกับว่าเขาเปลี่ยนจากรูปดินเหนียวไปเป็นรูปปั้นทองคำของเทพเจ้า

วินาทีต่อมา เสียงหวีดหวิวมากมายก็ดังขึ้นให้ได้ยิน

อุกกาบาตไฟจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น พวกมันพากันพุ่งตรงมายังหอคอยสูง !