ตอนที่ 474 โดนพิษอะไร
มีคนเช่นนี้อยู่ข้างตัวก็เป็นเรื่องดีสำหรับมู่หรงกวานเย่ว์ สิบปีมานี้ มู่หรงกวานเสวี่ยไม่เคยทำเรื่องทรยศต่อนางจริงๆ นางสามารถควบคุมมู่กรงกวานเสวี่ยได้ คิดถึงตรงนี้ นางก็ตัดสินใจเชื่อมู่หรงกวานเสวี่ยสักครั้ง
นางประคองมู่หรงกวานเสวี่ยที่คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยตัวเอง
“ไม่มีคราวหน้าแล้วนะ”
มู่หรงกวานเสวี่ยโล่งใจ สีหน้ายินดี
“ตลอดชีวิตนี้ข้าจะไม่ทรยศท่านพี่เด็ดขาด ยินดีจะภักดีต่อท่านพี่ไปทั้งชีวิต”
“ลุกขึ้นเถิด! ไม่ต้องกังวลฝั่งท่านอ๋อง มีเราอยู่ทั้งคน”
มู่หรงกวานเสวี่ยพยักหน้า
“ที่จริงข้าไม่กังวลท่านอ๋อง เมื่อครู่ข้าวางยาหลิงอวี้จื้อแล้ว ท่านอ๋องไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก ยังมีอีกเรื่องเพคะ ท่านพี่ มั่วชิงที่อยู่กับหลิงอวี้จื้อ ก็เคยเป็นผู้คุมกฎสำนักอู๋จี๋”
“เช่นนี้ก็น่าสนใจแล้วสิ นึกไม่ถึงว่านางก็เป็นคนของสำนักอู๋จี๋ มิน่าวิทยายุทธ์ไม่เลว เจ้ากลับไปก่อนเถิด!”
“เช่นนั้นข้ากลับก่อนเพคะ อีกสองสามวันจะกลับมาเยี่ยนท่านพี่อีกครั้ง”
มู่หรงกวานเสวี่ยลุกขึ้นแล้วออกไป มู่หรงกวานเย่ว์พิงเก้าอี้ ที่แท้ก็ยังมีคนทะเยอทะยานเช่นนี้ซ่อนอยู่ในมุมมืด ไม่ว่าอย่างไร นางก็ต้องรักษาตำแหน่งของเฉินมั่วฉือเอาไว้ให้มั่น ในเมื่อเป็นฮ่องเต้แล้ว เช่นนั้นชาติบ้านเมืองก็เป็นของเขา ใครก็แย่งไปมิได้ นางสูญเสียความรักจากเซียวเหยี่ยนแล้ว จะไม่ยอมเสียชาติบ้านเมืองไปอีกเด็ดขาด
หลิงอวี้จื้อรีบร้อนกลับจวน พอกลับไปถึงก็เรียกมั่วชิงมาที่ห้องทันที ให้มั่วชิงจับชีพจรเธอ เธอมองมั่วชิงอย่างวิตกกังวล รอมั่วชิงบอกผลกับเธอ ในใจตุ้มๆ ต่อมๆ เกรงว่าตนเองจะโดนพิษวิปริตอะไร
คิ้วมั่วชิงขมวดแน่น ดูเหมือนจะกำลังวินิจฉัยอีกครั้ง รอสักพักถึงปล่อยมือ หลิงอวี้จื้อรีบถามทันที
“มั่วชิง ผลเป็นอย่างไรบ้าง”
“คุณหนู มู่หรงกวานเสวี่ยเป็นคนวางยาพิษคุณหนูหรือเจ้าคะ”
หลิงอวี้จื้อกลับมาถึงก็ลากมั่วชิงมาจับชีพจร ยังไม่ทันได้บอกมั่วชิงว่าใครวางยาพิษเธอ ตอนนี้ได้ยินมั่วชิงถามเช่นนี้ เธอก็รู้แล้ว มู่หรงกวานเสวี่ยวางยาพิษของสำนักอู๋จี๋แก่เธอ
เธอพยักหน้า ถามต่อ
“ข้าโดนพิษอะไร”
“คุณหนูโดนพิษแดงทั่วธาร พิษนี้มิได้อันตรายถึงแก่ชีวิต แต่จะทำให้เสียโฉมเจ้าค่ะ”
มั่วชิงใช้คำพูดอย่างระมัดระวัง
“จะเสียโฉมอย่างไร”
ได้ยินว่าไม่อันตรายถึงชีวิต หลิงอวี้จื้อก็โล่งอกไปเปลาะหนึ่ง ไม่ถึงแก่ชีวิตก็ดีแล้ว เธอแค่กลัวว่าจะโดนพิษอะไรที่ถึงแก่ชีวิต
มั่วชิงพูดต่อ
“เมื่อโดนยาพิษนี้แล้ว ภายในสามวันจะมีผื่นแดงขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งตัวจะมีแต่ผื่นแดง
จากนั้นผื่นแดงก็จะขยายใหญ่ไม่หยุด กลายเป็นตุ่มน้ำ ภายในมีหนอง ผิวจะเริ่มเปื่อยยุ่ย จนสุดท้ายทั้งตัวจะไม่มีผิวดีสักที่เดียว แล้วจะทิ้งแผลเป็นที่ชัดเจนเอาไว้เจ้าค่ะ”
จากคำพูดของมั่วชิง หลิงอวี้จื้อสามารถจินตนาการฉากนั้นออก นั่นก็เท่ากับว่าไม่สามารถพบหน้าใครได้เลย จะเปลี่ยนโฉมไปจนคนจำไม่ได้
ถึงแม้เธอจะไม่ใช่คนที่เห็นว่าหน้าตาสำคัญกว่าชีวิต แต่ก็รับไม่ได้ที่ตัวเองจะกลายเป็นคนอัปลักษณ์เช่นนั้น ไม่เพียงตนเองจะกลัว คนอื่นเห็นแล้วก็จะตกใจเช่นกัน
มู่หรงกวานเสวี่ยเกลียดเธอขนาดไหนกัน นึกไม่ถึงว่าจะวางยาพิษที่ทำให้เธอเสียโฉมแบบนี้ เธอใกล้จะแต่งงานแล้วแท้ๆ ถึงตอนนั้นผิวเปื่อยไปทั้งร่าง จะแต่งงานได้อย่างไร
ไม่ได้ เธอจะต้องเอายาถอนพิษมาให้ได้ มิเช่นนั้นการแต่งงานครั้งนี้จะถูกมู่หรงกวานเสวี่ยป่วนย่อยยับ
“มียาถอนพิษหรือไม่”
หลิงอวี้จื้อถามต่อ
“พิษนี้มียาถอนพิษเจ้าค่ะ มู่หรงกวานเสวี่ยคงมียาถอนพิษอยู่กับตัว ให้ข้าน้อยไปหายาพิษที่นั่น ข้ารู้จักยาถอนพิษเจ้าค่ะ”
“เจ้าไปได้แน่ แต่ต้องระวังให้ดี มั่วชิง เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกท่านอ๋องนะ ช่วงนี้ท่านอ๋องยุ่งมาก หากจัดการเองได้ เช่นนั้นก็จัดการกันเองก่อน”
มั่วชิงรับปาก แล้วออกไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่ 475 ถามรายละเอียดให้รู้เรื่อง
หลิงอวี้จื้อให้คนไปเชิญมู่หรงนี่อวิ๋นมา ในเมื่อมู่หรงกวานเสวี่ยก็เป็นพี่สาวแท้ๆ ของเขา มีบางเรื่องที่เธออยากถามเขาให้กระจ่าง
พอรู้ว่าหลิงอวี้จื้อตามหาเขา มู่หรงนี่อวิ๋นก็มาทันที รวดเร็วเสียจนหลิงอวี้จื้ออดใจไม่ไหว เดาะลิ้นจุ๊ๆ
“เร็วขนาดนี้เชียวหรือ”
“กำลังจะมาหาเจ้าพอดี อวี้จื้อ อย่างนี้เรียกว่าใจตรงกันหรือไม่”
“แค่เรื่องบังเอิญ เจ้าก็พูดเสียเป็นเรื่องลึกลับ ดื่มชาน้ำผึ้งส้มโอหรือไม่”
หลิงอวี้จื้อถาม เห็นมู่หรงนี่อวิ๋นพยักหน้า จึงรินชาให้ตัวเองกับมู่หรงนี่อวิ๋นคนละถ้วย
ชาน้ำผึ้งมะนาวรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ กระตุ้นปุ่มรับรส หลิงอวี้จื้อดื่มหมดรวดเดียว
“ชานี้อร่อยเหมือนเดิม”
“รสชาติประหลาดเช่นนี้ อร่อยตรงไหน”
มู่หรงนี่อวิ๋นบ่นพึมพำ แต่เสียงเบามาก หลิงอวี้จื้อไม่ได้ยิน พูดจบเขาก็ดื่มอีกอึก หลิงอวี้จื้อชอบดื่มขนาดนี้ ก็ดูเหมือนจะอร่อยมากจริงๆ ของที่นางชอบ เขาก็ยอมรับไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
“วันนี้ข้าเชิญเจ้ามาเพื่ออยากคุยเรื่องพี่รองของเจ้าสักหน่อย”
หลิงอวี้จื้อหยิบกาน้ำชาขึ้นมารินชาให้ตนเองอีกถ้วย
“พี่รองของเจ้าวิทยายุทธ์สูงส่งขนาดนี้ เจ้าไม่รู้สึกว่าประหลาดบ้างหรือ นางเรียนศิลปะการต่อสู้จากที่ใด เรียนวิทยายุทธ์ไม่เหมือนกับเรียนอย่างอื่น และไม่ใช่แค่วันสองวันก็เป็นได้ หากนางฝึกวิทยายุทธ์ในจวน เจ้าก็ย่อมต้องรู้”
มู่หรงนี่อวิ๋นวางถ้วยชาในมือลง พูดว่า
“พี่รองของข้าเพิ่งกลับมาเมื่อวาน ก่อนหน้านี้ข้าไปหาท่านพ่อ พูดเรื่องสำนักอู๋จี๋กับเขาแล้ว เพียงแต่ท่านพ่อไม่เชื่อคำพูดของข้า บอกว่าพี่รองไม่มีทางมีความสัมพันธ์กับสำนักอู๋จี๋ เป็นอย่างที่พี่รองข้าพูดไว้จริงๆ เขาไม่เชื่อคำพูดข้าเลยสักนิด
ข้ารู้ว่าเมื่อวานพี่รองกลับมาแล้ว เดิมทีกะว่าวันนี้จะไปหาพี่รองเพื่อถามให้รู้เรื่อง วันนี้นางเข้าวังแล้ว ข้าไปจวนตระกูลเจียงไม่พบนาง อวี้จื้อ วันนี้เจ้าเจอนางในวังใช่หรือไม่”
หลิงอวี้จื้อทำเสียงหึอย่างเย็นชา
“มากกว่าเจอกันเสียอีก นางแค้นข้ามาตั้งแต่ชาติปางก่อนแล้ว ทำข้าตกน้ำก่อน จากนั้นก็วางพิษที่ชื่อแดงทั่วธารใส่ข้า อยากจะให้ข้าเสียโฉม
นี่อวิ๋น ข้าทนไม่ไหวแล้วจริงๆ นางรังแกกันมากเกินไปจริงๆ รอข้าได้ยาถอนพิษมาก่อน ข้าไม่สนว่านางเป็นพี่สาวเจ้าหรือไม่ ข้าจะต้องลงมือกับนาง ที่แทงนางไปหนึ่งครั้งก่อนหน้านี้ ข้าดูถูกนางเกินไปแล้ว”
มู่หรงนี่อวิ๋นยืนขึ้นทันที ตอนแรกคิดจะยื่นมือไปจับหลิงอวี้จื้อไว้ ยื่นไปได้ครึ่งทางก็ชักมือกลับไป ถามอย่างกังวล
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
“ไม่ถึงตาย แต่ผิวจะเปื่อยุ่ยเสียโฉมทั้งร่าง พ่อเจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่านางจะไม่ใช่มู่หรงกวานเสวี่ยตัวจริงด้วยซ้ำ ข้าจำได้ว่าหน้ากากมนุษย์ของสำนักอู๋จี๋เหมือนจริงมาก”
มู่หรงนี่อวิ๋นนึกย้อนอย่างละเอียด
“พี่รองแก่กว่าข้าสี่ปี ตอนเด็กๆ นางนิสัยร่าเริงน่ารักอย่างยิ่ง ไม่ค่อยอยู่ในจวน ไปบ้านท่านตาที่ฮุ่ยหยางเป็นประจำ
แต่ละปีก็จะอยู่ถึงสองสามเดือน ที่นั่นไม่มีพันธนาการใดๆ ให้นางไปเล่นว่าว วิ่งเล่นข้างนอกได้ ตอนที่นางอยู่ในจวน ข้าก็ตามหลังนางต้อยๆ ไปเล่นกัน ไม่เคยเห็นนางฝึกยุทธ์เลย
ตอนที่นางอายุสิบสี่ปี จู่ๆ ก็ป่วยขึ้นมาครั้งหนึ่ง หลังจากป่วยแล้วก็ไม่ค่อยเล่นอย่างที่เคยเล่นเมื่อก่อน และไม่ค่อยเล่นกับข้าด้วย ต่อมาก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับข้าแล้ว แต่กลับสนิทกับพี่ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ
เจ้าพูดเช่นนี้ ก็มีเหตุผล วิทยายุทธ์ของนางสูงเช่นนี้ ข้าพูดถึงสำนักอู๋จี๋กี่รอบ ท่านพ่อก็จะทำหน้าเหยียดหยาม น้ำเสียงดูแคลนลัทธิองค์กรต่างๆ ในยุทธภพ นางอาจจะไม่ใช่พี่รองตัวจริงของข้าก็ได้”
“ใช่แล้ว วิทยายุทธ์ต้องฝึกฝนอย่างหนัก วิทยายุทธ์ของนางกับมั่วชิงสูสีกัน สิ่งนี้ต้องใช้ความพากเพียรพยายามอย่างหนัก มีความเป็นไปได้ว่านางจะไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของเจ้า”