ตอนที่ 337 ไวรัสเคลื่อนย้าย / ตอนที่ 338 หลอกถามกัน

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 337 ไวรัสเคลื่อนย้าย

 

 

เมื่อซย่าเสี่ยวมั่วตื่นขึ้นมาก็มีเพียงเสี่ยวฝูเอ๋อร์อยู่ในห้องทำงานคนเดียวเท่านั้น มองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใครอื่น จึงเอ่ยถามเด็กสาวที่นั่งเขียนการบ้านอยู่ทางด้านนั้น “เอ๊ะ ฉินซื่อหลานล่ะ”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์เห็นว่าเธอตื่นแล้วจึงเดินเข้ามาหา ทักทายอย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะพี่”

 

 

“สวัสดีจ้า” ซย่าเสี่ยวมั่วมองเด็กสาวหน้าตางามแบบสาวยุคโบราณที่นั่งยองอยู่ตรงหน้าตน ให้ความรู้สึกเข้าถึงยากเหมือนดอกไม้บนเทือกเขาสูง เป็นผู้หญิงที่ยิ่งมองนานๆ ยิ่งสวย “เธอคือเสี่ยวฝูเอ๋อร์?” เธอนึกไปถึงเด็กผู้หญิงที่ฉินซื่อหลานพูดถึง

 

 

“ค่ะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์พยักหน้า “ฉินซื่อหลานบอกว่าจะเอายาแก้หวัดไปให้พี่เหยียน ให้ฉันอยู่ดูแลพี่น่ะค่ะ”

 

 

“พี่เหยียน…” ซย่าเสี่ยวมั่วทำปากขมุบขมิบ “ฉันอยากกินข้าวแล้วอะ”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ก็ชอบซย่าเสี่ยวมั่วอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะการที่ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่เห็นเธอเป็นเหมือนคนนอก

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกินข้าวหน้าน่องไก่อย่างพึงพอใจ หลังจากทายาที่หัวเข่าแล้วก็รู้สึกเย็นๆ สบายขึ้นมาก

 

 

ฉินซื่อหลานที่เพิ่งกลับมา เมื่อเปิดประตูก็ได้กลิ่นอาหาร “ซย่าเสี่ยวมั่ว เธอเห็นห้องทำงานฉันเป็นโรงอาหารหรือไง” เขาเดินไปเปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วโซ้ยข้าวเข้าปากโดยไม่ลืมถามไถ่ถึงเหยียนเค่อ “เหยียนเค่อเป็นยังไงบ้าง”

 

 

“มีไข้ต่ำๆ” ฉินซื่อหลานยื่นข้าวให้เสี่ยวฝูเอ๋อร์ “ฉันยังอุตส่าห์เอาข้าวมาให้ ไม่คิดว่าเธอจะกินไปก่อนแล้ว งั้นฉันกินกับเสี่ยวฝูเอ๋อร์ล่ะนะ”

 

 

“เหอะ!” ซย่าเสี่ยวมั่วกินข้าวต่อไป

 

 

“เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ เธอสาดน้ำโดนตัวเหยียนเค่อได้ยังไง”

 

 

“อย่ากระโตกกระตากไป” ซย่าเสี่ยวมั่วปิดกล่องข้าว “ฉันจงใจไง ก็เลยสาดโดน”

 

 

“ใครมอบความกล้าให้เธอมากมายขนาดนั้นกันนะ” ฉินซื่อหลานไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร ยังกล้าบอกหน้าซื่อๆ ว่าตัวเองจงใจทำอีก

 

 

“เหยียนเค่อผลักฉันลงน้ำด้วยนะ! ไม่งั้นฉันจะไปใส่ชุดเขาได้ยังไง”

 

 

“เหยียนเค่อบอกว่าเขาก็ตกเหมือนกัน” ฉินซื่อหลานยังจำท่าทางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของเหยียนเค่อตอนเรียนเรื่องนี้ได้อยู่เลย

 

 

“สภาพก็เลยเละกันทั้งคู่ไง” ซย่าเสี่ยวมั่วมัดปากถุงแน่น “ถ้าไม่ใช่เพราะเขาหาเรื่อง รังเกียจนู่นรังเกียจนี่ละก็ ฉันจะทำตัวแย่ขนาดนั้นเหรอ!”

 

 

“ครับๆๆ” ฉินซื่อหลานตอบเธอแบบส่งๆ

 

 

เมื่อกี้ที่เหยียนเค่อเรียกเขาไปหานั้นดูแอ๊บแบ๊วมาก ขดตัวอยู่ในผ้าห่มไม่ยอมออกมา

 

 

ฉินซื่อหลานเหมือนกับคุณลุงเจ้าเล่ห์ที่ไปหลอกล่อเขาออกมา “หนูน้อยยื่นมือออกมาสิจ๊ะ ฉันจะเจาะสายน้ำเกลือให้นะ”

 

 

“ไสหัวไป” มีเสียงขึ้นจมูกเจือในความเยียบเย็นนั้น

 

 

“ทำไมนายไม่ขึ้นไปพร้อมซย่าเสี่ยวมั่วล่ะ ทำไมต้องให้ฉันมาหานายอีกรอบด้วย” ฉินซื่อหลานในยามนี้ลืมความอันตรายของเหยียนเค่อไปแล้ว จึงกระตุกผ้าห่มของเหยียนเค่อไม่หยุด

 

 

“ไสหัวไป!” เหยียนเค่ออารมณ์ไม่ดีขั้นสุด จดจำชื่อคนที่ดีใจจนลืมตัวไว้ในใจ

 

 

“เอ พอรักษาช้าแล้วโรคก็ลามขึ้นไปสมองแล้วเหรอ”

 

 

“ตอนนั้นไม่ได้เป็นไข้ แค่รู้สึกไม่สบายตัวนิดหน่อย เมื่อกี้อาบน้ำเสร็จเพิ่งรู้สึกว่าเป็นไข้” เหยียนเค่ออธิบายให้เขาฟังอย่างหมดแรง

 

 

“ว้า ไม่สนุกเลย มาให้ฉันแทงสักเข็มเร็ว” ฉินซื่อหลานดึงแขนเขาออกมาแล้วแทงเข็มให้ จนให้น้ำเกลือหมดแล้วจึงออกจากบ้านเขาไป

 

 

“เหยียนเค่อไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม” ที่แท้เหยียนเค่อก็เป็นคนที่พลังล้นเหลือนี่เอง ต่อยตีเข้าโรงพยาบาลไม่แปลก แต่ป่วยนี่สิแปลก

 

 

ฉินซื่อหลานอธิบายกับเขา “ช่วงนี้เหยียนเค่อน่าจะเหนื่อยเกินไป พักผ่อนน้อย รู้สึกอัดอั้นตันใจ แล้วยังไม่ดูแลตัวเองดีๆ อีก ถ้าจะป่วยก็ปกติแล้ว”

 

 

“แล้วฉันทำไมถึงเป็นไข้ล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกว่าตนก็เหนื่อยเช่นกัน ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนฤดู แถมเธอยังเป็นคนที่พลังล้นเหลืออีก

 

 

ฉินซื่อหลานมองเธอ “ไวรัสเคลื่อนย้ายล่ะมั้ง”

 

 

“ฉันคงน่ารักเกินไป พระเจ้าก็เลยส่งเชื้อไวรัสมาก่อกวนฉัน” ซย่าเสี่ยวมั่วใช้สองมือประคองใบหน้า

 

 

ฉินซื่อหลานยิ้มฝืน “เธอเอาความมั่นใจมาจากไหน”

 

 

เมื่อพูดจบก็โดนซย่าเสี่ยวมั่วทำร้ายอย่างไร้ความปรานี

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 338 หลอกถามกัน

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วกินดื่มจนอิ่มหนำแล้วก็ทั้งง่วงทั้งเหนื่อย เสี่ยวฝูเอ๋อร์ที่นั่งอยู่อีกฝั่งยังเขียนการบ้านอย่างขยันขันแข็งอยู่ จึงอยู่คุยเป็นเพื่อนเธอไม่ได้ เธอจำต้องรบกวนฉินซื่อหลาน

 

 

“ฉินซื่อหลาน ฉันอยากนอนแล้ว”

 

 

ฉินซื่อหลานถอยหลังลงหนึ่งก้าวอย่างเกินจริง “เธอจะนอนก็ไปหาเหยียนเค่อสิ อย่ามาเรียกฉัน!”

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วชะงักไป ดวงตาจ้องเขาเขม็ง “นายฝันเหรอ หรือว่าฉันกำลังฝันอยู่”

 

 

เธอง่วงจนแยกไม่ออกแล้วว่าอันไหนความจริงอันไหนความฝัน

 

 

“เธอจะกลับบ้านไหม หรือไม่ก็นอนโรงพยาบาลไหม” ฉินซื่อหลานเสนอ เขาคิดว่าเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของทีมแพทย์พยาบาล ควรจะใช้เปลมาหามซย่าเสี่ยวมั่วไปที่ห้องพักผู้ป่วยจะดีกว่า

 

 

“นอนโรงพยาบาลนี่แหละ อย่าลืมออกประวัติการรักษากับใบเสร็จรับเงินให้ฉันด้วยนะ ขอบคุณ” ซย่าเสี่ยวมั่วพูดด้วยใบหน้าจริงจัง ก่อนจะหาวหวอดยาวเหยียด

 

 

ฉินซื่อหลานเรียกคนให้มายกซย่าเสี่ยวมั่วไป และยังกำชับเป็นมั่นเป็นเหมาะ “ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ห้ามแตะต้องผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด”

 

 

“ฉันไม่ใช่ตะบองเพชรซะหน่อย” ซย่าเสี่ยวมั่วไม่มีแรงมาอภิปรายทางทฤษฎีกับเขาแล้ว ทำได้เพียงเถียงกลับไปอย่างอ่อนแรงเท่านั้น

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์นั่งฟังอยู่ข้างๆ จนซย่าเสี่ยวมั่วโดนยกตัวออกไปแล้ว เธอจึงเงยหน้าจากกองการบ้านมาถามฉินซื่อหลาน “พี่สาวคนนี้ชอบพี่เหยียนเหรอคะ”

 

 

ฉินซื่อหลานเพิ่งกลับไปนั่งที่ตัวเอง ได้ยินเธอถามเช่นนี้ก็แสร้งเป็นลูบคางอย่างสุขุมลุ่มลึก “น่าจะใช่”

 

 

“ฉันคิดว่าตอนที่เขาเรียกชื่อพี่เหยียน น้ำเสียงดูเบิกบานมากเลยนะคะ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ใช้ปากกาจรดไปที่คางแล้วคิดวิเคราะห์อย่างละเอียด

 

 

“ตั้งใจทำการบ้านเถอะ” ฉินซื่อหลานเดินไปเคาะกะโหลกเธอ “วิชาชีวะฯ ทำเสร็จแล้วเหรอ ถึงมีเวลามานั่งวิเคราะห์สภาพจิตใจคนอื่นน่ะ”

 

 

“ฉันก็แค่คิดว่าคุณสวีอิ๋งอิ๋งไม่เหมาะกับพี่เหยียนเลย” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ก็ชอบเหยียนเค่อเหมือนกัน อย่างไรเสียทุกคนก็ชอบคนหน้าตาดี ผู้หญิงทุกคนต่างก็ชื่นชอบผู้ชายหน้าตาหล่อมีความสามารถกันทั้งนั้นแหละ

 

 

ฉินซื่อหลานหยิบสมุดการบ้านเธอออกมาตรวจ “แล้วทำไมเธอไม่ไปแย่งมาล่ะ มาคิดเรื่อง

 

 

ซย่าเสี่ยวมั่วทำไม”

 

 

“เพราะว่าพวกเขาเหมาะสมกันไงคะ ฉันไม่กล้าสาดน้ำใส่พี่เหยียนหรอก” เสี่ยวฝูเอ๋อร์แบมือ

 

 

วกกลับไปหัวข้อที่ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะอีกแล้ว ฉินซื่อหลานนึกไปถึงคำอธิบายของซย่าเสี่ยวมั่วในตอนนั้นแล้วพยักหน้า “ก็จริง สองคนนั้นเหมาะสมกันจริงๆ”

 

 

“พี่ก็ชอบพี่สาวคนนั้นไม่ใช่เหรอ งั้นพี่กับพี่เหยียนจะแย่งกันไหมเนี่ย”

 

 

“ฉันไม่เหมาะกับซย่าเสี่ยวมั่วสักหน่อย” ฉินซื่อหลานอธิบายให้เธอฟังอย่างไม่ใส่ใจนัก “แล้วความชอบสองแบบนี้มันก็ไม่เหมือนกัน ฉันชอบซย่าเสี่ยวมั่วแบบเพื่อน แต่ความชอบของเขากับเหยียนเค่อเป็นแบบรัก อยากแต่งงานมากกว่า”

 

 

“อ๋อ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์แอบดีใจ “เป็นอย่างนี้นี่เอง ถ้างั้นพี่เหยียนก็ชอบพี่เขาเหมือนกันสินะคะ?”

 

 

ฉินซื่อหลานโดนยายเด็กคนนี้หลอกถามโดยไม่รู้ตัว ใช้สมุดในมือเคาะไปที่ศีรษะของเธอ “ตั้งใจทำการบ้านเถอะ อย่าฟังเรื่องซุบซิบเยอะนักเลย”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์เบะปากอย่างไม่ยอมแพ้ ก่อนจะแอบด่าในใจ ‘พวกพี่ซุบซิบกันทั้งวันยังมีหน้ามาลิดรอนสิทธิ์ในการฟังเรื่องซุบซิบของคนอื่นอีกเหรอ น่าอายชะมัด’

 

 

ฉินซื่อหลานอ่านการบ้านของเธอเสร็จไปหน้าหนึ่ง ก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาอีก “ตอนนี้เธอมีผู้ชายที่ชอบแล้วใช่ไหม”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์นิ่งเฉย ความงามสง่าของเธอทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอไม่ชอบมีความรักและรู้สึกว่าพวกผู้ชายต่างก็ไม่คู่ควรกับเธอ

 

 

ฉินซื่อหลานเปลี่ยนวิธีพูดใหม่ “ในห้องเธอมีผู้ชายมาจีบเยอะเลยใช่ไหม”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์พยักหน้า “แต่ฉันเอาจดหมายรักพวกนั้นเสียบไว้ในสมุดการบ้านหมดเลย”

 

 

“…” โอ้โห เด็กสมัยนี้มันเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ฉินซื่อหลานวางสมุดการบ้านของเธอลง “ฉันไม่หลอกถามเรื่องส่วนตัวของเธอแล้วดีกว่า”

 

 

“ในเล่มนี้ไม่มีหรอก เพราะครูชีวะฯ ของเราชอบจับคู่มาก”

 

 

ขนาดความชอบของคุณครูยังรู้ดีขนาดนี้ ฉินซื่อหลานล่ะนับถือเด็กสมัยนี้จากใจจริง