ตอนที่ 362
ข้องใจ
“เจ้า ว่าอะไรนะ”ชิงชิวอึ้งไปพลางมองชายตรงหน้าด้วยท่าทีสับสน ถงอี้หลงผู้นี้เหมือนจะเป็นยอดฝีมือรุ่นใหม่อันดับที่ 66 ซึ่งเคยอยู่อันดับที่ 65 มาก่อน หรือก็คือชิงชิวที่อยู่ๆก็ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 65 นั้นถีบหัวมันลงไปอันดับต่ำขึ้นนั่นเอง
“ไม่ได้ยินหรือไง ข้ามาเพื่อสู้กับเจ้าเพื่อชิงตำแหน่งคืน”ถงอี้หลงว่าพลางเริ่มตั้งกระบวนท่า
“เจ้าก็ไปแจ้งผู้ทำตำราเอาเองสิ แล้วเจ้ามาท้าข้าสู้แบบนี้จะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา”ชิงชิวถามพลางถอนหายใจออกมา ไม่นึกว่าแค่มาเยี่ยมสำนักเก่าตนเองจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
“เจ้าไม่รู้หรือไง คนของตำราจัดอันดับจอมยุทธอยู่ทุกหนแห่ง ทุกการต่อสู้พวกมันต่างทราบผล ขอเพียงข้าเอาชนะเจ้าต่อหน้าผู้คนไม่ได้ไปปิดห้องประลองกันเพียงลำพัง อันดับของข้าก็จะกลับมาเหมือนเดิม”ถงอี้หลงตอบ ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาชิงชิว
“…..”ชิงชิวไม่ทราบจะตื่นเต้นตรงไหนก่อนดี อยู่ๆมันก็ต้องมาสู้กับคนอื่นหรือความยอดเยี่ยมของพวกลูกศิษย์ของท่านไช่จินดี
ฟุบๆ… กระบี่ของถงอี้หลงพลาดตัวชิงชิวไปอย่างน่าเสียดาย ชิงชิวแม้จะยังไม่ใช้ความสามารถล่องหน แต่เพราะสายตาขออสูรแมงมุมนั้นทำให้สามารถมองเห็นการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย เมื่อเทียบกับฝ่ามือประกายอัสนีหรือปีกของไป๋ไป่แล้ว การโจมตีของถงอี้หลงกลับช้าราวกับหยุดอยู่กับที่
ฟุบ…..กระบี่ของถงอี้หลงราวกับเล็งโจมตีอากาศธาตุ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังโจมตีต่อไปไม่หยุดยั้ง หากเป็นชิงชิวเมื่อก่อนละก็คงจะหลบกระบวนท่าที่รวดเร็วเช่นนี้ไม่พ้นแน่ๆ แต่ยามนี้มันเอี้ยวตัวเพียงเล็กน้อยก็สามารถหลบได้แล้ว อาจจะเพราะมองเห็นทุกอย่างช้าลง ทำให้มีเวลาคิดรับมือมากขึ้น
วูบ…ชิงชิวหายตัวไปต่อหน้าต่อตาถงอี้หลงและเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายพร้อมทั้งใช้วิชาปิดบังพลังวิญญาณแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากไม่ต้องปิดพลังอสูรไปด้วยละก็ชิงชิวสามารถปิดพลังวิญญาณได้จนเกือบถึงระดับแรกเริ่มเลยทีเดียว
“อะไรกัน”ถงอี้หลงรวมทั้งเจ้าสำนักเหยี่ยวทะเลทรายสะดุ้งโหยงมองไปรอบๆด้วยความตกใจทันที
ฟุบ…ชิงชิวยิงใยแมงมุมโปร่งแสงขึ้นไปบนหลังคาของสำนัก ก่อนจะดึงตัวเองให้ขึ้นไปบนหลังคาที่อยู่ด้านหลังถงอี้หลงในทันที
วูบ..ชิงชิวกระโดดวูบลงมาจากหลังคา ก่อนจะเรียกมีดและดาบสั้นออกมาจากแหวนมิติของมันก่อนจะถึงตัวถงอี้หลงไม่กี่วินาที
ฟุบๆๆ ทั้งมีดและดาบสั้นของชิงชิวปาดไปตามร่างของถงอี้หลงอย่างรวดเร็ว เพราะเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการเพียงท้าประลองเท่านั้น ชิงชิวเลยโจมตีแต่เพียงเสื้อผ้าภายนอกเท้านั้น
“เจ้าแพ้แล้ว”ชิงชิวพูดพลางหยุดดาบสั้นเอาไว้ที่คอของถงอี้หลง ส่วนมีดนั้นจ่อไปที่หัวใจ วิชาที่ชิงชิวใช้ออกมานั้นเป็นวิชาที่มันคิดค้นมาจาก 2 วิชาที่ไป๋จูเหวินมอบให้ มันเรียกวิชานี้ว่าเหยี่ยวเทาคร่าใจ
“ฮะ เกิดอะไรขึ้น”ถงอี้หลงอึ้งไปเมื่อเห็นว่าชิงชิวปรากฎตัวขึ้นด้านหลังแถมยังจ่ออาวุธของมันเอาไว้ที่จุดตายของมันอีกต่างหาก
ตุบ….กางเกงของถงอี้หลงร่วงหล่นลงพื้นเพราะชิงชิวตั้งใจโจมตีแค่เสื้อผ้าเท่านั้น น่าเสียดายที่ชิงชิวยังใช้กระบวนท่าได้ไม่คล่องพอ เลยเผลอตัดสายรัดกางเกงถงอี้หลงไปเสียได้
“ปละ ปล่อยข้า ข้ายอมแล้วๆ”ถงอี้หลงพยายามจะคว้ากางเกงตัวเองเอาไว้ แต่เพราะดาบสั้นของชิงชิวจ่อที่คอแถมมีดสั้นยังจ่อที่กลางอกทำให้มันก้มลงไปคว้ากางเกงไม่ได้เสียอย่างนั้น
“ก็ได้”ชิงชิวว่าพลางปล่อยถงอี้หลงให้เก็บกางเกงตัวเองขึ้นมาสวมเสียก่อนจะมีศิษย์คนอื่นมาเห็นมันเข้า
“พี่ชิงชิว ท่านเหมาะสมกับตำแหน่งจริงๆ ข้าไม่น่าข้องใจเลย”ถงอี้หลงเปลี่ยนท่าทีไปทันทีเมื่อโดนจัดการในพริบตา
“นั่นสิ เจ้าคงได้วิชาใหม่ๆมามากมาย แต่ข้าก็ยังดีใจที่เจ้ายังใช้ท่าเท้เหยี่ยวเทาท่องลมอยู่นะ”เจ้าสำนักว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ มันทราบดีว่าสำนักตนเองเป็นเพียงสำนักชั้นรองที่ถูกย้ายมาทางเหนือ ไม่คิดว่าวิชาของตนเองจะเป็นใหญ่ในใต้หล้าแต่อย่างไร
“แต่ฝีมือระดับพี่ชิงชิวน่าจะขึ้นไปสูงกว่านี้นะขอรับ ข้าเคยสู้กับเจ้าคนระดับ 64 มันยังสูสีกับข้ามากกว่าพี่เสียอีก”ถงอี้หลงว่าพลางมัดกางเกงตัวเองเสียใหม่
“ข้ายังไม่ค่อยได้ลงมือเท่าไหร่ บางทีผลงานอาจจะยังไม่พอก็ได้”ชิงชิวว่าพลางยิ้มเจื่อนๆ พออยู่กับพวกไป๋ไป่นางเล่นจัดการเปลี้ยงเดียวพวกระดับเทียนเซียนยังล้มไปกอง มีหรือจะเหลือโอกาสให้ชิงชิวได้ลงมือ หน้าที่ของมันมีแค่เป็นพี่เลี้ยงขององค์หญิงเท่านั้นเอง
“ส่วนวิชาเหยี่ยมเทาท่องลมข้าคงทิ้งไม่ได้หรอก เพราะท่าเท้าของท่านเจ้าสำนักข้าเลยมีโอกาศได้ถวายงานให้องค์จักรพรรดิเลยนะขอรับ”ชิงชิวว่าพลางยิ้มกว้าง ทำให้เจ้าสำนักยิ้มรับก่อนจะหัวเราะออกมายกใหญ่
.
.
หลังจากบอกลาถงอี้หลงชิงชิวก็กลับมาที่บ้านของตนเอง แต่มันกลับพบว่าที่บ้านของมันกลับมีแขกมาเยี่ยมเยียนเป็นจำนวนมากเสียอย่างนั้น
“พี่ชิว กลับมาแล้วเหรอ”น้องชายคนรองของชิงชิวว่าพลางเดินออกมารับชิงชิวด้วยท่าทียิ้มแย้ม ในบ้านหลังนี้นอกจากแม่แล้วก็คงมีมันนี่เองที่รู้สึกของคุณชิงชิวอย่างมาก เพราะเงินของชิงชิวทำให้มันไม่ต้องทำงานหาเงินมาช่วยแม่อีกแล้ว มันสามารถเข้าไปเรียนหนังสือได้ตามที่เคยหวังเอาไว้
“มีอะไรงั้นเหรอ คนเพียบเลย”ชิงชิวถามพลางมองบ้านตนเองที่มีแขกเข้ามานั่งจนแน่นบ้าน
“พวกคนในหมู่บ้านจะเลี้ยงส่งพี่ชิวกับพี่อวิ๋นอี้นะสิ”น้องชายของชิงชิวตอบ
“เลี้ยงส่ง?”ชิงชิวงงไปทันทีเมื่อได้ยินคำตอบ ทำไมต้องเลี้ยงส่งมันด้วยเล่า ไม่ใช่ว่ามันออกไปทำงานเกือบปีแล้วงั้นเหรอ พึ่งมาเลี้ยงส่งตอนนี้ออกจะแปลกเกินไปหรือเปล่า
“เห็นบอกว่าพี่อี้เองก็จะเข้าไปถวายงานวันเดียวกับที่พี่ชิงชิวกลับเมืองหลวงพอดี พวกป้าๆก็เลยจะจัดงานเลี้ยงส่งพร้อมกันไปเลยแนะ”ได้ยินคำตอบจากน้องชาย ชิงชิวก็เหงื่อตก แต่พอเห็นแม่ตนเองกำลังพูดคุยกับพวกป้าๆอย่างสนุกสนานชิงชิวก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วปั้นหน้ายิ้มเดินเข้าไปเท่านั้น
“มาแล้วๆพระเอกอีกคนของงาน”ท่านป้าคนหนึ่งพูดพลางลากชิงชิวไปนั่งข้างๆชายคนหนึ่ง มันตัวผอมแต่สูงกว่าชิงชิวนิดหน่อย ใบหน้าดูไม่มีความน่ากลัวแม่แต่น้อย แถมยังดูไร้เรี่ยวแรงอีกต่างหาก
“สวัสดีน้องชิว”อวิ๋นอี้ว่าพลางยิ้มบางๆมาทางชิงชิว
“สวัสดีขอรับพี่อี้”ชิงชิวตอบพลางยิ้มเจื่อนๆรับเช่นกัน
“ได้ข่าวว่าเจ้าได้เป็นทหารในเมืองหลวงสินะ”อวิ๋นอี้ว่าพลางมองชิงชิวตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ขอรับ โชคดีจริงๆที่ข้าได้งานก็เลยมีเงินส่งให้ครอบครัวได้สบายกัน”ชิงชิวยิ้มพลางออกมาด้วยท่าทีดีใจจริงๆ ตั้งแต่กลับมาก็มีเรื่องให้มันเหนื่อยใจหลายอย่าง แต่ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งการได้เห็นครอบครัวยิ้มแย้มไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองหรืออาหารการกินเหมือนเมื่อก่อนทำให้ชิงชิวโล่งใจได้เสมอ
“แปลกดีนะ ข้านึกว่าอายุเจ้าไม่ถึงเกณเสียอีก”อวิ๋นอี้พูดลอยๆออกมาทำให้ชิงชิวสะอึกไปครั้งหนึ่ง จะว่าไปมันก็จริง ตอนแรกชิงชิวเกือบจะโดนไล่กลับบ้านเพราะอายุไม่ถึงจริงๆ แต่เพราะโชคช่วยองค์จักรพรรดิต้องการเด็กที่จะมาเป็นองครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิงพอดีมันเลยเบียดเข้าไปรับตำแหน่งได้พอดี
“ท่านหมายความว่ายังไงหรือ”ชิงชิวถามพลางมองไปรอบๆ ท่าทางเมื่อครู่แขกคนอื่นๆจะไม่ได้ยิน
“เปล่า ข้าก็แค่คิดว่ามันแปลกดี เจ้าบอกว่าได้เป็นทหารในวังหลวงทั้งๆที่แค่เกณทหารธรรมดาก็อายุไม่ถึงแล้วแท้ๆ”ได้ยินอวิ๋นอี้พูดพวกป้าๆก็เริ่มหันมามองทางชิงชิวเสียอย่างนั้น
“พอดีข้าได้โอกาสพิเศษก็เลยได้เข้ากองทัพเป็นกรณีพิเศษ”ชิงชิวตอบพลางมองพวกป้านิ่ง สิ่งที่อวิ๋นอี้พูดออกมานั้นทำให้ตัวชิงชิวน่าสงสัยขึ้นมาทันที
“ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”อวิ๋นอี้ว่าพลางทำท่าดื่มสุราต่อเหมือนไม่ใส่ใจ
“ชิงชิวส่งเงินมาให้เราตั้งมากมาย ถ้ามันไม่ได้งานทำแล้วมันจะส่งเงินมาให้ได้ยังไงล่ะ”แม่ของชิงชิวว่าพลางเท้าเอวด้วยท่าทีไม่พอใจ
“งานอะไรก็หาเงินได้ทั้งนั้น ข้าไม่ได้ต่อว่าอะไรน้องชิวนี่ขอรับ”อวิ๋นอี้ว่าพลางยิ้มบางๆ
“ว่าแต่ท่านเถอะพี่อี้ การสอบวังหลวงมันจัดขึ้นในปีหน้าไม่ใช่หรืออย่างไร แล้วท่านไปเอาอันดับจอหงวนมาจากไหนกันล่ะ”ชิงชิวถามกลับพลางมองอวิ๋นอี้ด้วยท่าทีไม่พอใจ
“เจ้าไม่รู้อะไรเลย ตอนนี้วังหลวงต้องการคนมีฝีมือเข้าไปช่วยงานก็เลยจัดสอบรอบพิเศษขึ้นมา ข้าก็ได้อันดับจอหงวนมาจากการอสบครั้งนั้นล่ะ”ได้ยินแบบนั้นชิงชิวก็นิ่งไป ช่วงที่มันโดนจับไปอาณาจักรกู่กินเวลากว่าเดือน บางทีการสอบที่ว่าอาจจะจัดขึ้นตอนนั้นก็ได้ แต่ไม่เห็นมีข่าวให้มันทราบเลยนี่นา หรือจะเป็นแค่ข้ออ้างของอวิ๋นอี้กันแน่
“อวิ๋นอี้ งานนี้จัดขึ้นให้เจ้ากับชิงชิวนะ เลิกพูดเรื่องไร้สาระกันได้แล้ว”พ่อของอวิ๋นอี้พูดพลางวางจอกเหล่าลงบนโต๊ะเสียดังปึก
“ขอรับ”อวิ๋นอี้ตอบพลางยิ้มออกมา ส่วนชิงชิวนั้นก็ได้แต่เงียบไปเท่านั้น มันจะบอกพวกป้าๆว่าอย่างไรงั้นหรือ บอกว่ามันได้โอกาสพิเศษไปเป็นองครักษ์ส่วนตัวขององค์หญิงไป๋หลินงั้นเหรอ หากพูดออกไปแบบนั้นมีหวังได้โดนหัวเราะแน่ๆ
“เจ้าจะกลับวังหลวงพรุ่งนี้สินะ”อวิ๋นอี้ว่าพลางยิ้มบางๆ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่วังหลวงกำลังยุ่งเกี่ยวกับองค์ชายที่กำลังจะประสูติ ทำให้คนในวังค่อนข้างยุ่งชิงชิวเลยลาออกมาได้ไม่กี่วันเท่านั้น
“ใช่”ชิงชิวว่าพลางมองไปที่อวิ๋นอี้นิ่ง
“ดีงั้นเราเดินทางไปด้วยกันเลยดีหรือไม่ เผื่อเจ้าจะบังเอิญช่วยนำทางข้าในวังหลวงได้บ้าง”อวิ๋นอี้ยิ้มออกมาพลางหัวเราะในลำคอ ไม่ต้องเดาก็ทราบว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ เจ้านี่มันคิดว่าชิงชิวกำลังหลอกลวงคนในชุมชน และคงคิดว่าจริงๆแล้วมันคงไม่เคยเข้าวังหลวงเสียด้วยซ้ำ
แต่ ทำไมมันถึงกล้าพูดเช่นนั้น มันได้งานในวังหลวงจริงๆงั้นหรือ? หรือมันเพียงขู่เท่านั้น
“ก็ได้ ข้าจะพาท่านชมวังหลวงเอง”ชิงชิวตอบพลางยิ้มบางๆ ตำแหน่งองครักษ์ส่วนพระองค์ขององค์หญิงไป๋หลินนั้นมีอะสระพอสมควร มันสามารถเข้าถึงได้แม้แต่หน้าประตูวังขององค์หญิงไป๋หลิน จะมีที่ไหนในวังหลวงอีกที่มันเข้าไม่ได้ ส่วนเรื่องข้อสงสัยของมัน คราวหน้าให้ฝ่ายเงินเดือนประทับตราของวังหลวงก่อนส่งมาเงินมาให้แม่ก็น่าจะยืนยันได้แล้ว