ตอนที่ 673

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“ฮ่าๆๆๆ!” จิ่วโหยวหวังหัวเราะ นี่คือผลลัพธ์ที่นิกายพันศพเฝ้ารอมานานกว่าพันปี และในที่สุดแผนการในยุคสมัยของเขาเพราะเขาค้นพบบ่อบาดาลใต้พิภพ

ราชันซากศพสิบสี่ตาทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากมันพัฒนาเป็นสิบห้าหรือสิบดาวได้อีก มันจะน่ากลัวขนาดไหนกัน?

ร่างของจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ชะงัก ราชันอสรพิษมารเองก็ไม่ได้พัวพันอยู่กับจิ่วโหยวหวังอีกต่อไป เขายืนอยู่ข้างกายราชันดาบและจ้องมองราชันซากศพขนาดยักษ์เบื้องล่าง

สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตแล้ว

หากเป็นทหารซากศพทั่วไปแล้วพวกเขาสังหารผู้ชักใยมันทิ้งซะ ทหารซากศพก็จะเหลือไว้เพียงสัญชาตญาณซึ่งเป็นอะไรที่สามารถต่อกรได้ง่ายมาก

แต่ราชันซากศพนั้นต่างออกไป มันมีความนึกคิดเป็นของตนเอง ถึงแม้จะไม่สูงมากแต่มันก็ไม่โง่

“ดูเหมือนว่าเราต้องเรียกสหายเก่ามารวมตัวกันซะแล้ว” ราชันอสรพิษมารกล่าว

จักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์พยักหน้า “ตอนนี้นิกายพันศพมีบ่อบาดาลใต้พิภพอยู่ในครอบครอง พวกมันสามารถพัฒนาทหารซากศพได้อย่างไร้ขีดจำกัด แถมราชันซากศพตนนี้ก็มีโอกาสสูงมากที่มันจะพัฒนาไปถึงระดับสูงสุดสิบแปดตา”

สิบแปดตาคือขีดจำกัดของราชันซากศพ ถ้ามันพัฒนาไปถึงขั้นนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากตัวตนระดับพระเจ้า

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ราชันซากศพก็ยังถือว่าเป็นซากศพอยู่ดี

ตามทฤษฎีแล้ว โลกเบื้องล่างนี้ไม่อาจมีสิ่งมีชีวิตที่มีพลังระดับพระเจ้าได้ แต่ปัญหาก็คือราชันซากศพไม่ใช่สิ่งมีชีวิต สวรรค์และปฐพีจะมองตัวตนของราชันซากศพเหมือนกับมองอาวุธวิญญาณ

แม้แต่โลกนี้จะไม่ยอมให้มีตัวตนระดับพระเจ้า แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์สามารถคงอยู่บนโลกนี้ได้

ยกตัวอย่างเช่นหอคอยทมิฬ ชามพลิกสวรรค์และขวดหยกต้องสาป

ดังนั้นหากราชันซากศพกลายเป็นราชันซากศพสิบแปดตาจริงๆ ทั่วทั้งโลกก็จะไม่มีใครต่อกรกับมันได้ และมันที่ถูกนับว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่ถูกส่งออกไปจากโลกนี้เช่นกัน แล้วแบบนี้ใครจะสามารถทำอะไรมันได้?

เพล๊ง!

ราชันซากศพยักษ์กำมือแน่น ทันใดนั้นรัศมีดาบก็แตกสลายเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน ดวงตาทั้งสิบสี่ของมันจ้องเขม็งไปยังราชันดาบ

ราชันดาบเองก็มองไปยังราชันซากศพยักษ์เช่นกัน ดาบในมือของเขาส่องประกายพร้อมกับอักขระที่หมุนวนรอบใบดาบ

‘แกรก แกรก แกรก’ ร่างกายของราชันซากศพยักษ์สั่นสะท้าน กระดูกนับไม่ถ้วนของมันหลุดร่วงลงมา ร่างกายของมันค่อยๆหดเล็กลงและดวงตาอีกดวงก็กำลังจะถูกสร้างขึ้น

ประสิทธิภาพของบ่อบาดาลใต้พิภพช่างน่ากลัวยิ่งนัก มันสามารถเร่งการพัฒนาของซากศพได้รวดเร็วเช่นนี้

“ดวงตาที่สิบห้า!”

“มันเป็นดวงตาที่สิบห้าจริงๆ!”

ณ บริเวณท้องฟ้า จอมยุทธระดับทลายมิติแสดงสีหน้าหวาดหวั่นออกมา ราชันซากศพสิบห้าตานั้นคือตัวตนที่เกือบจะสามารถเทียบได้กับพระเจ้าแล้ว

“พวกเจ้าจะยังสู้ต่อรึไม่?” จิ่วโหยวหวังกล่าว ถึงแม้น้ำเสียงของเขาจะเรียบง่าย แต่คนที่ฟังก็สามารถรับรู้ได้ถึงความยิ่งยโสในถ้อยคำของเขา

‘ฟุบ ฟุบ ฟุบ’ ร่างกายของราชันซากศพยักษ์หดจนเล็กลงจนสูงกว่ามนุษย์ทั่วไปเพียงครึ่งร่าง แต่ดวงตาทั้งสิบห้าของมันนั้นเปิดกว้างและปลดปล่อยกลิ่นอายอันโหดเหี้ยมออกมาราวกับมันเป็นเทพแห่งความตายที่จะนำพาความตายมาสู่ทุกชีวิตภายใต้สวรรค์และปฐพี

“สิ่งที่เจ้าทำมีแต่จะนำพานิกายพันศพมาสู่จุดจบ” ราชันอสรพิษมารกล่าวอย่างไม่แยแส “เจ้าคิดว่าพวกเราห้านิกายโบราณไม่มีไพ่ลับซ่อนเอาไว้? ก็แค่สิบห้าตาไม่ใช่สิบแปดตา ใช่ว่าพวกเราไม่มีวิธีกำจัดมัน!”

“ฮ่าๆๆ งั้นข้าก็จะรอดู!” จิ่วโหยวหวังหัวเราะ “ถ้าไม่มีอะไรจะพล่ามแล้ว ข้าก็ขอตัวก่อน หลานชายข้ากำลังรอให้ข้าไปร่วมกินข้าวเย็นด้วยอยู่”

เมื่อได้ยินคำพูดหยอกล้อจากอีกฝ่าย ใบหน้าของราชันดาบก็กลายเป็นบูดบึ้ง

“จิ่วโหยวหวัง หวังว่าเจ้าจะไม่ลืมข้อตกลงของเรา” รูปแบบอาคมสังหารที่สามกล่าวโดยไม่รอคำตอบจากจิ่วโหยวหวัง เขาหันหลังและก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ทันใดนั้นร่างของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

จิ่วโหยวหวังเค้นเสียงประหลาดออกมา เมื่อราชันซากศพยักษ์ได้ยิน มันก็ชะงักหยุดนิ่งและขยับไปหาจิ่วโหยวหวังราวกับหุ่นเชิด

เรื่องจบลงตรงนี้ด้วยชัยชนะของนิกายพันศพ

แต่… จะเป็นเช่นนั้นจริงๆรึ?

จู่ๆราชันซากศพยักษ์ก็ย่อตัวลงและมองไปยังทิศทางหนึ่ง

จิ่วโหยวหวังประหลาดใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน ภายใต้การควบคุมของเขา ราชันซากศพไม่สมควรมีความนึกคิดจนกว่าเขาจะเป็นคนยกเลิกการควบคุม

พวกราชันดาบก็รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆเหมือนกัน พวกเขากวาดสายตาไปยังทิศทางที่ราชันซากศพยักษ์มอง

ท่ามกลางป่าทึบ ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อใดกันที่มีโลงศพสามโลงปรากฏออกมา

ตุบ!ตุบ!ตุบ!

ราชันซากศพยักษ์หันเหเดินไปยังโลงศพทั้งสาม

“โลง… โลงศพสามชีวิต!” จิ่วโหยวหวังมึนงงไม่ชั่วขณะก่อนที่จะแสดงท่าทีตกตะลึงและดีใจออกมา เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะพบกับหนึ่งในสมบัติของนิกายพันศพในเวลาเช่นนั้น และไม่คิดด้วยว่าราชันซากศพยักษ์จะถูกดึงดูดโดยโลงศพสามชีวิต

นิกายพันศพมีสมบัติอยู่สามชิ้น ชิ้นแรกคือบ่อบาดาลใต้พิภพที่สามารถเร่งการพัฒนาของทหารซากศพ ชิ้นที่สองสองคือกระบี่เสียงปีศาจที่เป็นอาวุธสุดน่าสะพรึงกลัว สิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่ถูกสังหารโดยกระบี่นี้จะถูกแปรสภาพกลายเป็นซากศพทันที

และชิ้นที่สามคือโลงศพสามชีวิต มันสามารถเสริมแกร่งและทำให้ทหารซากศพคงกระพันมากกว่าเดิมและช่วยเสริมปราณซากศพซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดของเหล่าศิษย์ของนิกายพันศพ

โลงศพสามชีวิตมีความสามารถคล้ายคลึงกับบ่อบาดาลใต้พิภพที่สามารถช่วยเร่งพัฒนาการของทหารซากศพ

ไม่แปลกใจเลยที่ราชันซากศพยักษ์จะถูกดึงดูด โลงศพสามชีวิตคือสิ่งดึงดูดที่เหล่าทหารซากศพไม่อาจต้านทานได้ ไม่ใช่แค่ทหารซากศพเท่านั้นที่ถูกดึงดูด ใครก็ตามที่ฝึกฝนปราณซากศพล้วนแต่ไม่สามารถต่อต้านความดึงดูดของโลงศพสามชีวิตได้ แม้แต่ตัวเขาเองก็อยากจะกระโดดเข้าไปเสียแต่ตอนนี้เลย

แต่ตอนนี้… เห็นได้ชัดว่าคนที่ครอบครองโลงศพสามชีวิตคิดจะขโมยราชันซากศพยักษ์ไป!

ราชันซากศพสิบห้าตาเป็นผลเก็บเกี่ยวจากแผนการนับพันปีของนิกายพันศพ แต่ตอนนี้กลับกำลังจะโดนเด็ดขโมยไป?

แน่นอนว่าจิ่วโหยวหวังไม่อาจยอมให้เป็นเช่นนั้นได้!

จิ่วโหยวหวังพุ่งไปยังทิศทางของโลงศพสามชีวิต ไม่ใช่แค่เพื่อหยุดราชันซากศพยักษ์แต่เพื่อนำโลงศพสามชีวิตกลับไปยังนิกายพันศพด้วย หากเขานำทั้งสองสิ่งกลับไปยังนิกายได้ แม้จะไม่ต้องการ แต่นิกายพันศพก็จะฟื้นฟูกลับไปรุ่งโรจน์เหมือนครั้งอดีตกาลแน่นอน

“โอ้ จิ่วโหยวหวัง เจ้าจะรีบร้อนไปที่ใดกัน?” ราชันอสรพิษมารปรากฏตัวด้านหน้าจิ่วโหยวหวังเพื่อขัดขวาง

“ไสหัวไป!” จิ่วโหยวหวังสูญเสียความเยือกเย็นและชักกระบี่ออกมาโจมตีทันที

“ถ้าอยากจะสู้ข้าก็จะสนองให้” ราชันดาบชักดาบออกมาตอบโต้

พวกเขาไม่รู้ว่านิกายพันศพมีการบาดหมางกันภายในรึเปล่า แต่สำหรับพวกเขาแล้วนี่นับว่าเป็นโอกาสพลิกสถานการณ์