ตอนที่ 1524 ไยข้า…ถึงไม่ลองบ้าง โดย Ink Stone_Fantasy
ตอนที่ 1524 ไยข้า…ถึงไม่ลองบ้าง
“หื้ม? เกิดอะไรขึ้น? บรรพกาลราตรียังไม่ยอมแพ้อีกงั้นรึ?”
“พวกเขายังจะต่อสู้กันอีกงั้นรึ? หรือเป็นไปได้ไหมว่าบรรพกาลราตรียังเหลือไพ่ตายเก็บซ่อน?”
“พวกเจ้าดูนั้น! ท่าทีของคู่ต่อสู้คนนั้นดูไม่ค่อยถูกต้องนัก!”
…
เจิ้งเจี้ยนในปัจจุบันราวกับหลงเข้าสู่สภาวะลึกลับไปเสียแล้ว
เย่หยวนคุ้นเคยกับสภาวะนี้ชัดแจ้งดีเยี่ยม นั้นคือสภาวะตัดชั่วฟ้าที่เขาบังเอิญเข้าถึงได้สองครั้งติด!
รัศมีกลิ่นอายที่แผ่สะท้านออกมาพุ่งเข้าใส่เย่หยวนจนรู้สึกเย็นสะท้านจับขั้วหัวใจ
“ไม่น่าแปลกใจสักนิด ไฉนเขาถึงกล้าอวดอ้างว่าตนไร้เทียมทานที่สุดในบรรดาระดับชั้นเดียวกันทั้งหมด! ที่แท้เขาก็สามารถเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าได้ทุกเมื่อ!”
เย่หยวนร้องอุทานขึ้นลั่น
แต่ในเวลานั้นเอง สุ้มเสียงชราของหวูเฉินพลันเอ่ยดังก้องกลางห้วงจิตสำนึกของเย่หยวน
“นี่หาใช่สภาวะตัดชั่วฟ้าที่สมบูรณ์แบบ เป็นเพียงสภาวะที่ตนอยู่ก้ำกึ่งระหว่างห้วงความคิดและความเป็นจริง นอกจากนั้นสภาวะเช่นนี้ยังใช้ได้ในระหว่างสัประยุทธ์เท่านั้น ถึงอย่างไรมันก็ทำให้เขาปลดพันธนาการความสามารถ และยกระดับความแข็งแกร่งเกินขีดจำกัดได้ชั่วขณะหนึ่ง!”
“ฟ่อ…”
เย่หยวนสูดไอเย็นแช่มสีหน้าหวาดหวั่น ไม่คิดไม่เคยเลยว่ายังมีวิธีการต่อสู้เช่นนี้อยู่ด้วย
“นี่คือพลังที่แท้จริงของเขา? ช่างน่าประทับใจยิ่งนัก!”
เย่หยวนพึมพำชื่นชม
“กระบวนเคลื่อนไหวนี้ได้รับการยกระดับขึ้นจากสัญชาตญาณการต่อสู้อันไร้สิ้นสุด พร้อมหลอมผสานศาสตร์แห่งสวรรค์กับขอบเขตจิตใจจนกลายเป็นหนึ่งเดียว ไม่เพียงมีพรสวรรค์ระดับอัจฉริยะ แต่ยังต้องมีความเพียรพอดทนอย่างสูงถึงจะประสบความสำเร็จถึงขั้นนี้ได้ ในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ บุคคลนี้คงเป็นยอดฝีมือผู้มีชื่อเสียงสั่นคลอนไปทั่วทั้งมหาพิภพแน่นอน!”
แม้มาตรฐานการประเมินของหวูเฉินจะอยู่ในระดับค่อนข้างสูงมาก แต่ก็ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะประเมินเจิ้งเจี้ยนไว้สูงลิบปานนี้
ถึงพรสวรรค์ในศาสตร์แห่งการต่อสู้ของบุคคลนี้จะไม่สามารถเทียบเคียงเย่หยวนได้ แต่นั่นก็มิได้ห่างชั้นกันนัก
“มาแล้ว! เร็วมาก!”
เย่หยวนโพล่งตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก เจิ้งเจี้ยนอันตรธานหายวับทิ้งทวนเหลือเพียงเงาซ้อน ปราดพุ่งโจมตีเขาโดยตรง
ดาบคู่สั้นทั้งสองเล่มกลายมาเป็นคมเขี้ยวแหลม เข้าสังหารเย่หยวนในเสี้ยวพริบตา
“ฟ้าหน่วงหยวนฉือ! เพลงดาบเมฆาลับแล!”
เย่หยวนลั่นร้องคำรามลั่น เพลงดาบเมฆาลับแลถูกฟาดฟันออกไปอีกครั้ง ในขณะที่หยิบใช้ฟ้าหน่วงหยวนฉือ เร่งลดทอนความเร็วของอีกฝ่ายทันที
เกร๊ง! เกร๊ง! เกร๊ง!
ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนดาบนับหลายสิบท่า สีหน้าเย่หยวนพลันแปรเปลี่ยนโดยกะทันหัน
ซวบ!
เสี้ยวพริบตาไสว คมดาบสั้นของเจิ้งเจี้ยนรุกหนักทวี ปาดเชือดท่อนแขนเย่หยวนเฉียวออกไป
เย่หยวนเร่งทรงตัวร่นถอยกลับออกมาโดยไว แต่เจิ้งเจี้ยนไม่มีลดละไล่ล่าติดตามดั่งเงา
ฟ้าหน่วงหยวนฉือ ไพ่ตายลับคู่กายเย่หยวนที่ไม่เคยพลาดเป้าแม้นสักครั้ง ทว่ายามนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับเจิ้งเจี้ยนเลย
ขุมพลังแห่งแนวคิดของเจิ้งเจี้ยนแกร่งกล้าเกินไป ห่างไกลเกินกว่าที่เย่หยวนในปัจจุบันจะสามารถต่อกรได้จริงๆ
วูบ! วูบ! วูบ!
เย่หยวนยามนี้เรี่ยวแรงเจียนไม่เหลือ โยกย้ายร่างพัลวันข้ามผ่านห้วงมิติเลี่ยงหลบ มิให้ถูกโจมตีโดนจุดตายสำคัญ
แต่ในขณะเดียวกัน บาดแผลบนร่างกายเย่หยวนก็เริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆเลยเช่นกัน
เจิ้งเจี้ยนที่อยู่ภายใต้สภาวะตัดชั่วฟ้า กลับแข็งแกร่งจนน่ากลัวเกินไป
สัญชาตญาณการต่อสู้ของเขาถูกปลดปล่อยเกินขีดจำกัดไปแล้ว!
ทุกชั่วอึดใจราวกับว่าความแข็งแกร่งของเขากำลังเพิ่มทวีต่อเนื่องไร้ขอบเขตสิ้นสุด
ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกับตอนที่เย่หยวนเข้าสัประยุทธ์เดือดกับร่างปลอมของตนไม่มีผิด
หลังจากที่เย่หยวนเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าได้ในตอนนั้น ร่างปลอมของเขาก็ตกเป็นเป้าโจมตีและเป็นรองในพริบตา
“แข็งแกร่งยิ่ง! คู่ต่อสู้คนนั้นแตกต่างก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่? เห็นได้ชัดว่าทั้งกระบวนดาบและวรยุทธเคลื่อนไหวยังคงเหมือนกับก่อนหน้า แต่ทำไมถึงแข็งแกร่งขึ้นผิดหูผิดตาปานนี้?”
ปาถู่เอ่ยกล่าวขึ้นเจือน้ำเสียงหวาดกลัวหนัก
ในสถานที่แห่งนี้ ผู้ที่พอสังเกตและจับร่องรอยการต่อสุ้ระหว่างทั้งสองได้เล็กน้อย มีเพียงหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะเท่านั้น
ปาถู่และพวกของเขาที่เหลือต่างเฝ้ามองภาพฉายไม่กล้าละออกแม้เสี้ยวพริบตา กลัวว่าจะพลาดจุดสำคัญไป
เพราะตราบใดที่สมาธิของพวกเขายังคงจดจ่ออยู่กับการต่อสู้นี้ พวกเขายังพอติดตามจังหวะของทั้งคู่ได้ทันอยู่บ้าง
ในทางตรงข้าม หากพวกเขาละความสนใจออกไปแม้แต่นิดเดียว เหล่าหกบุตรแห่งกล้วยไม้อริยะจะไม่สามารถจับสัมผัสของทั้งสองได้อีกต่อไป
และสิ่งหนึ่งที่พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดแจ้งคือ พลังการต่อสู้ของเจิ้งจี้ยนที่เพิ่มสู้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวกับพวกคลั่งการต่อสู้ที่ไม่มีวันล้ม
เย่หยวนเริ่มเสียเปรียบลงต่อเนื่อง
ติงฟานยังคงเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดไม่เหลียวละออก พลางเอ่ยปากกล่าวน้ำเสียงขรึมว่า
“ดูเหมือนว่าท่าทางของอีกฝ่ายจะแปลกไปจริงๆ นั้นหรือว่า…สภาวะตัดชั่วฟ้า!”
ปาถู่หน้าถอดสีในทันใด พลางอุทานลั่น ไม่อยากจะเชื่อขึ้นว่า
“นี่…นี่เป็นไปไม่ได้กระมัง? เข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าได้ในยามเช่นนี้? หรือเขา…ตั้งใจกัน?”
ติงฟานสีหน้ามืดตกลงอย่างมาก เขาเอ่ยอธิบายต่อว่า
“อีกฝ่ายมิได้เข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าได้โดยบังเอิญ แต่ข้าเคยได้ยินมาว่า หากผ่านการฝึกพิเศษมาได้ และสามารถขัดเกลาสัญชาตญาณการต่อสู้จนถึงขีดจำกัด ร่างกายจะมีปฏิกิริยาตอบโต้การโจมตีทุกรูปแบบ และภายใต้สภาวะวิกฤตขั้นสุด พวกเขาเหล่านั้นจะสามารถเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าได้ ส่งผลให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาทะลุขีดจำกัดได้อย่างไม่มีสิ้นสุด มีความเป็นไปได้สูงมากว่า…คู่ต่อสู้คนนั้นกำลังอยู่ในสภาวะดังกล่าว”
ปาถู่ตื่นตกใจยิ่งเมื่อได้ฟังเช่นนั้น สีหน้ายามนี้ไม่อยากจะเชื่อสายตานัก พลางกล่าวตะกุกตะกักขึ้นว่า
“ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ… หากว่า…”
“ไม่มีหากว่าใดๆ ทั้งนั้น! มองข้ามไปได้เลยเรื่องฝึกพิเศษเช่นนี้ ไม่เพียงจะมีคนที่รู้วิธีฝึกน้อยมาก แต่ความน่ากลัวในระหว่างการฝึกยังหาใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทานทนได้ไหว! หนึ่งในพันเท่านั้นที่จะมีชีวิตรอดออกมาได้ คู่ต่อสู้รอบนี้ก็เป็นสัตว์ประหลาดไม่ต่างกัน!”
ติงฟานเอ่ยขัดคำกล่าวของปาถู่ดับฝันในทันที
“หูวว…”
ปาถู่พรูหายใจเย็นสะท้านออกมาแสนหวั่นใจยิ่งนัก วิธีฝึกที่ว่านั้นคงน่ากลัวเกินจินตนาการได้จริงๆ
“ดูเหมือนว่าบรรพกาลราตรีกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว ตอนนี้แม้เขาจะต้องการหยุดการต่อสู้ ทว่ากลับสายเกินไปแล้วเช่นกัน”
ปาถู่พลั่งหลากอารมณ์เอ่ยกล่าวขึ้นอย่างน่าเสียดาย
บาดแผลทั่วร่างกายเย่หยวนที่แสนจะเจ็บปวดนั้น ทำเอาเขารู้สึกสยดสยองแทน
“สภาวะตัดชั่วฟ้างั้นรึ? ไยข้า…ไม่ลองดูบ้าง!”
เย่หยวนเคยมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ถึงสองครั้ง นอกจากนี้ยังเกือบเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าได้อีกครั้งหนึ่ง
อัจฉริยะที่มีความเข้าใจในเรื่องสภาวะตัดชั่วฟ้ามากกว่าเขา อาจไม่สามารถเสาะหาได้อีกแล้ว
ตอนนี้เขากำลังถูกเจิ้งเจี้ยนไล่ต้อนจนถึงขีดจำกัดแล้ว แม้แต่ฟ้าหน่วงหยวนฉือของเขายังไร้ประโยชน์
วิธีเดียวที่จะแก้ทางได้ก็คือ การเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าเช่นกัน
แต่ปัญหาคือเย่หยวนไม่สามารถเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าเมื่อใดก็ได้ตามต้องการแบบอีกฝ่าย
การจะเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าได้จำต้องอาศัยดวงและตัวแปรที่สำคัญอีกมากมาย
ครั้งล่าสุดที่เย่หยวนสามารถเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าได้เป็นเพราะเขาตกสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างความเป็นความตาย
ในเวลานี้เย่หยวนพยายามนึกย้อนกลับไปถึงสองครั้งนั้นที่สามารถเข้าสู่สภาวะตัดชั่วฟ้าได้ รวมไปถึงความรู้สึกที่ประสบพบ ณ ตอนนั้น
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเบี่ยงความสนใจทั้งหมดไปกับห้วงความคิด ไม่มีสมาธิสกัดกั้นการโจมตีของเจิ้งเจี้ยนได้ดั่งก่อนหน้า ส่งผลให้บาดแผลทั่วร่างกายเริ่มมีทวีความสาหัสมากยิ่งขึ้น
ศาสตร์แห่งสวรรค์!
ตัดขาดจากความคิด!
สภาวะตัดชั่วฟ้าขับเคลื่อนด้วยแกนแท้แห่งสัญชาตญาณการต่อสู้
ทั้งนี้ยังสอดคล้องร่วมไปกับศาสตร์แห่งสวรรค์ไปในตัว
แต่…ทำอย่างไรจึงจะสอดคล้องกันได้?
เย่หยวนปล่อยอารมณ์ไปตามความรู้สึกทีละนิดภายใต้สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุด
“บรรพกาลราตรีมิอาจทานทนไปได้นานกว่านี้แล้ว! ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่าจากนี้ ชะตาชีวิตของเขาถูกสะบั้นขาดเป็นแน่!”
ติงฟานเอ่ยร้องดังลั่นเปี่ยมล้นไปด้วยความกังวล
ท้ายที่สุดนี้ พรสวรรค์ของบรรพกาลราตรีก็ยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตที่พวกเขาจะพรรณนาได้
แต่กลับไม่คิดเลยว่า เขากลับดึงตัวเองให้ตกสู่ความตายเช่นนี้จริงๆ
ร้อยกระบวนเคลื่อนไหวแม้นจะฟังดูนาน แต่สำหรับเย่หยวนและเจิ้งเจี้ยนแล้วกลับรวดเร็วเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น
แต่ละกระบวนโจมตีของพวกเขาเร็วจนมองไม่ทัน คนธรรมดาทั่วไปไม่มีทางจับควาเร็วระดับนี้ได้ทันแน่นอน
“มันจบแล้ว!”
สุ้มเสียงของเจิ้งเจี้ยนเอ่ยดังเสียดข้างหูเย่หยวนประดุจกึกก้องจากก้นบึ้งนรก
แม้เย่หยวนจะอยู่ภายใต้สถาณการณ์วิกฤตถึงขีดสุด แต่เขายังคงสติอยู่เช่นกัน
เสียงนี้ดั่งคำประกาศความตายของเย่หยวน
ดาบสั้นคู่นั้นของเจิ้งเจี้ยนปราดไสวว่องไวดุจสายฟ้า ฟาดสะบั้นเสียบทะลวงไปที่ขั้วหัวใจของเย่หยวน
ชวิ้ง!
คลื่นความเจ็บปวดโฉบแล่นผ่านร่างกายของเจิ้งเจี้ยนโดยตรง เขาได้รับบาดเจ็บ!
เจิ้งเจี้ยนใจหายวาบ นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หยวนโจมตีโดยร่างของเขา!
ในทางตรงข้ามกระบวนประหารสุดท้ายของเจิ้งเจี้ยง เย่หยวนกลับเลี่ยงหลบได้อย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ยังฝากรอยแผลทิ้งทวนเอาไว้ได้…นี่เป็นไปได้อย่างไร?
ทันใดนั้นเจิ้งเจี้ยนพลันรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ก่อนโพล่งอุทานลั่นด้วยความประหลาดใจว่า
“สภาวะตัดชั่วฟ้า!”
…………………………………………………………