บทที่ 1604 - ความตายของชายชรา ชัยชนะของชิงสุ่ย

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1604 – ความตายของชายชรา ชัยชนะของชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยยืนในระยะที่ไม่ไกลหรือใกล้เกินไป เขากลัวว่าชายชราจะตอบโต้กลับมาก่อนตาย เขาใช้หนอนไหมมังกรทองทําลายสมองของชายชราผู้นี้แต่กะโหลกศีรษะของยอดฝีมือนั้นย่อมแข็งแกร่งกว่าของคนทั่วๆไป ดังนั้นเขาจึงต้องหาทางเจาะเข้าไปก่อน

 

น่าเสียดายที่ชายชราที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นไม่ได้ระวังตัวมากพอ แม้ว่าตอนนี้สีหน้าของเขาจะดูซีดเซียวแต่เขาก็ไม่ได้ส่งเสียงร้องใดๆออกมา สภาพจิตใจของเขาในตอนนี้นั้นพล่ามัวอย่างยิ่ง

 

ปัง!

 

เสียงที่กังวานดังขึ้นมา ชายชรารู้ว่าเขาไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้วและจิตสํานึกของเขาก็เริ่มพร่ามัวไป เขากลัวว่าจะไม่ได้ตายอย่างสงบและดังนั้นจึงเลือกที่จะจบชีวิตของตนเอง

 

เมื่อเห็นความตายของชายชราชิงสุ่ยก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและหนอนไหมมังกรทองก็กลับมาที่สระโลหิตแก่นแท้ เมื่อเสร็จเรื่องทั้งหมดชิงสุ่ยก็รู้สึกอ่อนแรงอย่างยิ่ง ร่างกายของเขาสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ทั้งหมดตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทําในตอนนี้ก็คือการรอเท่านั้น

 

พลังป้องกันและความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของชิงสุ่ยนั้นถือว่าทรงพลังอย่างยิ่ง ดังนั้นผู้ที่เป็นภัยคุกคามต่อเขาในตอนนี้นั้นสามารถนับนิ้วได้เลย

 

ชิงสุ่ยยื่นมือออกไปคว้ากรรไกรของชายชราไว้รวมถึงถุงแพรมิติด้วยเช่นกัน นี่คือของขวัญสําหรับชัยชนะและชิงสุ่ยก็สมควรได้รับมัน ในตอนนี้ผู้คนโดยรอบเริ่มรู้สึกตัวจากความตกตะลึงเพราะชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยก็คิดมากในเรื่องนี้เช่นกัน หนอนไหมมังกรทองได้ช่วยชีวิตของเขามาหลายครั้งและถึงเวลาที่มันอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่ง การโจมตีของมันนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันเลย มันสามารถทําให้ผู้ที่แข็งแกร่งอย่างชายชราของตระกูลนั่วต้องเสียชีวิตไปได้

 

หนอนไหมมังกรทองก็ถือว่าพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนทางของมันนั้นเหมือนกับอสูรสยบมังกรในเรื่องการมีขนาดร่างกายที่เล็กแต่พลังของมันนั้นน่าสะพึงกลัวอย่างยิ่ง ยากยิ่งนักที่จะป้องกันการโจมตีของมันได้

 

เขาไม่ได้ใช้มันมาเป็นเวลานานแล้ว คงจะดีกว่าหากเก็บเรื่องของมันเอาไว้เป็นความลับและพยายามให้คนอื่นรู้เรื่องนี้น้อยที่สุด เพราะหากคนจํานวนมากทราบถึงการมีอยู่ของมันเช่นนั้นแล้ว ไพ่ตายของเขาก็คงจะไร้ค่าไปเลย ศัตรูของเขาจะต้องหาทางรับมือกับมันได้อย่างแน่นอน

 

การโจมตีศัตรูที่ไม่ทันระมัดระวังตัวนั้นถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการต่อสู้

 

ชิงสุ่ยยังไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆแต่เขาเลือกที่จะยืนอย่างสงบนิ่งกลางอากาศเพื่อดูว่ามีผู้ใดของตระกูลนั่วจะออกมาอีกหรือไม่ ถ้าหากมีผู้ที่ทรงพลังยิ่งกว่าชายชราขอตระกูลนั่วผู้นี้ออกมาเช่นนั้นแล้วชิงสุ่ยย่อมต้องพบจุดจบในวันนี้อย่างแน่นอน

 

ตระกูลนั่วกําลังตกอยู่ในความบ้าคลั่งในตอนนี้ พวกเขานําศพของชายชรากลับมาด้วยความโศกเศร้า แต่ไม่ได้โศกเศร้ากับการจากไปของชายชราแต่โศกเศร้าเรื่องสิ่งที่ปกป้องตระกูลของพวกเขานั้นได้หายไปแล้ว

 

ชิงสุ่ยใช้น้ําหอมมรกตทองคําเพื่อรักษาบาดแผลของตนเอง ความจริงแล้วปราณของเคล็ดเสริมกายาบรรพกาลก็สามารถใช้รักษาบาดแผลในรักษาเส้นลมปราณได้ ภาพหยินหยางที่ปรากฏอยู่ในทะเลแห่งปัญญากําลังโคจรอยู่ในตอนนี้ซึ่งช่วยฟื้นฟูพลังปราณและจิตวิญญาณของชิงสุ่ย

 

ผู้คนของหอคอยจักรพรรดิต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พวกเขารู้ว่าหมอเทวดาชิงสุ่ยนั้นเชี่ยวชาญด้านการรักษาผู้คนอย่างยิ่งตราบใดที่เขายังไม่ตายเขาย่อมต้องหายดีอย่างแน่นอน ในขณะเดียวกันพวกเขาก็กําลังรอคอยว่าตระกูลนั่วจะส่งใครมาต่อสู้ต่อไป

 

” ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ! ท่านหมอเทวดาชิงสามารถ

 

ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เขาต้องเป็นปีศาจที่มีชีวิต

 

มาหลายพันปี”

 

“ระวังหน่อยเดี่ยวตระกูลนั่วจะได้ยินเข้า เช่นนั้นแล้วเจ้าต้องเจอปัญหาอย่างแน่นอน”

 

“เขาตายไปแล้วและคนของตระกูลนั่วย่อมไม่กล้าที่จะทําอะไรพวกเราในตอนนี้หรอก ข้าได้ยินมาว่าตระกูลนั่วนั้นมีจอมอสูรอยู่”

 

“ดูเหมือนมันจะเป็นความจริง ว่ากันว่าพวกเขามีผู้สืบทอดแห่งเทพอสูรพฤษภโลกาแต่พวกเขาก็ยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่ แม้ว่าข้าจะเคยได้ยินว่าในสมัยโบราณนั้นพวกเขาต่างก็เป็นเทพอสูรพฤษภโลกา”

 

เวลากว่า 1 ชั่วโมงได้ผ่านพ้นไปในตอนนี้ไม่มีผู้ใดของตระกูลนั่วออกมาอีก เสียงคร่ําครวญของความโศกเศร้าดังออกมาจากตระกูลนั่วอย่างต่อเนื่อง

 

“พี่ใหญ่ เจ้าเด็กนั่นต้องหมดแรงแล้วแน่นอน บางที่นี่จะเป็นโอกาสที่เราจะไปเอาชีวิตผมมัน” ชายวัยกลางคนที่เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสกล่าวขึ้น

 

“เจ้าต้องระวังให้ดี” ชายชราอีกคนกล่าวขึ้น หากพวกเขารู้ว่าชิงสุ่ยกําลังจะหายเป็นปก ติแล้วในตอนนี้พวกเขาคงไม่พูดอะไรแบบนี้ออกมา

 

ชิงสุ่ยยิ้มเมื่อเขาเห็นชายคนหนึ่งที่ปรากฏตัวจากระยะไกลๆ เขาคิดว่าตระกูลนั่วกําลังจะเล่น อะไรแต่ก็ไม่ได้กังวลอะไรมากนัก ถ้าหากเขาเป็นคนพวกนี้เขาก็จะทําแบบเดียวกันเพราะนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สุด

 

“มาเริ่มกันเถอะ!” ชายคนนั้นกล่าวมาทันทีโดยไม่รีรออะไร เพราะยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ชิงสุ่ยก็จะฟื้นฟูได้มากขึ้นเท่านั้น

 

ชิงสุ่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “มาเริ่มกันเถอะ! ”

 

“สําหรับตระกูลอย่างตระกูลนั่ว การทําเช่นนี้…ก็ถือว่าไม่ได้น่ารังเกียจมากนัก”

 

“มันเป็นเรื่องธรรมดาด้วยซ้ํา พวกเขาคงคิดว่าคงมีโอกาสแน่นอน แม้ว่าตระกูลนั่วจะไม่อยากที่จะพ่ายแพ้เช่นนี้”

 

“ข้าคงไม่เลือกที่จะสู้ต่อถ้าหากข้าเป็นท่านหมอเทวดาชิง ชายชราของตระกูลนั่วได้ตายไปแล้ว ตราบใดที่เขาหายดีแล้วตระกูลนั่วย่อมไม่อยู่ในสายตาของเขาอย่างแน่นอน”

 

“แล้วเจ้าคิดว่าตระกูลนั่วจะยอมให้ท่านหมอเทวดาชิงจากไปได้งั้นหรือ?”

 

หลังจากชิงสุ่ยตอบรับ ชายผู้นั้นก็นําเคียวสีเขียวขนาดใหญ่ออกมา ชายผู้นี้ถือเป็นผู้สืบทอดโดยตรงของตระกูลนั่ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้รับมรดกของจอมอสูรแต่พลังของเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามได้ เมื่อเทียบกับเด็กปีศาจตระกูลนั่วเขาถือว่าไม่ได้กว่าเลย

 

ชายคนนี้พุ่งตรงเข้ามาหาชิงสุ่ย เคียวในมือของเขากําลังฝ้าตรงมาที่ชิงสุ่ยด้วยความบ้าคลั่ง

 

เคียวขนาดใหญ่นี้ปลดปล่อยเร็วๆออกมา ชายผู้นี้กําลังเสียงเพราะเขาคิดว่าชิงสุ่ยต้องอ่อนล้า จากการต่อสู้ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ไม่มีทางที่ชิงสุ่ยจะสามารถรับการโจมตีที่ดุดันและรวดเร็วได้

 

ชิงสุ่ยได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ซ้ายแต่มันก็ดีขึ้นมากแล้วในตอนนี้ เขาถือง้าวทองทะลวงศัตรูเอาไว้ในมือขวา แม้ว่าเขาจะมีพลังมากมายแต่หากมีอาวุธที่เหมือนกับกรรไกรสีทองของชายชราก่อนหน้านี้ก็จะสามารถทําให้ชิงสุ่ยบาดเจ็บได้ง่ายๆ

 

ชิงสุ่ยพุ่งตรงออกไปพร้อมกับจ้าวทองทะลวงศัตรู อสูรสยบมังกรก็ได้พุ่งออกไปโจมตีเคียงข้างเขาด้วยเช่นกัน

 

การโจมตีของชิงสุ่ยในตอนนี้ไม่ได้รุนแรงนักเพราะชิงสุ่ยได้ใช้ปราณจักรพรรดิและเคล็ดวิชาล่าสังหารออกไปด้วยเช่นกัน

 

นี่ทําให้ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าต้องตกตะลึง ง้าวทองทะลวงศัตรูก็ปะทะเข้ากับเคียวอันใหญ่

 

ชายหนุ่มกระเด็นไปข้างหลังด้วยแรงปะทะ ในตอนนี้เขาได้ทราบถึงพลังของชิงสุ่ยแล้ว และ เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้นก็อาจจะต้องเป็นจุดจบของชีวิตของเขาเอง

 

กรงเล็บที่แหลมคมของอสูรสยบมังกรเจาะทะลุลําคอของชายหนุ่มและทะลวงเข้าไปถึงศีรษะของเขา แม้ว่าอสูรสยบมังกรจะมีขนาดเท่ากับอูฐตัวหนึ่งแต่กรงเล็บของมันนั้นก็ไม่ได้มีขนาดเล็กเลย

 

เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งลมหายใจการต่อสู้ก็จบลงแล้ว ตระกูลนั่วยังไม่ได้ส่งผู้ใดออกมาอีกในตอนนี้

 

ชิงสุ่ยยังคงรอคอยอยู่บนลานประลองอาการบาดเจ็บของเขาค่อยๆหายดีอย่างช้าๆ การปรากฏตัวของชายคนก่อนหน้านี้ทําให้ชิงสุ่ยรู้สึกโล่งใจ เขารู้ว่าไม่มีผู้ใดในตระกูลนั่วที่จะทรงพลังไป กว่าชายชราได้แล้ว

 

ชิงสุ่ยนึกย้อนกลับไปถึงชายที่เป็นผู้สืบทอดทรดกของเทพอสูรอินทรีย์อัสนี ผู้สืบทอดทรดกของเทพอสูรอินทรีย์อัสนีนั้นไม่ได้เป็นคนของตระกูลนั่วแต่พวกเขาก็ถือว่าเป็นพันธมิตรกัน ตระกูลนั่วนั้นมีทั้งชายชราและเด็กปีศาจตระกูลนั่วดังนั้นพวกเขาจึงมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างมาก

 

สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เกินกว่าการคาดคิดของทุกๆคน เลิงหมิงนั้นทรงพลังยิ่งกว่าเด็กปีศาจตระกูลนั่วและในตอนนี้ตระกูลนั่วไม่มีสิ่งใดที่จะทําให้เขากลัวได้อีกต่อไป

 

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงชิงสุ่ยก็กล่าวออกมาช้าๆว่า “มีผู้ใดในตระกูลนั่วต้องการที่จะต่อสู้อีกหรือไม่? วันนี้เป็นวันที่ 3 แล้วดังนั้นจงจําคําของข้าไว้ ข้าจะรอที่นี่อีก 10 นาทีหากไม่มีผู้ใดออกมา ถ้าก็จะถือว่าไม่มีใครกล้ามาอีกต่อไป”

 

ตระกูลนั่วยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆในตอนนี้ ชิงสุ่ยได้พูดออกไปก่อนหน้านี้ว่าผู้นําของตระกูลนั่วต้องนําลูกหลานของพวกเขามาซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหอคอยจักรพรรดิ สําหรับตระกูลอย่างตระกูลนั่วสิ่งที่สําคัญที่สุดสําหรับพวกเขาก็คือชื่อเสียงและหน้าตา การกระทําของชิงสุ่ยเป็นเหมือนการตบหน้าพวกเขา

 

แต่ตระกูลนั่วรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ในคําพูดของชิงสุ่ย พวกเขากลัวว่าจะถูกชิงสุ่ยสังหาร

 

ผู้นําของตระกูลนั่วคิดหนักอย่างยิ่งในตอนนี้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อตระกูลนั่วพวกเขาจะต้องยอมแพ้ในตอนนี้บางทีอาจจะไม่มีผู้ใดที่จะสามารถต่อกรกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าได้ บางทีเขาจะอาจจะต้องไปตามหาผู้สืบทอดจอมอสูรกลุ่มอื่นๆ เขาจะต้องยินดีร่วมมือกับตระกูลนั่วอย่างแน่นอนในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของจอมอสูรเหมือนๆกัน

 

เมื่อเวลาหมดชิงสุ่ยก็มองไปที่ตระกูลนั่วจากนั้นก็หันกลับไปมองผู้คนของหอคอยจักรพรรดิ เขายิ้มให้กับฉินชิงและคนอื่นๆ “กลับกันเถอะ!”

 

“เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง?” ฉินชิงมองมาที่ชิงสุ่ยด้วยความกังวล

 

หัวใจของชิงสุ่ยรู้สึกอบอุ่นเมื่อได้เห็นความกังวลในสายตาของนาง เขายิ้มแล้วตอบกลับมาว่า “ข้าสบายดี คนอย่างข้าหนังเหนียวอยู่แล้ว”

 

เหลียนหลิงเฟิง หยินต่ง และคนอื่นๆต่างก็ยิ้มออกมา พวกเขาถือเป็นคนที่ใกล้ชิดและสามารถบอกได้ว่าความสัมพันธ์ของฉันชิงและชิงสุ่ยน้ําเป็นมากกว่าสหายกัน อย่างน้อยพวกเขาก็บอกได้ว่าทั้งสองคนนั้นมีความชอบพอกัน

 

แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่ายังมีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างฉินชิงและชิงสุ่ยและพวกเขายังไม่อาจข้ามผ่านช่องว่างนั้นไปได้ ฉินชิงต้องการให้เขารักเพียงนางคนเดียว นี่เป็นสิ่งเดียวที่ชิงสุ่ยไม่อาจมอบมันให้นางได้

 

หากฉินชิงยังยืนยันคําเดิมเช่นนั้นชิงสุ่ยก็คงจะไม่มีทางเลือก เขาไม่ต้องการที่จะบังคับนาง ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

 

กลุ่มของพวกเขากลับมาที่หอคอยจักรพรรดิอย่างมีความสุข ชิงสุ่ยต้องการอาบน้ําเพื่อที่จะชําระล้างคราบเลือดที่อยู่บนตัวและเปลี่ยนเสื้อ หลังจากอาบน้ําเสร็จชิงสุ่ยก็รู้สึกสบายอย่างยิ่งและ บาดแผลบนร่างกายของเขาก็ได้หายไปแล้ว ไหล่ข้างซ้ายของชิงสุ่ยที่ถูกชายชราโจมตีก็ไม่ได้รับบาดเจ็บในจุดสําคัญ เมื่อรวมกับการฟื้นฟูที่ทรงพลังของชิงสุ่ยและยาที่มีประสิทธิภาพมากมาย ในตอนนี้บาดแผลของเขาเริ่มหายดีแล้ว

 

ตอนนี้ชิงสุ่ยเดินออกมาจากห้อง เมื่ออวี้เหนียงได้ยินว่าชิงสุ่ย ได้รับบาดเจ็บนางก็รู้สึกกังวลอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยนั้นเป็นคนที่ดีที่สุดในชีวิตของนาง นางยืนยันอีกครั้งว่านางไม่ต้องการให้ชิงสุ่ยเรียกนางว่าพี่สาวเพราะนางรู้สึกว่าตนเองไม่สมควรที่จะได้รับ ตําแหน่งนั้นเพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่นางมีในวันนี้ต่างก็ได้รับมาจากชิงสุ่ยและนางก็ไม่เคยให้สิ่งใดตอบแทนชิงสุ่ยกลับไปเลย

 

นางไม่รู้ว่าความนุ่มนวล ความสง่างาม ความบริสุทธิ์และศักดิ์ศรีของนางนั้นเป็นสิ่งตอบแทนที่ดีที่สุดสําหรับสําหรับชิงสุ่ย ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความสงบเมื่อได้เห็นอวี้เหนียงและมันเป็นสิ่งที่เขารู้สึกหวงแหนอย่างยิ่ง