เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาเพียงแค่เดินทางเข้าไปถ่ายนิตยสารในป่าแห่งหนึ่ง หลังออกมาจากป่าแล้วโทรศัพท์จึงมีสัญญาณ มีข้อความแจ้งเตือนเกี่ยวกับข่าวของพี่สาวมากมาย
ส้มเปรี้ยว ผู้หญิงคนนั้นกล้าใส่ร้ายพี่สาวเขา บอกว่าพี่สาวเป็นคนทำร้ายเธออีกทั้งใส่ร้ายป้ายสีทำให้ชื่อเสียงของพี่ต้องมีมลทินในโลกออนไลน์
ไหนจะพวกนักข่าว ชาวเน็ตและคนที่สาดน้ำกรดใส่พี่ เขาจะไม่ปล่อยเอาไว้แน่
เมื่อได้ยินน้ำเสียงซึ่งพยายามระงับความโกรธของราเม็ง มายมิ้นท์ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอทำให้ชายหนุ่มผู้อ่อนโยนเสมอมาคนนี้รู้สึกโกรธ จึงรีบพูดขึ้นว่า “วางใจเถอะนะราเม็ง ฉันไม่เป็นไร”
“พี่ไม่เป็นไรจริงเหรอ แล้วน้ำกรด……”
“น้ำกรดไม่ได้ถูกสาดมาบนร่างกายฉันโดยตรง ตอนนั้นนักข่าวก็เห็น บนอินเทอร์เน็ตน่าจะมีวิดีโออยู่นะ เธอไปดูวิดีโอก็ได้ ฉันไม่เป็นอะไรและไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ” มายมิ้นท์พูดพร้อมส่ายหน้า
ราเม็งก้มหน้าลงเล็กน้อย “ครับ ผมดูแล้ว แต่ผมก็ยังคงกังวลอยู่ดี”
“แล้วตอนนี้วางใจได้หรือยัง?” มายมิ้นท์หัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยถาม
ราเม็งตอบรับว่าอืมในลำคอ “วางใจแล้วครับ พี่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เรื่องต่อจากนี้ผมจะเป็นคนจัดการเอง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะ!”
“หา?” มายมิ้นท์ตกใจเล็กน้อย “หมายความว่ายังไงกัน คุณจะทำอะไร?”
ราเม็งหรี่ตาลงแล้วยิ้มเบาๆ รอยยิ้มของเขาไม่ได้ออกมาจากใจ “อีกไม่นานพี่ก็จะรู้เอง สรุปว่าผมจะให้ทุกคนที่ปฏิบัติไม่ดีกับพี่ต้องชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำ!”
เมื่อพูดจบเขาก็วางสายลงทันที
“ราเม็ง ราเม็ง!” มายมิ้นท์ตะโกนออกมาอยู่สองครั้งแต่เมื่อพบว่าไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสายเธอจึงได้หยิบโทรศัพท์ออกมาดู
พบว่าจอภาพกลับมาที่หน้าจอหลักแล้ว เธอจึงได้เข้าใจทันทีว่าเขาวางสายเธอไป “เจ้าเด็กคนนี้นี่……”
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ๆ มายมิ้นท์ก็รู้สึกกระสับกระส่ายใจ เธอสัมผัสได้ว่าประโยคของราเม็งเมื่อสักครู่ดูเหมือนคำพยากรณ์ว่าต่อไปนี้จะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
หวังว่าเธอจะเพียงคิดมากไปเอง
“คิดเรื่องอะไรอยู่เหรอครับ ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว?” นำเสียงต่ำทุ้มของเปปเปอร์ลอยเข้ามาในหูของเธอ มันเต็มไปด้วยความกังวลเป็นห่วง
มายมิ้นท์พลิกหน้าจอโทรศัพท์มือถือแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณเข้ามาได้ยังไง นักข่าวพวกนั้น……”
“พวกเขาถูกตำรวจไล่ออกไปแล้วล่ะ” เปปเปอร์นั่งลงข้างกายเธอ
“คุณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำแบบนั้นเหรอคะ?” มายมิ้นท์มองไปที่ใบหน้าด้านข้างของเขา “ก่อนหน้านี้นักข่าวพวกนั้นรออยู่ข้างนอกตั้งนาน แต่ทางตำรวจก็ไม่มีใครมาขับไล่พวกเขาไป ตอนนี้คงเป็นไปไม่ค่อยได้ที่จะมีใครมาขับไล่ นอกเสียจากว่ามีคนเข้ามาแทรกแซง”
เมื่อเปปเปอร์เห็นว่าเธอเดาความเป็นจริงได้ง่ายดายเพียงนี้ก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ใช่ครับผมเอง คุณอยู่ข้างในนี้ตั้งนานแล้ว ผมเป็นห่วงคุณและไม่อยากจะรออยู่ในรถ จึงได้ให้พวกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาไล่นักข่าวเหล่านั้นไป แต่นี่ก็เป็นแค่เหตุผลหนึ่งเท่านั้น”
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ยังมีเหตุผลอื่นอีกเหรอคะ?”
เปปเปอร์พยักหน้า “เมื่อสักครู่ท่านย่าโทรศัพท์มา”
มายมิ้นท์ยืดตัวตรง “ท่านย่าพูดว่าอะไรเหรอคะ?”
“เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ท่านย่าก็รู้และเป็นห่วงคุณมาก ดังนั้นเลยโทรศัพท์หาคุณแต่ว่าโทรไม่ติด จึงได้โทรมาที่ผมและเอ่ยถามถึงสถานการณ์ของคุณในตอนนี้ด้วยความเป็นห่วง” เปปเปอร์หดขาทั้งสองข้างอันเรียวยาวกลับมา
มายมิ้นท์ยิ้มขึ้นอย่างอ่อนโยน “ต้องขอบคุณท่านย่าจริงๆ ที่เป็นห่วงฉัน ว่าแต่ ท่านรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่กับคุณ?”
“วิดีโอในอินเทอร์เน็ต ท่านจำได้ว่าคนที่ช่วยคุณคือผม” เปปเปอร์ตอบ
มายมิ้นท์จึงพยักหน้า “เป็นอย่างนี้นี่เอง”
คนอื่นอาจจะจำเปปเปอร์ไม่ได้ แต่ในฐานะย่าแท้ๆ จะจำเขาไม่ได้ได้อย่างไร?
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ต้องขอขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของท่านย่าอีกครั้งหนึ่ง ไว้ฉันจะไปเยี่ยมท่านที่คฤหาสน์นะคะ” มายมิ้นท์ยกมือขึ้นนวดบริเวณหัวคิ้วแล้วพูดออกมา
เปปเปอร์ตอบรับว่า “ครับ ไว้ผมจะมารับคุณ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ใช่ว่าฉันจะไม่รู้ว่าคฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์อยู่ที่ไหนสักหน่อย ฉันไปเองก็ได้ คุณจะมารับฉันทำไมกัน?” มายมิ้นท์ก้มหน้าลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เปปเปอร์ขยับริมฝีปากอันเรียวบาง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ที่จริงแล้วเขารู้ว่าเธอเพียงแค่ไม่อยากเดินทางไปกับเขาก็เท่านั้น
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบสงบ
ผ่านไปสักพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งเดินตรงเข้ามารายงานว่า “คุณมายมิ้นท์ครับ คนที่สาดน้ำกรดใส่คุณตอนนี้เราตรวจสอบได้แล้ว!”
เมื่อได้ยินดังนั้นมายมิ้นท์ก็รีบลุกขึ้นยืนทันที
เปปเปอร์ก็ลุกขึ้นเช่นกัน “ผลเป็นอย่างไรบ้าง มีคนจ้างวานหรือมีความขุ่นเคืองส่วนตัวกับมายมิ้นท์?”
สองคำถามนี้มายมิ้นท์ก็อยากรู้มากเหมือนกัน ดวงตาทั้งคู่ของเธอจ้องไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรอให้เขาตอบคำถามนี้
แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับส่ายหน้า “ไม่ใช่ทั้งสองอย่างครับ คนคน นี้ไม่ได้ถูกจ้างวานและไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวกับคุณมายมิ้นท์เลย”
“แล้วทำไมเขาต้องทำแบบนี้ค่ะ?” คิ้วอันได้รูปของมายมิ้นท์ขมวดเข้าหากันอย่างแน่น
เปปเปอร์เห็นดังนั้นก็อยากจะยื่นมือเข้าไปปลอบเธอ แต่รู้ว่าเธอคงจะหนี ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้ทำมัน เพียงแต่ปลอบเบาๆ ว่า “อย่าขมวดคิ้ว ไม่สวย!”
มายมิ้นท์เหล่มองเขาแล้วรู้สึกว่าเขาน่าแปลกจริงๆ
เธอขมวดคิ้วจะสวยหรือไม่สวย เธอเองยังไม่สนใจอะไร
แล้วเขาจะมาใส่ใจเรื่องนี้ทำไม?
มายมิ้นท์ไม่ได้สนใจเปปเปอร์ เธอละสายตากลับมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดระเบียบหมวกของตนก่อนจะตอบว่า “คนคน นี้ชื่อว่าคอฟฟี่ เป็นเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมปลายของส้มเปรี้ยวและเป็นแฟนคลับส้มเปรี้ยวด้วย ครอบครัวของเขาทำธุรกิจเคมีภัณฑ์ ดังนั้นเขาจึงได้มีน้ำกรดไว้ในครอบครอง”
“อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง” มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากเล็กน้อย
เธอก็ยังคิดอยู่ว่าน้ำกรดเป็นสิ่งที่ห้ามจำหน่าย คนทั่วไปจะมีไว้ในครอบครองได้อย่างไร?
ที่แท้เป็นเพราะครอบครัวของเขานี่เอง
เปปเปอร์เอ่ยถามด้วยใบหน้ามืดมนว่า “คนคน นั้นเห็นการถ่ายทอดสดของส้มเปรี้ยว จึงได้มาแก้แค้นที่มายมิ้นท์เหรอครับ?”
“ก็ไม่เชิง ที่จริงแล้วมันเกี่ยวข้องกับโทรศัพท์จากส้มเปรี้ยวมากกว่า” เจ้าหน้าที่ตำรวจพูด
มายมิ้นท์กุมมือแน่น เธอกับเปปเปอร์เอ่ยถามคำถามเดียวกันในเวลาพร้อมกันว่า “โทรศัพท์อะไร?”
จากการสอบปากคำของคอฟฟี่ ก่อนที่ส้มเปรี้ยวจะทำการไลฟ์สด เธอได้โทรศัพท์หาเขาสายหนึ่ง และในโทรศัพท์นั้นเธอเอาแต่ร้องไห้ ส้มเปรี้ยวร้องไห้พลางเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอ เธอบอกว่ามันช่างเจ็บปวดทรมานเหลือเกิน เธออยากจะตายไปเสีย คอฟฟี่โน้มน้าวใจว่าให้เธอใจเย็นก่อน อย่าหุนหันพลันแล่น ส้มเปรี้ยวบอกว่าเธอไม่ได้อยากจะทำการหุนหันพลันแล่น แต่เมื่อเห็นว่าศัตรูยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้เธอก็ไม่อาจสงบใจลงได้”
“จากนั้น คอฟฟี่ก็เลยนำน้ำกรดมาสาดฉันเหรอคะ?” มายมิ้นท์กัดฟันถาม
“ถูกต้องแล้วครับ เรื่องราวเป็นเช่นนี้” เจ้าหน้าที่ตำรวจพยักหน้าตอบ
“ส้มเปรี้ยวจงใจยุยงให้เกิดอาชญากรรมใช่ไหม?” เปปเปอร์เอ่ยถามขึ้นทันที
เจ้าหน้าที่ตำรวจพยักหน้าอีกครั้ง “ใช่ครับ”
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากล่างของตนเอง ตัวเธอสั่นเทาด้วยความโกรธ
กลยุทธ์ยืมมือคนอื่นเพื่อฆ่า!
ตอนนี้ส้มเปรี้ยวไม่เพียงแต่ทำลายชื่อเสียงของเธอในอินเทอร์เน็ต อีกทั้งยังใส่ร้ายป้ายสีและใช้แฟนคลับของหล่อนมาจัดการกับเธอ แผนการสองแง่สองง่ามนี่ช่างฉลาดและเฉลียวมากจริงๆ
“จากเรื่องราวเหล่านี้ สามารถออกหมายจับส้มเปรี้ยวได้ไหมคะ?” มายมิ้นท์หันไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเอ่ยถามอย่างกระวนกระวายใจ
เจ้าหน้าที่ตำรวจส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ได้ครับ เพราะตอนนี้เรารู้เพียงแค่ว่าคุณส้มเปรี้ยวอาจจะใส่ร้ายป้ายสีคุณ แต่การยุยงของหล่อนต่อคอฟฟี่ไม่เพียงพอต่อเงื่อนไขที่จะเข้าจับกุม”
สีหน้าของมายมิ้นท์มืดมนลงทันที
เงื่อนไขไม่เพียงพอที่จะจับกุมตัวส้มเปรี้ยว มองดูแล้วตอนนี้ไม่อาจใช้วิธีทางกฎหมายจัดการกับส้มเปรี้ยวได้ ก็คงทำได้เพียงตาต่อตาฟันต่อฟัน ใช้วิธีที่ส้มเปรี้ยวจัดการกับเธอไปจัดการส้มเปรี้ยวด้วย!
อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกชื่นชมส้มเปรี้ยวมาก ทุกครั้งที่ส้มเปรี้ยวทำอะไรผิด หล่อนจะเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังและใช้ให้คนอื่นเคลื่อนไหวแทน ส่วนตัวส้มเปรี้ยวมักจะเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่เสมอ เธอไม่ทิ้งหลักฐานใดเอาไว้เลย
สมองอันชาญฉลาดเพียงนี้น่าเสียดายเหลือเกินที่นำมาใช้ในทางไม่ถูกต้อง
มายมิ้นท์หรี่ตาลงแล้วเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งว่า “อ้อ จริงสิคะ ฉันสามารถไปพบคนที่ชื่อคอฟฟี่ได้ไหม?”
“ไม่ได้ครับ ตอนนี้คอฟฟี่ได้รับคำสั่งให้คุมขังอย่างเป็นทางการแล้ว นอกเสียจากทนายความไม่มีใครเข้าพบเขาได้ ต่อให้เป็นผู้เสียหายก็ไม่ได้ แต่รอจนกระทั่งถึงวันพิจารณาคดีบนชั้นศาลก็จะได้เห็นเขาเอง” เจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบาย
มายมิ้นท์เผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อน”
“ครับ” เจ้าหน้าที่ตำรวจพยักหน้า มายมิ้นท์เหลือบไปมองเปปเปอร์ จากนั้นทั้งสองก็เดินทางออกจากสถานีตำรวจพร้อมกัน