ตอนที่ 2261 การกลับมาของอวิ๋นชูเทียน (25)
“ท่านแม่สบายใจได้ว่าข้าจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำร้ายชูเทียนมีชีวิตต่อไปแน่” ประกายเจตนาสังหารพาดผ่านดวงตาของอวิ๋นเนี่ยนเฟิง
สิบปีที่แล้วชูเทียนอายุแค่ห้าปี จินตนาการได้หรือไม่ความสิ้นหวังขนาดไหนที่เด็กอายุห้าปีต้องเจอตอนที่นางถูกมัดกับเสาเพื่อให้โดนเผาจนตาย ยิ่งไปกว่านั้นคนพวกนั้นยังไม่แม้แต่จะสืบสวนเรื่องราวและเชื่อมั่นว่านางทำผิด! เขาไม่มีทางยกโทษให้คนพวกนั้นที่ทำร้ายนาง
ทันทีที่เขาได้ยินที่พวกเขาพูด โอวหยางสวินก็เข่าอ่อนแล้วทรุดลงไปที่พื้น ขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เขารู้ว่าเขาจบเห่แล้ว!
“ท่าน…ท่านเป็นมารดาของอวิ๋นเนี่ยนเฟิงงั้นหรือ” หวังเฮ่าเทียนมองอวิ๋นลั่วเฟิงอย่างโง่งม สายตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งเสียใจและโกรธเคือง แน่นอนว่าความโกรธของเขาพุ่งไปที่หวังเสวี่ยเหลียน
อวิ๋นลั่วเฟิงเลิกคิ้วขณะที่มองหวังเฮ่าเทียน “เจ้าเป็นใคร”
เมื่ออวิ๋นเนี่ยนเฟิงได้ยินคำถามของมารดาเขา เขาก็ยืนขึ้นแล้วพูดว่า “ท่านแม่ขอรับ ชายคนนี้ต้องการจะวางยาชูเทียนแต่ข้ารู้แผนการของเขาก่อน สุดท้ายพวกเราจึงดึงโอวหยางเยว่มาที่นี่เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของเขาขอรับ”
วางยา? อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาขณะที่นางแผ่เจตนาสังหารออกมา
“ข้า…” หวังเฮ่าเทียนเสียใจอย่างมาก “ข้ารู้ว่าข้าผิดและข้าก็ยินดีรับโทษที่ท่านจะให้ แต่เจตนาตอนแรกของข้าก็เพื่อแม่นางชูเทียน และตอนนี้ข้าก็ได้เห็นวิธีที่ท่านดูแลนางแล้ว ข้าก็สบายใจ”
รอยยิ้มอำมหิตปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของหวังเฮ่าเทียนขณะที่เขาหันไปมองหวังเสวี่ยเหลียน “นางเป็นคนที่บอกข้าว่านางรู้จักเพื่อนที่บิดามารดาถูกท่านฆ่า และท่านก็ยังขโมยทรัพย์สมบัติของพวกเขาไปด้วย แต่ตอนนี้ข้ารู้ตัวตนของท่านแล้ว ข้าก็เข้าใจว่าท่านย่อมเหยียดหยามวิธีการเช่นนั้น”
เรื่องที่ตลกก็คือเขาเชื่อหวังเสวี่ยเหลียนและทำความผิดพลาดครั้งใหญ่
อวิ๋นลั่วเฟิงหันไปมองหวังเสวี่ยเหลียนที่ซ่อนอยู่ด้านหลังฝูงชนช้าๆ และดวงตาของนางก็เป็นประกายเย็นชา “นางชื่ออะไรนะ” หวังเฮ่าเทียนตอบ “หวังเสวี่ยเหลียน”
“หวังเสวี่ยเหลียน?” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ข้าคิดว่าน่าจะอวิ๋นเสวี่ยเหลียนแทนนะ”
เมื่อหวังเสวี่ยเหลียนได้ยินชื่อของนาง นางก็ยิ่งสับสนวุ่นวาย เป็นไปได้อย่างไร นางสามารถจำข้าได้อย่างไร
อวิ๋นเสวี่ยเหลียน?
ทุกคนงุนงงขณะที่หันไปมองหวังเสวี่ยเหลียนที่แสดงสีหน้าสับสน
“อวิ๋นเสวี่ยเหลียน? บุตรสาวของอวิ๋นเทียนฉีกับหลี่ชุ่ยชุ่ย คู่รักทรยศนั่นหรือเจ้าคะ” อวิ๋นชูเทียนกระโดดออกมาทันทีและพูดอย่างเดือดดาล “ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าก็จะจากหวาเซี่ยมาที่แผ่นดินนี้เหมือนกัน! เข้ากล้าใส่ร้ายท่านแม่ ท่านแม่ไปขโมยสมบัติพวกเจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นบิดามารดาเจ้าต่างหากที่ทำให้บิดามารดาที่หวาเซี่ยของท่านแม่ต้องตายและยังขโมยทรัพย์สินของพวกเขาไปด้วย ไม่ใช่แค่นั้นพวกเขาก็ไล่ท่านแม่ออกจากตระกูลอีก! แต่ตอนนี้เจ้ากล้ากลับความจริงงั้นหรือ”
คนอื่นๆ ไม่เข้าใจที่อวิ๋นชูเทียนพูด และสรุปจากบทสนทนาของพวกเขาได้เพียงอย่างเดียว
กลายเป็นว่าอวิ๋นเสวี่ยนเหลียนไม่ใช่หวังเสวี่ยเหลียน
หวังเฮ่าเทียนมองอวิ๋นเสวี่ยเหลียนอย่างตะลึง และสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ข้าน่าจะเดาได้ น้องสาวของข้าเป็นเด็กผู้หญิงที่เชื่อฟัง แล้วนางจะเปลี่ยนมากขนาดนี้ได้อย่างไร ที่น่าขันก็คือข้าไม่เคยสงสัยเลยสักครั้งว่าเจ้าไม่ใช่น้องสาวของข้า…”
นี่ก็คือความจริง ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็ชัดเจนขึ้น เขากังวลว่าบิดาของเขาจะทนรับความน่าตกใจนี้ได้หรือไม่ตอนที่เขารู้
“เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง” หวังเสวี่ยเหลียนส่ายหน้าอย่างสิ้นหวังขณะที่สีหน้าของนางซีดเผือด “สถานการณ์ไม่ควรเป็นแบบนี้สิ ข้ากลับมาเกิดใหม่ต่างโลกเหมือนกับเรื่องพวกนั้น ข้าก็ควรจะเป็นตัวเอก ในเมื่อข้าเป็นตัวเอก ทุกอย่างก็ควรจะเข้าทางข้า ยิ่งไปกว่านั้นในหนังสือพวกนั้นคนที่หมั้นกันก่อนที่พวกเขาจะเกิด ก็ควรจะเป็นบันไดให้ตัวเอกเหยียบสิ!”
แต่ว่าเหตุใดเรื่องถูกเปลี่ยนไปเมื่อเป็นนางล่ะ
“ตอนแรกถ้าเจ้าไม่โง่และใช้ชีวิตอย่างดีในหวาเซี่ย ไม่แน่เจ้าก็อาจจรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายก็อย่าโทษข้าเลย”
ตอนที่ 2262 การกลับมาของอวิ๋นชูเทียน (26)
อวิ๋นเนี่ยนเฟิงยิ้มเยาะแล้วยกยิ้ม “ท่านแม่ ชูเทียนเหนื่อยแล้ว ท่านแม่พานางกลับไปพักและปล่อยให้ข้าจัดการที่นี่เถอะขอรับ ข้าจะจัดการทุกอย่างเอง และข้าก็ไม่อยากให้มือของชูเทียนสกปรก”
ชูเทียนเป็นเด็กผู้หญิงน่ารัก แล้วเขาจะทนให้มือของนางเปื้อนเลือดได้อย่างไร เรื่องบางอย่างก็ควรปล่อยให้บุรุษจัดการ
“ได้” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้ม ดูเหมือนว่าความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันจะพัฒนาขึ้นค่อนข้างเร็วตอนที่อยู่ที่นครจักรพรรดิแห่งสวรรค์ “ชูเทียน พวกเราไปกันก่อนเถอะ อีกไม่นานเนี่ยนเฟิงจะตามพวกเรามา”
“เจ้าค่ะ!” อวิ๋นชูเทียนหันกลับไปมองอวิ๋นเนี่ยนเฟิง “ท่านพี่เนี่ยนเฟิง ข้าจะรอท่านอยู่ที่โรงเตี๊ยมนะเจ้าคะ” ไม่มีความจำเป็นที่นางต้องอยู่ในพระราชวังอีกต่อไป
คืนนั้นมีคนจำนวนมากในนครจักรพรรดิแห่งสวรรค์ต้องตื่นขึ้นมาจากโลกแห่งความฝันด้วยความหวาดกลัว โดยเฉพาะพวกเขาได้ยินเสียงกรีดร้องบีบหัวใจมาจากที่ไกลๆ และพวกเขาทุกคนก็รู้สึกกลัวมากเพราะไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ในที่สุดวันต่อมาพวกเขาก็ได้รู้ถึงการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นในนครจักรพรรดิแห่งสวรรค์ ไม่มีใครที่เคยทำร้ายอวิ๋นชูเทียนชีวิตรอดสักคนเดียว! ส่วนหวังเสวี่ยเหลียน นางต้องเจอกับความตายอันทุกข์ทรมาน
เพื่อให้หวังเสวี่ยเหลียนได้กลับไปอยู่กับครอบครัว อวิ๋นเนี่ยนเฟิงจึงส่งวิญญาณของนางไปที่โลกหลังความตายของหวาเซี่ย ทันทีที่หวังเสวี่ยเหลียนเห็นบิดามารดาของนางที่โดนทรมานอยู่ในนรกขุมที่สิบแปด นางก็ร้องไห้และอยากหนีไปให้ไกล
แต่ว่าการที่จะออกจากโลกหลังความตายหลังจากที่ไปถึงแล้วไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะแบบนั้นหวังเสวี่ยเหลียนจึงเกลียดหลี่ชุ่ยชุ่ยจนถึงแก่น ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายใส่ความคิดในหัวนางด้วยเรื่องพวกนั้น นางก็อาจจะไม่ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่แบบนี้
การได้เกิดเป็นบุตรสาวของเจ้าเมืองก็ดีมากแล้ว เหตุใดนางถึงโง่งมแล้วไปหาเรื่องอวิ๋นเนี่ยนเฟิงกับอวิ๋นชูเทียนกันนะ
แต่ไม่ว่านางจะเสียใจแค่ไหน ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างไปจากเดิม
แคว้นเจ็ดเมือง
ตอนนี้นักเล่าเรื่องกำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และคนรอบตัวเขาก็ฟังด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก
“ข่าวลือมีอยู่ว่า องค์หญิงเจ็ดของนครจักรพรรดิแห่งสวรรค์มีพรสวรรค์มากและสามารถเรียนรู้วิชาแพทย์โดยไม่จำเป็นต้องมีอาจารย์ โชคร้ายที่นางต้องทนทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของคนที่ทำให้เกิดหายนะ และองค์หญิงรองไม่ได้แค่ขโมยความดีความชอบของนาง แต่นางใส่ร้ายว่าองค์หญิงเจ็ดวางยาพิษองค์หญิงรอง ผลก็คือองค์หญิงเจ็ดเกือบถูกเผาจนตาย”
“หือ ถ้าอย่างนั้นนางรอดมาได้อย่างไร” ผู้ฟังคนหนึ่งถาม
นักเล่าเรื่องยิ้ม “เรื่องมันยาว ตอนที่องค์หญิงเจ็ดกำลังจะถูกเผาที่เสาก็มีสตรีที่คล้ายเทพเซียนบินลงมาจากมังกรแล้วช่วยองค์หญิงเจ็ดไว้ได้ คนผู้นั้นก็คือราชันย์ของแคว้นของพวกเรา อวิ๋นลั่วเฟิง!”
“อวิ๋นลั่วเฟิงรึ เหตุใดอวิ๋นลั่วเฟิงถึงต้องช่วยนางล่ะ ข้าได้ยินว่ามาตรฐานของนางสูงมาก และมีแค่คนที่มีประโยชน์เท่านั้นถึงจะเตะตานางได้”
“ฮะๆ ข้ามั่นใจว่าพวกเจ้าไม่รู้เรื่องนี้ องค์หญิงเจ็ดคนนั้นชาติที่แล้วเป็นบุตรสาวของอวิ๋นลั่วเฟิง อวิ๋นลั่วเฟิงขึ้นเหนือลงใต้ตามหานางอยู่หลายปี และในที่สุดก็หานางที่กลับชาติมาเกิดใหม่ในนครจักรพรรดิแห่งสวรรค์ได้ ไม่อย่างนั้นนางจะช่วยเด็กผู้หญิงที่ไม่รู้จักไปทำไม” นักเล่าเรื่องโบกพัดขณะที่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความคะนึงหา “ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้ยินว่าองค์หญิงเจ็ดที่เปลี่ยนชื่อเป็นอวิ๋นชูเทียนก็รักกับคนรักสมัยเด็กอย่างอวิ๋นเนี่ยนเฟิงที่เป็นบุตรชายของอวิ๋นลั่วเฟิง อีกไม่นานพวกเขาก็จะแต่งงานกันแล้ว”
“นี่เป็นเรื่องที่ดีเลย” ทุกคนชื่นชมต่อๆ กัน
มีแต่บุตรชายน่าเลื่อมใสของอวิ๋นลั่วเฟิงเท่านั้นที่คู่ควรกับองค์หญิงเจ็ดที่มีความงามหาใดเปรียบ
“อวิ๋นเนี่ยนเฟิงซึ่งเป็นบุตรชายของอวิ๋นลั่วเฟิงรักอวิ๋นชูเทียนอย่างลึกซึ้ง เมื่อตอนที่พวกเขาไปที่นครจักรพรรดิแห่งสวรรค์ บุตรสาวของเจ้าเมืองโยนตัวเองเข้าสู่อ้อมแขนของเขา แต่สุดท้ายนางก็ถูกนายน้อยเนี่ยนเฟิงทำให้อับอาย ในสายตาของเขามีเพียงอวิ๋นชูเทียนเท่านั้น มีคนเคยบอกไว้ว่า ‘คนที่ถูกรักจะรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่อรู้ว่ามีคนรักหนุนหลังอยู่’ นี่เป็นคำพูดที่เหมาะสมจะอธิบายอวิ๋นชูเทียนที่สุด”
นักเล่าเรื่องส่ายหน้าและคนรอบๆ เองก็แสดงความนับถือ แต่ว่าพวกเขาไม่ได้สังเกตว่าคนสองคนที่เป็นตัวเอกในเรื่องก็นั่งอยู่ด้านหลังขณะที่ฟังเรื่องเล่าอย่างตั้งใจ
“นี่” อวิ๋นชูเทียนแกะเมล็ดแตงโมแล้วหันไปหาอวิ๋นเนี่ยนเฟิง “ท่านพี่เนี่ยนเฟิงเจ้าคะ พวกเขาบอกว่าท่านเป็นคนเดียวที่คู่ควรกับข้า”
อวิ๋นเนี่ยนเฟิงยกริมฝีปากขึ้น “จริงหรือไม่”
อวิ๋นชูเทียนรวบรวมความกล้าแล้วพูดว่า “แต่…ข้ารู้สึกว่าอยากหนีจากงานแต่งงานที่จะจัดขึ้นในอีกสองสามวันเจ้าค่ะ”
สีหน้าของอวิ๋นเนี่ยนเฟิงมืดครึ้มทันที “เจ้าว่าอะไรนะ”
“ท่านพี่เนี่ยนเฟิง ที่หวาเซี่ยไม่ใช่ว่ามีวิธีแต่งงานแบบจัดงานแต่งงานไกลจากบ้านหรือเจ้าคะ ข้าไม่อยากจัดงานแต่งพวกนั้น เหตุใดพวกเราไม่ไปจัดการงานแต่งงานในที่ไกลๆ กันล่ะ!”
ตั้งแต่ที่ไปหวาเซี่ย อวิ๋นชูเทียนก็เรียนรู้อะไรมาหลายอย่างมาก ถึงแม้ว่านางจะแทบไม่ได้ไปที่หวาเซี่ยแต่นางก็ยังคิดถึงอาหารราคาแพงที่นั่นเป็นพักๆ และยังขอให้อวิ๋นลั่วเฟิงพานางไปที่นั่นด้วย ส่วนเรื่องการจัดงานแต่งแบบไกลบ้าน นางก็เรียนรู้มาขณะอยู่ที่นั่น
“ก็ได้” เมื่อเขาเข้าใจว่าอวิ๋นชูเทียนยังอยากแต่งงานกับเขา สีหน้าของเขาก็ดีขึ้น “พวกเราจะฟังเจ้า เราจะทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการเลย”
“ท่านพี่เนี่ยนเฟิง ท่านดีกับข้ามากๆ เลยเจ้าค่ะ” อวิ๋นชูเทียนซบไหล่ของอวิ๋นเนี่ยนเฟิงแล้วหัวเราะอย่างชอบใจ
“ที่นักเล่าเรื่องพูดก่อนหน้านี้ คนที่ถูกรักจะรู้สึกปลอดภัยเสมอเมื่อรู้ว่ามีคนรักหนุนหลังอยู่ ไม่ว่าเจ้าจะหัวแข็งและไร้เหตุผลขนาดไหนก็ไม่เป็นไรเพราะข้าจะตามใจเจ้า ข้าจะตามเช็ดเรื่องยุ่งยากให้เจ้าเอง ทุกอย่างจะไร้ปัญหาตราบใดที่เจ้ายังอยู่ข้างกายข้าตลอดไป”
เขาไม่ได้ขออะไรมาก ตราบใดที่นางอยู่เคียงข้างเขาก็พอ
“จริงหรือเจ้าคะ” ดวงตาของอวิ๋นชูเทียนสว่างวาบ “ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเราเขียนจดหมายบอกท่านพ่อท่านแม่ว่าไม่ต้องจัดงานแต่งแล้วเลยดีกว่า พวกเราจะแต่งงานขณะที่พวกเราเดินทาง!”
“ได้สิ” อวิ๋นเนี่ยนเฟิงยิ้มอย่างอ่อนโยน
ชั่วชีวิตของเขา เขายินดีให้นางสร้างเรื่องวุ่นวายได้ตามใจ ส่วนเขาจะคอยรักดูแลนางตลอดไปเอง…