ภาคที่ 1 บทที่ 129 เนินกลบวิญญาณ (3)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 129 เนินกลบวิญญาณ (3)

ตูม ตูม ตูม ตูม!

การระเบิดอย่างต่อเนื่องทำให้อสรพิษเงาที่กำลังไล่ล่าซูเฉินส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด อย่างไรก็ตามความดุร้ายตามธรรมชาติของพวกมัน ทำให้พวกมันไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้เป้าหมายจากไปและยังคงไล่ตามเขาอย่างดุเดือด

ซูเฉินพุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง วิ่งผ่านห้องโถงและกลับไปที่ห้องโถงหินก่อนหน้านี้

รูปปั้นทั้ง 12 ยังคงยืนตรงตั้งตระหง่านนิ่งอยู่ที่นั่นไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน

ซูเฉินถอดเหรียญสีดำที่ติดเอาไว้ออกและโยนมันทิ้งไป ในขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วเต็มที่พร้อมกับตะโกน “ตื่นได้แล้ว!”

เปรี้ยง!

ทันใดนั้นเสียงกระหึ่มราวฟ้าร้องและการสั่นสะเทือนรุนแรงก็ปรากฏขึ้น

รูปปั้นทั้ง 12 สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงอย่างพร้อมเพรียง เศษหิน และชิ้นส่วนขนาดใหญ่เริ่มร่วงหล่นจากร่างของพวกมัน ส่งฝุ่นสีเทาให้ลอยฟุ้ง

“เร็วเข้า เร็วเข้า!” หากเป็นผู้อื่นเกรงว่าพวกเขาคงจะประหลาดใจและกังวลใจกับฉากที่กำลังเกิดนี้ ทว่าซูเฉินกลับดูกังวลว่านักดาบหลอมโลหิตจะตื่นขึ้นมาได้ไม่เร็วพอเสียมากกว่า เขาโยนไหเหล้าออกไปอีก 3 ไหอย่างต่อเนื่อง และส่งลูกไฟยักษ์ตามไปอีก 5 ลูก ราวกับกลัวว่าตนจะไม่สามารถประวิงเวลาได้นานพอ

ในที่สุดรูปปั้นตัวแรกก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งสิ่งที่โผล่มาในจังหวะเดียวกับรูปปั้นที่แตกสลายคือแสงดาบสีแดงเลือดที่กรีดฝ่าอากาศตรงเข้ามาหาซูเฉิน มันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดทางที่มุ่งหน้าเข้าหาเขา

“ข้า … เวร!” ซูเฉินสบถทิ้ง

แม้ว่าเขาจะเตรียมใจว่าจะต้องถูกโจมตีเอาไว้แล้ว แต่ซูเฉินก็อดไม่ได้ที่จะสบถด่าออกมา

ในขณะที่ร่างกายของซูเฉินเคลื่อนไหว เด็กหนุ่มก็ได้เปิดใช้งานก้าวย่างหมอกอสรพิษจนถึงขีดสุด และก้าวติดต่อกัน 3 ก้าวเพื่อส่งตัวเองขึ้นไปกลางอากาศ ทำให้ร่างของซูเฉินสามารถเปลี่ยนทิศทาง และหลบการโจมตีจากดาบไปอย่างเฉียดฉิว

ตอนนี้พลังทั้งหมดของเขาหมดไปแล้ว ซูเฉินไม่สามารถรักษาสภาพของตนเพื่อค้างอยู่ในอากาศได้อีกต่อไป และร่วงลงพื้นอย่างรวดเร็ว ทันทีที่กระแทกเข้ากับพื้น เด็กหนุ่มก็รีบกลิ้งหลบในทันใด

แสงดาบคมกริบเฉียดผ่านศีรษะของเขา นักดาบหลอมโลหิตอีกตนได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว

ซูเฉินยังคงวิ่งขึ้นไปด้านหน้า

ก่อนหน้านี้ เพื่อปลุกนักดาบหลอมโลหิตขึ้น ซูเฉินกังวลว่าหากจะโยนเหรียญสีดำไปได้ไม่ไกลพอ เขาจะไม่สามารถปลุกพวกมันขึ้นมาได้ ทว่ายามนี้ซูเฉินกลับรู้สึกว่าตัวเองได้โยนมันทิ้งไปไกลเกินไป ระยะทางที่ใกล้มากกลับเหมือนห่างออกไปไกลสุดขอบฟ้า

หลังจากที่เพิ่งได้ก้าวออกไปอีกไม่กี่ก้าว การโจมตีของดาบอีก 2 เล่มก็ตรงเข้ามาอีกครั้ง

นักดาบคนที่ 3 และ 4 ปรากฏออกมาทีละคน ซูเฉินตบพื้นส่งตัวเขากระโจนขึ้นไปในอากาศหลบดาบหนึ่งไปได้อย่างหวุดหวิด ทว่าเขาไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีจากดาบอีกเล่มหนึ่งได้ทัน เด็กหนุ่มทำได้เพียงอาศัยการป้องกันของผู้พิทักษ์แห่งเม็กเพื่อสกัดกั้นมัน

พร้อมกับเสียงดัง “ปัง!” ผู้พิทักษ์แห่งเม็กทั้งสองชั้นก็ได้ถูกแทงทะลุในดาบเดียว

ซูเฉินยืมแรงกระแทกเพื่อกลับขึ้นในอากาศอีกครั้ง ในขณะที่อยู่กลางอากาศ เขาสังเกตเห็นว่านักดาบหลอมโลหิตตนที่ตื่นขึ้นมาก่อนหน้านี้ ได้เริ่มหันไปสู้กับอสรพิษเงาแล้ว

ขอบคุณสวรรค์ ที่ไม่ว่าจะเป็นอสรพิษเงาหรือนักดาบหลอมโลหิตก็ต่างโจมตีกันอย่างไม่เลือกหน้า

ก่อนที่ซูเฉินจะทันได้หายวิตกกังวล จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียง “ตูม” ดังขึ้นต่อเนื่องถึงสี่ครั้งจากทางด้านหลัง ก่อนที่นักดาบหลอมโลหิตอีกสี่ตนจะหลุดออกมาจากผนึกรูปปั้น

เพราะซูเฉินนั้นคือผู้ที่อยู่ตรงหน้าของพวกมัน นักดาบหลอมโลหิตทุกตนที่ตื่นขึ้นมาจึงได้โจมตีเขาก่อน ซูเฉินรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีแล้ว เขารีบเปิดใช้งานก้าวย่างหมอกอสรพิษเพื่อหลบการโจมตีของนักดาบตนแรกไป และกายเหวี่ยงไปทางด้านหลังเพื่อปัดป้องการโจมตีของนักดาบอีกตน ส่งผลให้ใบมีดนั้นแตกเป็นเสี่ยง ๆ

ในขณะที่นักดาบตนที่ 3 กำลังจะโจมตีเข้ามา หนวดอากาศก็ได้ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ดึงขาของมันเอาไว้ทำให้นักดาบตนนั้นสะดุดลง ซูเฉินใช้ประโยชน์จากโอกาสที่จะหลบหลีกการโจมตีออกมา

อย่างไรก็ตาม ดาบของนักดาบตนที่ 4 ก็ได้ฟาดตรงเข้าปะทะกับโล่ของเขาอีกครั้ง

ดาบนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อนที่เด็กหนุ่มเคยรับเอาไว้มาก พร้อมกับเสียง “ปัง” ที่ดังขึ้น การป้องกันทั้งหมดบนร่างกายของซูเฉินก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ผลกระทบของดาบขนาดใหญ่ไม่ได้ลดลงและยังคงพุ่งตรงเข้าหาตัวเขา ซูเฉินถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนเลือดไหลออกมาเป็นสาย

เขาตกลงจากอากาศสู่พื้น

การโจมตีของดาบนี้ ทำให้ซูเฉินบาดเจ็บหนักไม่ใช่น้อย เขาไม่มีทางเคลื่อนไหวอะไรได้เลยในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้

รูปปั้น 4 ตนสุดท้ายได้ทลายลง นักดาบหลอมโลหิตที่เหลือเดินออกมา และมุ่งไปหาซูเฉิน

ซูเฉินทำได้เพียงแค่คลานไปหาเหรียญได้อย่างช้า ๆ

แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเร็วได้มากแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถเร็วไปกว่านักดาบหลอมโลหิตได้อยู่ดี

นักดาบหลอมโลหิตทั้ง 4 ได้พุ่งเข้าใส่ด้านข้างของซูเฉิน พลางชูดาบขนาดใหญ่ของพวกมันขึ้นเหนือตัวเขา

แล้วดาบก็ถูกฟาดลงมา!

ในช่วงเวลาแห่งอันตรายของความเป็นความตายเบื้องหน้านี้ ซูเฉินได้ยกมือขึ้นในทันใด หนวดอากาศพลันปรากฏขึ้น และคว้าเอาเหรียญสีดำก่อนเหวี่ยงมันกลับมา

เหรียญสีดำบินผ่านอากาศกลับมาและตกลงมาในมือของซูเฉิน

พึ่บ!

ซูเฉินชูเหรียญขึ้น

ดาบสีเลือดขนาดใหญ่ทั้ง 4 เล่ม หยุดลงตรงหน้าหน้าผากของซูเฉินในเวลาเดียวกัน

พวกมันเก็บดาบกลับไป!

นักดาบหลอมโลหิตทั้ง 4 หันกลับมาและพุ่งเข้าหาอสรพิษเงา

“ฟู่!”

ซูเฉินถอนหายใจยาว

จากนั้นคลื่นแห่งความเจ็บปวดที่รุนแรงทำให้เขาต้องกัดฟัน ซูเฉินมองสำรวจตัวเองและเห็นบาดแผลลึกชุ่มเลือดลากยาวตั้งแต่หน้าอกลงไปจนถึงกลางลำตัว เป็นบาดแผลที่ลึกมากจริง ๆ เขาหลีกเลี่ยงการถูกตัดหัวไปได้อย่างหวุดหวิด

ต้องขอบคุณที่เขาได้ฝึกฝนวิชากายาเวหาเวียนและร่างกายที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าผู้เชี่ยวชาญพลังต้นกำเนิดทั่วไปของเขา ไม่งั้นซูเฉินก็คงจะทนไม่ไหวจริง ๆ

แต่ถึงอย่างนั้นซูเฉินก็ยังคงเกิดอาการวิงเวียนศีรษะจากการเสียเลือดอยู่เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบยารักษาออกมาและดื่มมันลงไป

โชคดีที่อย่างน้อยสนามสอบก็อนุญาตให้นำยาเข้ามาได้

ไม่ไกลนัก นักดาบหลอมโลหิตทั้ง 12 ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่แล้ว

นักดาบหลอมโลหิตนั้นทรงพลัง ทว่าอสรพิษเงานั้นมีจำนวนที่เหนือกว่า ในไม่ช้าการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายมันก็ส่งผลให้มีซากศพงูจำนวนเป็นมาก และเมื่ออสรพิษเงาจำนวนมากตายลง นักดาบหลอมโลหิตก็เริ่มล้มลงทีละตน

ซูเฉินยกไหเหล้าอย่างระมัดระวัง เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ได้ทุกเมื่อ

แต่คราวนี้เทพีแห่งโชคลาภได้เข้าข้างซูเฉินในที่สุด ผู้ชนะสุดท้ายของการต่อสู้ครั้งนี้คือนักดาบหลอมโลหิต

นักดาบหลอมโลหิตที่ถูกผู้สร้างเนินกลบวิญญาณทิ้งเอาไว้เพื่อปกป้องที่แห่งนี้นั้นทรงพลังอย่างแท้จริง อสรพิษเงาเกือบ 300 ตัวถูกสังหารทิ้งโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามราคาที่พวกมันต้องจ่ายออกไปคือการสูญเสียสหายทั้ง 6 และหลังจากสังหารอสรพิษเงาแล้ว นักดาบหลอมโลหิตที่เหลือก็กลับสู่ตำแหน่งเดิมโดยไม่สนใจซูเฉินอีก ไม่ว่าเขาจะตะโกนใส่พวกมันมากแค่ไหนก็ตาม

ซูเฉินถอนหายใจ เขารู้ดีว่าเหรียญตราสีดำนี้ช่วยกันไม่ให้นักดาบหลอมโลหิตโจมตีเขาได้ แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้เขาสั่งการพวกมันได้ นับเป็นเรื่องดีที่นักดาบหลอมโลหิตเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์มานานแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะยังคงถูกสร้างขึ้นด้วยเลือดเนื้อ แต่ก็ไม่มีจิตวิญญาณอย่างมนุษย์ พวกมันก็เป็นเพียงซากศพเดินได้ หากซูเฉินนำพวกมันออกไปจริง ๆ ก็รั้งแต่จะสร้างแต่ปัญหาไม่รู้จบให้กับตนเอง

หลังจากดื่มยาไปแล้ว ซูเฉินก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นมาก

เขาลุกขึ้นยืนอีกครั้งและเดินตรงไปที่ซากงู

เหมือนกับดอกซากวิญญาณ อสรพิษเงาก็เป็นวัตถุดิบสำหรับปรุงยาที่หาได้ยากเช่นกัน

โดยทั่วไปแล้ววัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมของยาจะแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ ธรรมดา พิเศษ หายาก ตำนานและศักดิ์สิทธิ์ แต่ละระดับยังแบ่งเป็นสูงและต่ำ ดอกซากวิญญาณถือเป็นวัตถุดิบในตำนานระดับต่ำ แม้ว่าอสรพิษเงาจะไม่ล้ำค่าเท่า แต่ก็เป็นวัตถุดิบหายากในระดับสูง

ด้วยซากศพงูจำนวนมากเช่นนี้ นับได้ว่าซูเฉินค่อนข้างประสบความสำเร็จในการเก็บเกี่ยวกำไร

ความเสี่ยงที่ไม่คาดคิดหมายถึงผลกำไรที่ไม่คาดคิด อย่างน้อยที่สุดซากศพอสรพิษเงาเหล่านี้ ก็ยังมีค่ามากกว่าฐานทองคำดำหรือแท่นบัวหยกเมฆา

ซูเฉินเก็บซากงูเหล่านี้ไปโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย และในขณะที่ซูเฉินกำลังจะกลับไปที่ด้านในสุสาน จู่ ๆ เขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

ซูเฉินก้มหน้าลง

ใต้เท้าของเขา เลือดจำนวนมากกำลังไหลมาบรรจบกันอย่างรวดเร็วราวกับถูกดูด และค่อย ๆ เปลี่ยนรูปเป็นค่ายกลพลังต้นกำเนิด

เหตุใดจึงมีค่ายกลพลังต้นกำเนิดอยู่ที่นี่?

ซูเฉินตกใจ

กลไกทั้งหมดที่นี่ยังไม่ถูกทำลายลง? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?

ซูเฉินไม่เข้าใจ

เลือดสดนั้นมาจากนักดาบหลอมโลหิต 6 ชีวิตที่จากไป เลือดพวกนั้นที่ไหลเจิงนองอยู่ได้ทำให้เกิดสถานการณ์นี้เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าเลือดสดของพวกมันยังคงไม่เพียงพอ ดังนั้นแม้ว่าค่ายกลพลังต้นกำเนิดจะสว่างขึ้น แต่มันก็ยังไม่ได้ถูกเปิดใช้งาน

เมื่อตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่าง ซูเฉินก็หันกลับไปมองนักดาบหลอมโลหิตที่เหลือทั้ง 6 ตน

ทันใดนั้นความสงสัยก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

ในเมื่อมีหุ่นเชิดปีศาจต้นกำเนิดที่ทรงพลังอยู่ถึง 4 ตัว เหตุใดจึงยังต้องมีห้องโถงหินนอกห้องโถงใหญ่? เหตุใดจึงยังต้องใส่นักดาบหลอมโลหิตทั้ง 12 ไว้เพื่อปกป้อง? ความแข็งแกร่งของนักดาบหลอมโลหิตทั้ง 12 ไม่สามารถเทียบได้กับหุ่นเชิดปีศาจต้นกำเนิดระดับกองพลได้เลย

เมื่อเห็นเลือดสดบนพื้น ความคิดบางอย่างก็เข้ามาในจิตใจของซูเฉิน

เป็นไปได้ไหมว่าหน้าที่ที่แท้จริงของพวกมันจะไม่ใช่การปกป้อง?

เมื่อคิดถึงจุดนี้ การคาดเดาก็เริ่มปรากฏเป็นรูปเป็นร่างขึ้นในใจของซูเฉิน

เขาไม่ได้ลงมือในทันที แต่เลือกที่จะกลับไปที่สุสานก่อนเพื่อเก็บดอกซากวิญญาณ

ครั้งนี้ซูเฉินไม่ได้พบปัญหาอะไรอีก เขาหยิบเก็บดอกซากวิญญาณทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็วางไว้ในกล่องหยกที่ได้เตรียมเอาไว้ล่วงหน้า ดอกไม้ชนิดนี้ต้องอยู่ในกล่องหยกพิเศษเพื่อกันไม่ให้มันเหี่ยวเฉา แค่กล่องหยกเพียงอย่างเดียวก็มีค่ามากมายแล้ว

จากนั้นเขาก็ย้อนกลับมาที่ห้องโถงหิน

เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มทำการเสริมการป้องกันมากมายให้กับตัวเอง ก่อนที่จะยกมีดขึ้น

ฉัวะ!

แสงจากคมมีด 6 เส้นกวาดตัดหัวของนักดาบหลอมโลหิตที่เหลืออีก 6 ตน พวกมันทั้งหมดล้มลงกับพื้น

เลือดสดไหลออกมาจากอกของพวกมันและซึมลงสู่พื้น หลังจากพวกมันก็เริ่มกระจายหายไปราวกับว่าถูกพลังลึกลับบางอย่างควบคุมอยู่ ค่ายกลพลังต้นกำเนิดสีเลือดจึงสว่างและชัดเจนยิ่งขึ้น ต่อมาห้องโถงหินก็เริ่มสั่นสะเทือนเบา ๆ

ซูเฉินเริ่มถอย จนกระทั่งเขาถอยกลับมาถึงปากอุโมงค์

ไม่มีกับดักที่เป็นอันตราย

ทันใดนั้นการสั่นก็หยุดลง

บนผนังของห้องโถงหินได้มีประตูเล็ก ๆ เปิดออกอย่างไร้สุ่มเสียง