ตอนที่ 458 ดูแลตัวเองให้ดี / ตอนที่ 459 อย่าห่างเหินแบบนั้น

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 458 ดูแลตัวเองให้ดี

 

 

           ในสนามบิน กงจวิ้นฉือทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว กำลังรอฉู่เจียเสวียนอยู่ที่ห้องโถงของสนามบิน

 

 

           เดิมทีเขาไม่ให้เธอมาแล้ว แต่ว่าฉู่เจียเสวียนกลับยืนกรานว่าจะต้องมาส่งขึ้นเครื่อง

 

 

           เห็นเงาของคนคุ้นเคยกำลังรีบเร่งเข้ามาหาเขาจากที่ไกลๆ แววตาของเขาก็เปื้อนยิ้ม จนกระทั่งฉู่เจียเสวียนเข้ามาใกล้แล้ว กงจวิ้นฉือจึงเอ่ยปาก “นึกว่าคุณไม่มาแล้วซะอีก ถ้าช้ากว่านี้หน่อย เครื่องก็จะออกแล้ว”

 

 

           “รถติดระหว่างทางน่ะ” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย น้ำเสียงหอบเล็กน้อย

 

 

           ถ้าไม่ใช่เพราะรถติดล่ะก็ เธอก็ไม่มาสายแบบนี้หรอก

 

 

           “ผู้โดยสารที่เดินทางไปอเมริกาโปรดทราบ เที่ยวบินของคุณ…” เสียงไพเราะของผู้หญิงดังขึ้นในห้องโถง เริ่มประกาศกระตุ้นให้ผู้โดยสารขึ้นเครื่อง และเที่ยวบินไปยังสหรัฐอเมริกาพร้อมขึ้นเครื่องแล้ว

 

 

           กงจวิ้นฉือมองฉู่เจียเสวียนอย่างอาลัยอาวรณ์ มีรู้สึกเลือนลางว่าจากกันครั้งนี้บางทีหลายๆ อย่างอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว กงจวิ้นฉือไม่กล้าคิดไปมากกว่านี้ ลางสังหรณ์แบบนี้ทำให้เขาว้าวุ่นใจโดยไร้เหตุผล

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของกงจวิ้นฉือ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ความรู้สึกผิดก็ก่อตัวขึ้นในใจของเธอ “จวิ้นฉือ…”

 

 

           ไม่ทันรอให้ฉู่เจียเสวียนพูดจบ กงจวิ้นฉือก็พูดขัดเธอแล้ว “ผมต้องขึ้นเครื่องแล้ว อย่าลืมดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ” เขารู้ว่าฉู่เจียเสวียนต้องการจะพูดอะไร

 

 

           “โอเค คุณก็ต้องดูแลตัวเองเหมือนกันนะ” ฉู่เจียเสวียนกล่าว กลืนคำที่ต้องการพูดกลับลงไปในท้องแล้ว

 

 

           พยักหน้า กอดฉู่เจียเสวียนเบาๆ จากนั้นก็หันหลังจากไป

 

 

           มองดูเงาของเขาที่ค่อยๆ ไกลออกไป ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ที่เดิมเนิ่นนานไม่จากไปไหน

 

 

           กงจวิ้นฉือออกนอกประเทศไปแล้ว ฉู่เจียเสวียนยังคงไปเยี่ยมเผยหนานเจวี๋ยที่โรงพยาบาลทุกวัน ทุกครั้งที่ไปเผยหนานเจวี๋ยก็ยังหน้าไม่อาย ต้องการให้ฉู่เจียเสวียนป้อนน้ำแกงให้เขาดื่ม

 

 

           ในโรงพยาบาล

 

 

           “เรียบร้อยแล้วยัง” เผยหนานเจวี๋ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาอารมณ์ดีมาก

 

 

           เมื่อผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินแล้ว ก็รีบพยักหน้า “เรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้คุณกงอยู่เมืองนอก จะกลับมาไม่ได้อีกสักพัก”

 

 

           ผู้ช่วยพูดพลางสำรวจสีหน้าของเผยหนานเจวี๋ย ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ทางการงานกับบริษัทกง ทำไมจู่ๆ เผยหนานเจวี๋ยถึงสร้างความเดือดร้อนให้บริษัทกงแบบนี้

 

 

           “ดี” เผยหนานเจวี๋ยได้ยินแล้วอารมณ์ดีมาก ยกมือจัดปกคอเสื้อ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปข้างนอก

 

 

           ตราบใดที่เขาไม่อยู่ เช่นนั้นเขาก็สามารถปลูกต้นรักกับฉู่เจียเสวียนได้แล้ว ถ้าหากมีก้างขวางคออยู่ล่ะก็พวกเราก็ปลูกต้นรักกันลำบากแล้ว

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยผ่าตัดแผลที่หลังเสร็จแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่โรงพยาบาลอีก ถ้าหากไม่ใช่เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากความเห็นใจของฉู่เจียเสวียน เผยหนานเจวี๋ยนก็ออกจากโรงพยาบาลนานแล้ว จะอยู่ที่โรงพยาบาลนานขนาดนี้เพื่ออะไรกัน

 

 

           หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว เผยหนานเจวี๋ยก็กลับกลุ่มบริษัทเผยทันที

 

 

           แม้ว่าเผยหนานเจวี๋ยจะอยู่ที่โรงพยาบาลตลอด แต่ว่าก็ไม่ทิ้งงานที่บริษัทเลย แม้กระทั่งยังจัดการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย

 

 

           หลังจากตรวจสอบเอกสารในมือแล้ว เขาก็พูดอย่างไม่ตั้งใจ “ช่วยฉันส่งดอกไม่ไปให้เขา แล้วก็จองห้องอาหารที่ดีที่สุด ฉันอยากเลี้ยงข้าวเขา”

 

 

           “ครับ” ผู้ช่วยข้างๆ ได้ยินแล้วรีบพยักหน้าตอบรับ อยู่กับเผยหนานเจวี๋ยมานานขนานนั้น เขาเข้าใจอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาที่เผยหนานเจวี๋ยพูดถึงคือใคร

 

 

           ถ้าหากไม่มีความเฉลียดฉลาดในจุดนี้ล่ะก็ เขาก็คงถูกเผยหนานเจวี๋ยไล่ออกไปนานแล้ว

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยครุ่นคิดแล้ววางปากกาลง หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโทรหาฉู่เจียเสวียน

 

 

           สายถูกรับแล้ว เสียงที่ชัดเจนของฉู่เจียเสวียนดังขึ้น “ฮัลโหล คุณเผย”

 

 

 

 

       ตอนที่ 459 อย่าห่างเหินแบบนั้น

 

 

           “เจียเสวียน อย่าเรียกจนห่างเหินแบบนั้นสิ เรียกผมว่าหนานเจวี๋ย คืนนี้กินข้าวด้วยกันไหม” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปาก น้ำเสียงอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง

 

 

           ฉู่เจียเสวียนฟังแล้วขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินว่าน้ำเสียงของเขาไม่เหมือนปกติ คิดอยู่ในใจว่าเขาไม่ได้กินยาหรือเปล่า

 

 

           “ขอโทษนะคะ เกรงว่าจะไม่สะดวก” ฉู่เจียเสวียนปฏิเสธทันทีโดยไม่คิด

 

 

           “เจียเสวียน ผมมีเรื่องงานจะคุยกับคุณ เจอหน้ากันสักครั้งก็ไม่ได้เหรอ” เสียงของเผยหนานเจวี๋ยอ่อนลง แววตาเผยความผิดหวัง

 

 

           หรือว่าหลังจากเขาออกจากโรงพยาบาลแล้ว เธอก็ไม่ต้องการเจอเขาอีก?

 

 

           “มีอะไรพวกเราคุยกันทางโทรศัพท์ก็ได” น้ำเสียงที่ปฏิเสธไม่ได้ของฉู่เจียเสวียนดังขึ้นอีกครั้ง

 

 

           ตอนนี้กงจวิ้นฉือก็อยู่เมืองนอก ในเมื่อเขาออกจากโรงพยาบาลแล้ว เธอไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเผยหนานเจวี๋ยอีก

 

 

           ไม่เช่นนั้นหากมีคนพูดออกไป ต่อให้เธอกระโดดลงแม่น้ำฮวงโหก็ไม่สามารถชำระล้างจนสะอาดได้แล้ว

 

 

           เมื่อได้ยินน้ำเสียงปฏิเสธของฉู่เจียเสวียนแล้ว เผยหนานเจวี๋ยไม่โกรธเลยสักนิด อีกทั้งยังเปลี่ยนวิธีอื่น

 

 

           “ถือซะว่าเป็นการฉลองที่ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ไม่ได้เหรอ” เผยหนานเจวี๋ยกล่าว น้ำเสียงผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด

 

 

           เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว หัวใจของฉู่เจียเสวียนก็รู้สึกห่อเ**่ยว ในใจรู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก

 

 

           กำลังต้องการจะเอ่ยปาก เสียงเคาะประตูออฟฟิศก็ดังขึ้นกะทันหัน “ขอโทษนะครับ ใช่คุณหนูฉู่หรือเปล่า”

 

 

           “ฉันเองค่ะ” ฉู่เจียเสวียนมองคนที่หน้าประตู ในมือถือดอกไม้ช่อใหญ่ ตอบอย่างลังเล

 

 

           “รบกวนคุณเซ็นต์ชื่อด้วยครับ” คนคนนั้นเดินเข้ามาหาฉู่เจียเสวียน พูดกับเธออย่างเกรงใจและมีมารยาท

 

 

           ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้ว มือหนึ่งมือโทรศัพท์มือถือ มือหนึ่งถือปากกา แล้วเซ็นต์ชื่อของเธอด้วยมือน้อยๆ

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยได้ยินเสียงจากปลายสาย ก้รู้ว่าคนที่เขาให้ส่งดอกไม้มาถึงแล้ว ท่าทางไม่เลวเลย

 

 

           “ชอบหรือเปล่า” ไม่ทันรอให้ฉู่เจียเสวียนพูด เผยหนานเจวี๋ยก็เอ่ยขึ้น

 

 

           ‘เขาเป็นคนส่งดอกไม้นี้เหรอ’ ฉู่เจียเสวียนคิ้วยับย่น

 

 

           “เผยหนานเจวี๋ย คุณคิดจะทำอะไร” หลายวันมานี้ เธอยิ่งไม่เข้าใจเผยหนานเจวี๋ยมากขึ้นทุกที หยอกเย้าเธอในโรงพยาบาลก็แล้ว เธอดูแลเขาจนกระทั่งออกจากโรงพยาบาลเพราะต้องการจะปลดหนี้บุณคุณ ดังนั้นจึงทนต่อคำร้องขอของเขา ทุกวันป้อนข้าวป้อนน้ำแกงและดูแลเขาอะไรเทือกนั้น

 

 

           ตอนนี้เขาออกจากโรงพยาบาลแล้ว พวกเขาสองคนก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก นี่เขาคิดจะทำอะไร?

 

 

           “ก็แค่อยากเชิญคุณกินข้าว คืนนี้ผมจะไปรับคุณ” พูดจบก็ไม่รอให้ฉู่เจียเสวียนปฏิเสธ วางสายทันที

 

 

           ริมฝีปากมีรอยยิ้ม เพียงแค่คิดว่าคืนนี้จะได้เจอฉู่เจียเสวียน หัวใจของเขาก็โบยบินไม่หยุดราวกับนกตัวน้อย

 

 

           เมื่อได้ยินเสียงสายไม่ว่างในโทรศัพท์ หัวใจของฉู่เจียเสวียนก็ว้าวุ่นทันใด เอื้อมมือหยิบช่อดอกไม้ที่งดงามช่อนั้นลงถังขยะ

 

 

           ‘เธอไม่อยากไปกินข้าวกับเขาสักหน่อย’ คิดอยู่ในใจอย่างโมโห แล้วนั่งลงทำงานต่อ แต่ว่าไม่ว่าเธอตั้งใจอย่างไรก็ไม่สามารถมีสมาธิทำงานต่อไปได้

 

 

           เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าภายใต้อารมณ์ที่งุ่นง่านของฉู่เจียเสวียน เงยหน้าขึ้นมองเวลาตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้ว เอื้อมมือหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกจากออฟฟิศไป

 

 

           ฉู่เจียเสวียนก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ทำไมถึงไม่อยากเจอเผยหนานเจวี๋ยขนาดนั้น ราวกับกลัวว่าจะเจอเธอ

 

 

           แต่ว่าคนลิขิตชะตาหรือจะสู้ฟ้าลิขิต ฉู่เจียเสวียนคิดไม่ถึงว่าเผยหนานเจวี๋ยจะมารอเธออยู่ที่หน้าประตูแล้ว

 

 

           เพิ่งจะออกมานอกร้านชุดแต่งงาน ก็เห็นเผยหนานเจวี๋ยยืนอยู่หน้าร้านชุดแต่งงานของเธอด้วยรัศมีเปล่งปลั่ง มองเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

 

 

           เมื่อเห็นเผยหนานเจวี๋ยแบบนี้แล้ว ฉู่เจียเสวียนเม้มปาก กะว่าจะไม่สนใจเขา เดินผ่านเขาต้องการจะไปที่รถของตัวเอง แต่เห็นได้ชัดว่าเผยหนานเจวี๋ยไม่ยอมปล่อยให้เธอไป