บทที่ 208 กินเนื้อกวางเพิ่มระดับ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 208 กินเนื้อกวางเพิ่มระดับ

ไม่นานหลังจากนั้น จ้าวปาเทียน หลิงเจิ้งสงและ มี่ตั้วตั้ว ที่ได้รับข่าวทั้งหมดก็มาที่ คฤหาสน์สราญรมย์

หลิงตู้ฉิงมอบแหวนมิติให้กับหลิงเจิ้งสงและจ้าวปาเทียนคนละหนึ่งวง เขาก็พูดว่า “ในแหวนแต่ละวงคือเนื้อกวางวิเศษ 5,000 กิโลกรัม พวกท่านเอาไปแบ่งให้คนอื่นในตระกูล และพวกท่านก็ต้องกินมันเองด้วย”

“ขอบเขตรวมแสงดาราสามารถกินได้ครั้งละ 1 กิโลกรัมและสามารถกินต่อได้หลังจากเผาผลาญพลังวิญญาณที่ได้มาจากมันในร่างกายจนหมดแล้ว ส่วนขอบเขตประสานทะเลปราณสามารถกินมันได้ครั้งละครึ่งกิโลกรัม อย่าโลภมากเกินไป มิฉะนั้นร่างกายของพวกท่านจะได้รับอันตรายจากพลังปีศาจที่มาจากเนื้อกวาง นอกจากนี้ข้ามีหุ่นเชิดมากพอที่ประตูของข้าแล้ว ข้าจะแบ่งพวกมันให้พวกท่านสองคนไปคนละตัว พวกท่านจงไปเลือกกันเอาเองได้เลย”

ก่อนหน้านี้มีหุ่นเชิดสามตัวอยู่ที่ประตูคฤหาสน์สราญรมย์แล้ว และหนึ่งในนั้นคือหุ่นเชิดที่อยู่ขอบเขตนภาระดับ 12 และตอนนี้เขาได้เพิ่มมาอีก 2 ตัวที่อยู่ระดับขอบเขตนภาระดับที่ 7 คือจางหง และผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาระดับ 9 ที่ถูกกักอยู่ในรถม้า

เหตุผลที่หลิงตู้ฉิงต้องการแบ่งหุ่นเชิดให้ไปคุ้มกันที่คฤหาสน์หลิงและตระกูลจ้าว เนื่องจากระดับการบ่มเพาะของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของทั้งสองตระกูลนั้นต่ำมาก ระดับพลังสูงสุดของพวกเขาอยู่ที่ขอบเขตรวมแสงดาราเท่านั้น หากเผชิญกับสถานการณ์อันเลวร้ายในอนาคต ความแข็งแกร่งของพวกเขายังห่างไกลกับคำว่าเพียงพอ

ด้วยการเพิ่มเข้าไปของหุ่นเชิดขอบเขตนภา 2 ตัว มันจะช่วยให้ความแข็งแกร่งของทั้งสองตระกูลเพิ่มขึ้น

จ้าวปาเทียนพูดด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน “ข้าคิดว่าในอีกไม่ช้าการต่อสู้ครั้งใหญ่กับองค์จักรพรรดิคงจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและไม่พูดอะไร

วันนี้เขาได้เปิดเผยความแข็งแกร่งของเขาไปมากมายในวัง ถ้าเหลียงซานเป็นคนที่ฉลาดบ้างสักหน่อย เหลียงซานก็ควรที่จะยอมศิโรราบกับเขา

ซึ่งถ้าเหลียงซานทำเช่นนั้น เพื่อเห็นแก่เหลียงเฟ่ยเอ๋อ หลิงตู้ฉิงก็อาจจะเปลี่ยนใจมาให้การสนับสนุนเหลียงซานแทนที่จะกำจัดเขาทิ้งซะ

แต่ถ้าหากเหลียงซานยังโง่งมแสดงตัวว่าเป็นศัตรูกับเขาต่อไป เขาก็ยินดีที่จะชิงบัลลังค์ของเหลียงซานมาให้ลูกของเขาตามแผนเดิม

หลิงเจิ้งสง ซึ่งเข้าใจหลิงตู้ฉิงดีกว่าใคร เขาไม่ได้ถามอะไรต่อเกี่ยวกับเรื่องในวัง เขายิ้มและพูดกับหลิงตู้ฉิงว่า “แล้วเจ้ามอบเนื้อกวางให้ปู่มากขนาดนี้ ทางด้านของเจ้าจะมีเหลือพอกินงั้นเหรอ? จริง ๆ แล้วปู่ไม่ต้องการมันถึง 5,000 กิโลหรอก”

หลิงเจิ้งสงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง และหลิงตู้ฉิงก็บอกเองว่าการกินมันกินได้แค่ครั้งละ 1 กิโลกรัม แล้วด้วยจำนวนเยอะขนาดนี้เขาจะไปกินมันหมดได้ยังไงกัน?

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ถ้ามันเหลือก็จงเก็บไว้เถอะท่านปู่ อันที่จริงข้าอยากให้ท่านกินมันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะมันจะทำให้รากฐานการบ่มเพาะของท่านแข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก ส่วนทางด้านของข้ามีเหลือจนมากเพียงพอแล้ว หรือไม่ท่านจะนำพวกมันไปให้กับพวกทหารที่ท่านไว้ใจกินก็ได้ เพื่อให้พวกเขาพัฒนาความแข็งแกร่งให้ได้เร็วที่สุดก็ได้”

หลิงเจิ้งสงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “อืม ถ้าอย่างนั้นข้าจะกลับไปเลือกเหล่าทหารที่ไว้ใจได้และข้าจะให้เนื้อกวางแก่พวกเขา”

“เอาล่ะ ในเมื่อไม่อะไรแล้วพวกท่านสามารถไปเลือกหุ่นเชิดที่อยู่หน้าประตูกันคนละตัวได้แล้ว” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ

จ้าวปาเทียนพยักหน้าอย่างรวดเร็ว และรีบวิ่งไปเลือกหุ่นทันที เพียงแว๊บเดียวเขาก็จับจ้องไปยังหุ่นเชิดที่ระดับการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตนภาระดับ 12 และนำมันกลับไปพร้อมกับเขา

หลิงเจิ้งสงยิ้มอย่างขมขื่นขณะที่เขามองไปยังหุ่นที่เหลือและนำหุ่นเชิดที่อยู่ในขอบเขตนภาระดับ 9 กลับไป ที่เขาเลือกหุ่นเชิดตัวนี้นั่นก็เพราะว่าหุ่นเชิดตัวอื่น ๆ ล้วนเป็นคนของจักรพรรดิ เขาไม่ต้องการสร้างความเคืองแค้นให้กับจักรพรรดิเร็วกว่าที่ควรจะเป็นในตอนนี้ แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายจะถูกกำหนดให้เป็นศัตรูกัน แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาที่จะแตกหักกันไป

หลังจากที่ทั้งสองคนออกไปแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พูดกับมี่ตั้วตั้วที่ถูกทิ้งไว้ตามลำพัง “ข้าเตรียมเนื้อกวาง 5,000 กิโลกรัมไว้ให้ท่านด้วย ท่านจะได้เอามันไปแจกจ่ายเลี้ยงดูคนของท่าน”

โม่จู่พูดจากด้านข้าง “นานแล้วนะที่ข้าไม่ได้ชิมของแบบนี้ เจ้าแลกเปลี่ยนมันกับข้าบ้างได้ไหม?”

เนื่องจากสันเขาหมื่นอสูรไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถไปยั่วยุได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะเรื่องการนำเนื้อคนของพวกเขามากิน แต่ในเมื่อตอนนี้มีคนที่กล้าทำแล้ว และคนผู้นั้นก็อยู่ตรงหน้าของเขา แน่นอนว่าเขาต้องอาศัยโอกาสนี้ขอแลกเปลี่ยนเนื้ออันแสนโอชารสนี้มากินบ้าง ตราบใดที่เขาไม่กินมันอย่างเปิดเผยให้คนของสันเขาหมื่นอสูรเห็น และแอบกินอย่างลับ ๆ ย่อมไม่มีใครกล้ามากล่าวหากับเขาที่เป็นคนของเผ่าอสูรทมิฬสงครามแน่นอน

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “ไม่มีปัญหา! และเนื่องจากอาวุธของท่านที่ยังไม่ได้สร้างขึ้น ข้าจะให้เนื้อกวาง 1,000 กิโลกรัมเป็นค่าชดเชยสำหรับความล่าช้านี้”

“เอ่อ…ข้าขอเลือดกวางด้วยอีกสักหน่อยได้ไหม?” โม่จู่ถามด้วยความคาดหวัง

“ข้าจะให้กระดูกของมันเพิ่มให้ท่านไปด้วย แต่ท่านต้องใช้เลือดของท่านเพื่อแลกกับมัน” หลิงตู้ฉิงพูดกับโม่จู่

เขาต้องการเลือดของโม่จู่ นอกจากนี้โม่จู่ยังมีสายเลือดของบรรพบุรุษอสูรทมิฬ มันจึงมีค่าเป็นอย่างมาก

โม่จู่ลังเลเพราะเขารู้ว่ามีเคล็ดวิชาลับมากมายที่สามารถใช้เล่นงานเจ้าของเลือดผ่านทางเลือดได้ อย่างไรก็ตามหากเขาได้รับกระดูกและเลือดของกวางวิเศษมา เขาอาจสามารถปรับแต่งพวกมันและใช้พวกมันเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขาขึ้นอีกระดับเพื่อให้กลายเป็นขอบเขตนภาระดับ 12

เมื่อเห็นความลังเลของโม่จู่ หลิงตู้ฉิงจึงพูดขึ้นว่า “ท่านสามารถมั่นใจได้ ข้าจะไม่นำเลือดของท่านไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น ข้าจะไม่ทำอะไรท่านตราบเท่าที่ท่านไม่เป็นศัตรูกับข้า และท่านลองคิดดูดี ๆ ถ้าข้าต้องการทำร้ายท่าน ข้าเองก็ไม่จำเป็นต้องขอเลือดของท่านหรอกจริงไหม?”

โม่จู่พยักหน้าช้า ๆ “ข้าเห็นด้วย! เราจะแลกเปลี่ยนกันอย่างไร?”

“มอบแก่นแท้เลือดของท่านให้ข้า ข้าจะให้ครึ่งหนึ่งของกระดูกปีศาจและหนึ่งในห้าของแก่นแท้เลือดกวางวิเศษ ด้วยจำนวนเท่านี้ท่านน่าจะสามารถก้าวไปสู่ขอบเขตนภาระดับ 12 ได้” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “และมอบเลือดธรรมดาของท่านให้ข้าด้วยเล็กน้อย”

หลังจากพูดจบ หลิงตู้ฉิงหยิบโครงกระดูกขนาดใหญ่ของกวางวิเศษและเลือดของมันออกมาจากแหวนมิติ

โม่จู่มองหลิงตู้ฉิงอย่างลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นก็ค่อย ๆ พ่นแก่นแท้เลือดสีทับทิมขนาดเท่าไข่ไก่ออกมาจากปากของเขา สำหรับเลือดธรรมดาเขาใส่ถังสองใบให้หลิงตู้ฉิง

หลิงตู้ฉิงมองแก่นแท้เลือดของอสูรทมิฬและเลือดธรรมดาด้วยความพึงพอใจและยิ้ม “หลังจากการรับสมัครนักศึกษาของสถาบันราชวงศ์สิ้นสุดลง ข้าจะสร้างอาวุธท่านให้ ในช่วงนี้ข้าแนะนำให้ท่านเก็บตัวบ่มเพาะและเลื่อนระดับไปยังขอบเขตนภาระดับ 12 ไปก่อน และเมื่อถึงเวลาข้าอาจขอให้ท่านทำอะไรบางอย่างให้ข้า ข้ารับประกันว่าข้าจะให้ข้อตกลงที่ยุติธรรมกับท่านแน่นอน”

โม่จู่พยักหน้าและจากไปพร้อมกับมี่ตั้วตั้ว

หลังจากเสร็จเรื่องจากทั้งสามตระกูลแล้ว หลิงตู้ฉิงก็พูดกับผู้คนของเขา “พวกเจ้ามาที่นี่ ข้าจะย่างเนื้อกวางวิเศษให้กิน”

หลังจากพูดจบหลิงตู้ฉิงก็ทำขั้นตอนที่คล้ายกับการสร้างสมบัติวิเศษ เขาเริ่มวางค่ายกลควบแน่นวิญญาณเพลิง และโยนเนื้อกวางไปที่ค่ายกล จากนั้นเขาบดสมุนไพรและเครื่องปรุงต่าง ๆ ให้เข้ากันและโรยพวกมันไปบนเนื้อ

ในพริบตาจากเนื้อกวางดิบสีแดงสดก็ถูกทำให้กลายเป็นเนื้อย่างหอมกรุ่นชิ้นสีเหลืองทอง

“กินเท่าที่พวกเจ้าต้องการ!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะและพูดว่า “พลังที่แฝงในมันปีศาจได้รับการขจัดโดยข้าแล้ว ดังนั้นมันจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของพวกเจ้า อย่างไรก็ตามถ้าพวกเจ้ากินมากจนเกินไป พลังงานในเลือดที่ไม่สามารถย่อยได้จะสะสมในร่างกาย หากหมักหมมมากเกินไปมันจะทำให้พวกเจ้าอ้วนขึ้น”

ประโยคนี้เป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้หญิง จ้าวเหมิงลู่และหญิงสาวคนอื่น ๆ ต่างก็หยุดสวาปามเนื้อชิ้นใหญ่เข้าปาก พวกนางเปลี่ยนวิธีการกินโดยค่อย ๆ หั่นชิ้นเนื้อเป็นชิ้นเล็ก ๆ และค่อย ๆ กินทีละน้อยอย่างกลัว ๆ พวกนางกลัวว่าหากพวกนางอ้วนขึ้น หลิงตู้ฉิงจะไม่ชอบพวกนาง

ซึ่งคำพูดของหลิงตู้ฉิงนี้ แม้แต่หลิงว่านถิงและลูกสาวคนอื่น ๆ ของเขาก็พากันได้รับผลกระทบ พวกนางต่างก็หยุดกินแบบสวาปามกลายเป็นการกินทีละน้อย

น่าเสียดายที่ระดับบ่มเพาะของบรรดาลูกสาวของหลิงตู้ฉิงต่ำเกินไป แม้ว่าจะกินเพียงชิ้นเล็ก ๆ แต่พลังวิญญาณอันทรงพลังที่อยู่ในเนื้อกวางก็เติมเต็มร่างกายของพวกนางอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายของพวกนางอ้วนขึ้นและกลายเป็นสาวน้อยอ้วนตุ้ต้ะสามคน

เมื่อมาถึงจุดนี้ เด็กสาวทั้งสามที่ไม่สามารถรับกับสภาพของตัวเองได้อีกต่อไป พวกนางจึงตะโกนว่า “ท่านพ่อ! ท่านต้องรีบคิดหาทางแก้ให้ตัวของพวกเราเหลือเท่าเดิมเดี๋ยวนี้ ตอนนี้พวกเราดูน่าเกลียดเกินไปแล้ว!”

หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “เรื่องนี้พ่อช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้หรอก พวกเจ้าจะต้องพึ่งพาตัวเองโดยการใช้พลังของพวกเจ้าทั้งหมดเพื่อเป็นการเผาผลาญพลังงานของเนื้อกวางที่พวกเจ้ากินไป เมื่อพลังงานในเลือดถูกใช้หมดร่างกายของพวกเจ้าก็จะกลับสภาพกลายเป็นเหมือนเดิม”

ส่วนทางด้านเด็กผู้ชาย พวกเขาไม่มีความกังวลใด ๆ ในเรื่องรูปร่างสักเท่าไหร่ ดังนั้นพวกเขาแต่ละคนจึงกินกันอย่างไม่หยุดยั้งจนสภาพร่างของพวกเขากลายเป็นอ้วนเหมือนลูกบอล

เมื่อมองไปที่ลูกชายของเขาที่อ้วนเหมือนลูกบอลแล้ว หลิงตู้ฉิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างมีความสุข