ตอนที่ 345 กระชับความสัมพันธ์ / ตอนที่ 346 หัวเราะเยาะกัน

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 345 กระชับความสัมพันธ์

 

 

“ผู้ช่วยหวัง มารับเอกสารหน่อยครับ”

 

 

ผู้ช่วยหวังเข้าไปยกเอกสารจากเขาราวกับคุณป้าแม่บ้าน

 

 

ข้างซ้ายของเหยียนเค่อมีแฟ้มเอกสารกองหนึ่งตั้งไว้อย่างเป็นระเบียบ ผู้ช่วยหวังอดทอดถอนใจไม่ได้ นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเจ้านายที่ตรวจอนุมัติเอกสารอย่างขยันขันแข็งแบบนี้

 

 

“ยืนนิ่งทำไมล่ะครับ” เหยียนเค่อปิดแฟ้มเอกสารที่อยู่ในมือ ก่อนจะโยนมันไว้บนกอง “รีบเอาไปเลยครับ ผมเห็นแล้วจะอ้วก”

 

 

“…” นี่มันโรคใหม่อะไรเนี่ย เขารีบยกเอกสารออกไป

 

 

เหยียนเค่อเบื่อมากจริงๆ เนื่องจากเบื่อสุดๆ จึงเริ่มเซ็นเอกสาร คนจากแผนกการเงินได้รู้ข่าวจากเบื้องบนมาว่าเหยียนเค่อขอดูบัญชี ก็รีบรื้อค้นหาเอาบัญชีเก่าที่สะสมไว้หลายปีมาให้เขาดู

 

 

เทียบกับเวลาในยามบ่ายที่งานแน่นของเหยียนเค่อแล้ว ซย่าเสี่ยวมั่วกลับใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลาย

 

 

ฉินซื่อหลานปากอ้าตาค้างมองซย่าเสี่ยวมั่วที่เมื่อหนึ่งชั่วโมงยังกอดกางเกงจะแขวนคอตายทีตอนนี้กินข้าวชามใหญ่กับกับข้าวสองอย่างจนอิ่มแปล้ และกำลังถือถ้วยโยเกิร์ตนอนอาบแดดอยู่บนเก้าอี้

 

 

[ซย่าเสี่ยวมั่วเป็นยังไงบ้าง]

 

 

ฉินซื่อหลานยังไม่ตอบคนปลายสายทันที เดินถอยออกจากห้องผู้ป่วยก่อน

 

 

เหยียนเค่อได้ยินเสียงร้องเอะอะของซย่าเสี่ยวมั่วมาจากด้านฉินซื่อหลาน “นายจะไปหลบฉันไปคุยโทรศัพท์ทำไม คงไม่ได้คุยกับสาวที่ไหนหรอกนะ”

 

 

[ฉันว่าเขาน่าจะหายแล้วแหละ] เหยียนเค่อถามเองตอบเอง

 

 

“อืม” ฉินซื่อหลานปิดประตู “นายคงได้ยินเสียงฮึกเหิมของเขาแล้วสินะ”

 

 

[เมื่อไรขาเขาจะหาย]

 

 

“ใกล้แล้ว” นานๆ ทีฉินซื่อหลานจะมีจิตสำนึกของแพทย์บ้าง “หลังนายเป็นยังไงบ้าง ตอนนี้รอยจางไปหมดหรือยัง”

 

 

[มีบางจุดที่ยังไม่จาง แต่ไม่เป็นอะไรมากหรอก] แผ่นหลังของเหยียนเค่อยังมีรอยช้ำเขียวๆ ม่วงๆ อยู่ แต่ดูโดยรวมแล้วก็ถือว่าหายดีแล้ว

 

 

“อี๋” ฉินซื่อหลานเยาะเย้ยเขาอย่างหน้าไม่อาย “นายส่องกระจกชื่นชมตัวเองอีกแล้วเหรอ”

 

 

[ไสหัวไปเลย!]

 

 

เมื่อก่อนเหยียนเค่อชอบโชว์รูปร่าง ตอนนี้ก็ยังชอบส่องกระจกอยู่ การหลงตัวเองก็เป็นโรคชนิดหนี่งจริงๆ ด้วย

 

 

“นี่ ฉันจะบอกให้นะ เสื้อผ้านายโดนซย่าเสี่ยวมั่วซักจนพังไปแล้ว” ฉินซื่อหลานไม่ได้รักษาความลับตามที่พูดไว้กับซย่าเสี่ยวมั่ว แถมยังเอาเรื่องนี้ไปบอกเหยียนเค่ออีกต่างหาก

 

 

ในบางเรื่องนั้น ผู้ชายเชื่อถือไม่ได้เสียยิ่งกว่าผู้หญิงอีก

 

 

ความจริงสิ่งที่ซย่าเสี่ยวมั่วคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่โต ในสายตาของพวกเขาแล้วก็เป็นแค่เรื่องเล็กที่แค่หัวเราะก็ผ่านไป ไม่สมควรจะเอ่ยออกมา แล้วพวกเขาก็รู้ว่าเหยียนเค่อคงไม่ถือสาเอาความกับซย่าเสี่ยวมั่วจริงๆ หรอก

 

 

[เหอะ ก็ไม่ได้หวังให้ยายโง่นี่ฉลาดขึ้นมาหรอก]

 

 

ถึงน้ำเสียงของเขาจะดูไม่ชอบใจ แต่ฉินซื่อหลานก็รับรู้ได้ถึงความอารมณ์ดีที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น บางทีนี่อาจจะเป็นน้ำเสียงที่ซย่าเสี่ยวมั่วอ่านชื่อของเหยียนเค่อให้เสี่ยวฝูเอ๋อร์ฟังก็เป็นได้ ที่แฝงความให้อภัยและความรักเอาไว้โดยไม่รู้ตัว

 

 

“เขาซักมือน่ะ แต่ว่าตอนที่ซัก…”

 

 

[รอให้เขามาสารภาพกับฉันด้วยตัวเองเถอะ] เหยียนเค่อพูดขัดขึ้น ฟังตัวอย่างก่อนก็คงไม่สนุกเท่ารู้เองน่ะสิ

 

 

“ก็ได้ นายฟังเองดีกว่า แต่ฉันเห็นซย่าเสี่ยวมั่วกลัวนายมากเลยนะ นายอย่าไปทำให้เขากลัวนักสิ” ฉินซื่อหลานนึกไปถึงท่าทางตอนดึงขากางเกงด้วยสีหน้าตื่นตระหนกของซย่าเสี่ยวมั่วแล้วอยากจะหัวเราะออกมา

 

 

การได้ยินจากปากคนอื่นว่าซย่าเสี่ยวมั่วกลัวตนนั้น ทำให้เหยียนเค่อรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเป็นเรื่องที่คนอื่นรู้ในสิ่งที่ตนไม่รู้แล้วด้วย [เขาทำอะไรเหรอ]

 

 

“วันนี้เขาดึงขากางเกงของนายแล้วจะไปผูกคอตาย” ฉินซื่อหลานบรรยายให้เขาฟังแบบใส่สีตีไข่  “ภาพของวัยรุ่นสาวสวยคนหนึ่งนั่งบนเก้าอี้วีลแชร์ ดึงขากางเกงสองข้างบอกว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ฉันว่าชาตินี้ฉันก็คงลืมไม่ลง”

 

 

[รีบลืมไปซะ!] จู่ๆ เหยียนเค่อก็มาเสียใจทีหลังที่ตนไม่ได้ตามเข้าโรงพยาบาลไปด้วย

 

 

หลังจากฉินซื่อหลานที่จมอยู่ในความระรื่นรู้สึกตัวแล้วก็ร้องเหอะอย่างรังเกียจ “ถ้านายหวงขนาดนี้ทำไมไม่ยึดไว้เป็นของตัวเองซะล่ะ”

 

 

[รอให้ฉันยึดไว้เป็นของตัวเองก่อนเถอะ จะสั่งห้ามนายคนแรกเลย] หลังจากที่เหยียนเค่อนอนครุ่นคิดอย่างหนักมาทั้งคืน ในที่สุดก็รู้แล้วว่าตนเองคิดเช่นไร ขอแค่เอาชนะซย่าเสี่ยวมั่วได้ ปัญหาทุกอย่างล้วนไม่สำคัญ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 346 หัวเราะเยาะกัน

 

 

“ฉันจะรอดู” ในที่สุดฉินซื่อหลานก็ได้ยินประโยคที่ชัดเจนจากเขาเสียที รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ผู้ชายที่เก๊กขรึมและทำตัวเป็นเด็กๆ อย่างเหยียนเค่อก็มีวันที่ยอมรับความรู้สึกตัวเอง

 

 

[งั้นนายก็รอดูไปเถอะ] เหยียนเค่อพูดอย่างกำกวม ฉินซื่อหลานรู้สึกว่าท่าทีของเขากลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว

 

 

“อย่างไรเสียเสี่ยวฝูเอ๋อร์ก็ชอบซย่าเสี่ยวมั่ว ถ้าฉันแต่งงานกับซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่ได้มีอุปสรรคเยอะเท่านาย” เดิมทีฉินซื่อหลานแค่อยากกระตุ้นเหยียนเค่อ แต่ใครจะไปรู้ว่าเหยียนเค่อดันระแวงขึ้นมาจริงๆ

 

 

แม้ว่าเหยียนเค่อไม่อยากยอมรับ แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้จริงๆ สภาพครอบครัวของฉินซื่อหลานเหมาะกับซย่าเสี่ยวมั่วมากกว่า [อืม ถ้านายคบกับซย่าเสี่ยวมั่ว ต้องดูแลเขาให้ดีนะ]

 

 

ฉินซื่อหลานรู้สึกเหมือนตอกหน้า เอ่ยอย่างระอาใจ “ฉันแค่ล้อเล่นไหมล่ะ”

 

 

[นั่นสินะ นายก็มองแค่เสี่ยวฝูเอ๋อร์ที่เด็กกว่านายสิบปีคนเดียวนี่นา]

 

 

“เก้าปีต่างหาก! เก้าปี!” ผู้ชายที่อายุเกือบสามสิบต่อต้านอายุของตัวเอง

 

 

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หัวใจของเหยียนเค่อก็รู้สึกดีขึ้นมา อย่างไรเสียเขากับซย่าเสี่ยวมั่วก็ไม่เกี่ยวข้องกันทั้งเรื่องอายุและทฤษฎี ฉินซื่อหลานต่างหากที่เกี่ยวข้องเหมาะสมกันโดยแท้จริง

 

 

“ฉินซื่อหลาน! ฉันอยากเข้าห้องน้ำ ทำไมไม่มีพยาบาลสักคนเลยล่ะ!” จู่ๆ ซย่าเสี่ยวมั่วก็ปวดปัสสาวะ ใช้กำลังแขนอันน่าอัศจรรย์ใจเคลื่อนย้ายตัวเองไปนั่งบนวีลแชร์ที่อยู่ข้างกัน ก่อนจะหมุนล้อเก้าอี้ออกไปหาฉินซื่อหลาน

 

 

ฉินซื่อหลานกำลังรู้สึกหดหู่เพราะเหยียนเค่อก็ต้องตกใจเพราะเสียงของซย่าเสี่ยวมั่ว

 

 

“พระเจ้า เธอช่วยอยู่นิ่งๆ บ้างได้ไหม”

 

 

“พระเจ้าของนายตอนนี้กำลังประทานฝนอยู่ ต้องให้คนอื่นมาช่วยฉันแล้วล่ะ” ซย่าเสี่ยวมั่วตอบหน้าซื่อๆ

 

 

เหยียนเค่อกับฉินซื่อหลานต่างก็เอือมระอา

 

 

“เธอช่วยระวังการใช้คำหน่อยได้ไหม”

 

 

“ฉันใช้อุปมาโวหารกับการเขียนเปรียบสิ่งของเป็นคนเลยนะ รู้สึกว่าดูมีเสน่ห์ดีออก” ซย่าเสี่ยวมั่วรู้สึกพึงพอใจกับตัวเองเป็นอย่างมาก

 

 

ฉินซื่อหลานกระอักเลือด รีบเรียกพยาบาลมาเข็นเธอออกไป ก่อนจะบ่นอุบกับเหยียนเค่อ “ถ้านายไม่รับเขาไปเลี้ยง เขาคงต้องเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลประสาทแล้วล่ะ”

 

 

เหยียนเค่อคุยเล่นกับอยู่นานจนเกือบลืมเรื่องสำคัญไปเสียแล้ว [แล้วเมื่อไรนายจะว่าง]

 

 

“เฮ้อ ข้าไม่ออกยุทธภพ แต่ยุทธภพกลับมีตำนานของข้า” ฉินซื่อหลานตอบไม่ตรงประเด็น เพียงหลงตัวเองเท่านั้น

 

 

เหยียนเค่อร้องเหอะ [ฉันแค่คิดว่าฉันอยู่คนเดียวมานานแล้ว ไม่มีเพื่อนรู้ใจเลย]

 

 

ฉินซื่อหลานยิ้มอ่อน “นายออกไปเที่ยวก็ได้นี่ ไม่มีใครห้ามไว้”

 

 

[ช่วงนี้พี่ฉันโคตรขี้หงุดหงิดเลย] เหยียนเค่อมองข่าวคราวล่าสุด เขาไม่ได้กลัวเหยียนเฟิง แต่ถ้าเหยียนเฟิงรับมือยากเกินไป เขาก็คงจัดการเองไม่ลง จำต้องให้คนอื่นมาช่วย [เขาจะซื้อตัวพนักงานฉันไป]

 

 

“นายก็ไปซื้อคนของเขามานี่” การกระทำอย่างการเอาเงินซื้อตัวพนักงานเป็นเพียงการต่อสู้กันทางทรัพย์สินก็เท่านั้น การใช้เงินซื้อคนมาก็เป็นแค่เรื่องง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ

 

 

[พ่อฉันให้สวีอิ๋งอิ๋งไปทำงานที่เหยียนกรุ๊ป] เหยียนเค่อตอบอย่างจนปัญญา

 

 

เขาจับทางไม่ได้ว่าพ่อเขาคิดอะไรอยู่ในหัว แต่เตรียมตัวเพื่อแข่งกับเหยียนเฟิงไม่ผิดแน่

 

 

“ฉันจำได้ว่าเหยียนเฟิงมีผู้ช่วยฝีมือดีอยู่คนหนึ่ง” ฉินซื่อหลานนึกไปถึงหญิงสาวที่คุ้นเคย “ฉันเคยรักษาโรคให้เขา เหมือนว่าเหยียนเฟิงจะให้ความสำคัญพอตัว นายจะ…”

 

 

เหยียนเค่อตอบรับ เป็นเชิงว่าตนเข้าใจ เขาจำผู้หญิงคนนั้นได้ดีทีเดียว [เขานอนกับพี่ชายฉันแล้วไม่ใช่เหรอ ฉันว่าเชื่อถือไม่ค่อยได้นะ]

 

 

“พี่ชายนายบีบบังคับต่างหากล่ะ ผู้หญิงคนนั้นสวยจะตาย ทำไมต้องไปยอมพี่ชายนายด้วย”

 

 

ฉินซื่อหลานตำหนิอย่างไม่พอใจ

 

 

“เข้าใจแล้ว” เหยียนเค่อไม่มีความคิดที่จะชมพี่ชายของเขาอยู่แล้ว พวกเขาไม่ได้ข้องเกี่ยวกันเป็นการส่วนตัวเลย ดังนั้นเหยียนเค่อไม่รู้จริงๆ ว่าพี่ชายเขาคบกับใครบ้าง