* * *
หลังจากตัดสินใจเพียงลำพังว่าจะรับดูแลบลิส อาเรียถึงเพิ่งนึกได้ว่ายังมีอาซอีกคน
โชคไม่ดีเท่าไรที่เขายังออกตามหาผู้บุกรุกไปทั่วแทบจะพลิกพระราชวังโดยไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย
“ตอนนี้อาซกำลังตามหาผู้บุกรุกอยู่ ช่วยไปบอกเขาทีว่าฉันหาเจอแล้ว ข้ารับใช้และอัศวินคนอื่นๆ ด้วยนะ ส่วนเรื่องราวโดยละเอียดฉันจะอธิบายทีหลัง”
อาเรียเรียกนางกำนัลมาเพื่อฝากข้อความไปกับเธอ
“เอ๊ะ จริงหรือคะ โล่งอกไปทีนะคะ!”
ว่าแต่อาเรียก็อยู่แต่ในห้องแล้วเธอไปเจอผู้บุกรุกได้อย่างไรกัน
คงไม่ใช่ว่าผู้บุกรุกนั่นลอบเข้ามาในนี้หรอกนะ นางกำนัลนึกดีใจแต่ก็ยังไม่วายสอดส่องสายตามองหาผู้บุกรุก
ระหว่างนั้นก็เหลือบไปเห็นเจ้าหนูบลิสที่เธอยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามเข้า
แต่โชคดีที่เธอไม่คิดว่าเด็กน้อยอย่างบลิสจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้บุกรุก เธอจึงออกจากห้องไปทั้งที่ยังสงสัยอยู่เช่นเดิม
“เอาล่ะ ตอนนี้ทุกอย่างก็คลี่คลายแล้ว ทีนี้เล่าให้ฉันฟังทีสิว่าทำเรื่องไม่ดีแบบนั้นไปทำไม”
หลังจากกลับมาอยู่ด้วยกันตามลำพังอีกครั้ง อาเรียก็เปลี่ยนสีหน้าแล้วหันมาสนใจบลิส
เธอทั้งเช็ดหน้าให้ รอจนหยุดร้องไห้ และยังจัดหาขนมของว่างมารับรอง ดังนั้นนี่จึงเป็นลำดับขั้นตอนที่เหมาะสมแล้ว
เธอควรจะได้ฟังคำอธิบายเกี่ยวกับการบุกรุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตและการทำข้าวของเครื่องใช้เสียหายเสียที
บลิสซึ่งเพิ่งจะโล่งใจที่มีที่ให้พักพิงได้ไม่นานก็ต้องมาอยู่ต่อหน้าการสารภาพบาปอีกแล้วได้แต่นั่งก้มหน้าถูไถนิ้วตัวเองไปมา ก่อนจะยอมบอกความจริงทั้งหมด
“เรื่องนั้น… หนูแค่เข้าไปดูเพราะอยากรู้ว่าจะใส่ชุดแบบไหนกันในงานพิธีเท่านั้น แต่ดันทำน้ำหกโดยไม่ได้ตั้งใจ…”
‘คงไม่ใช่เพราะแก้วที่ฉันให้ไปหรอกนะ’
คงทำหกขณะกำลังเคลื่อนไหวทำให้จุดที่เปียกน้ำอยู่ต่ำลงมา
เพราะหากผู้ใหญ่ที่มีความสูงปกติเป็นคนราด มันจะต้องเปียกตั้งแต่ช่วงอกลงมา
“หนูเลยตกใจแล้วหนีไปที่ไหนสักที่… แต่มันดันเป็นสวน หนูไม่รู้ว่ามีดอกไม้อยู่ก็เลยเหยียบไปแบบไม่ได้ตั้งใจ”
ขอบตาของบลิสเริ่มแดงก่ำขึ้นมาอีกรอบราวกับมันเป็นเรื่องน่ากลัวเพียงแค่หวนนึกถึง
“หนูไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เลยไปห้องครัวเพราะว่าหิวแต่แล้วก็ล้มเพราะพื้นมันลื่นแต่หนูทำความสะอาดไม่ได้… เลยหนีกลับไปที่สวนอีกรอบแต่ก็ยังไปล้มที่นั่นอีก…”
อาเรียเคยสงสัยว่าทำไมทั้งหน้าตาและเสื้อผ้าของเด็กน้อยจึงมอมแมมเช่นนั้นแต่นี่เจ้าหนูกลับล้มถึงสองครั้งสองครา
อาเรียมองสำรวจบลิสหน้านิ่วคิ้วขมวด
บริเวณที่มองเห็นได้ไม่มีบาดแผลก็จริง แต่ที่เข่า ก้น หรือข้อศอกจะต้องรู้สึกเจ็บบ้างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สภาพที่เด็กน้อยพยายามพูดจาให้ชัดถ้อยชัดคำทั้งที่ตัวก็เล็กเท่าเมี่ยงนั้นก็ดูน่าสงสารไม่น้อย
‘ไม่รู้หรอกนะว่าตั้งใจหรือเปล่า แต่ที่เล่นกับความรู้สึกคนอื่นนี่เหมือนฉันเปี๊ยบเลย’
เวลาที่เธอเป็นฝ่ายเล่นกับความรู้สึกคนอื่นนั้นเธอไม่เคยรู้ แต่เมื่อได้มาเจอกับตัวเองแบบนี้ก็เล่นเอารู้สึกแปลกไม่น้อยเช่นกัน
ฉะนั้นการซักไซ้เอาความจริงจบลงเพียงเท่านี้
ถึงอย่างไรเธอก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะลงโทษเด็กน้อยอย่างไร และยิ่งฟังต่อก็มีแต่จะได้รับรู้ว่าเด็กตัวจ้อยที่กำลังตื่นกลัวคนนี้ไปทำผิด ‘โดยไม่ได้ตั้งใจ’ อะไรไว้อีก
“เจ็บตรงไหนบ้างล่ะ”
ทว่าการสารภาพบาปยังไม่จบ
เมื่ออาเรียเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง บลิสก็กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะค่อยๆ ชี้นิ้วไปที่เข่าของตัวเองอย่างลังเล
“ตะ ตรงนี้”
นิ้วก็เล็กเสียเหลือเกิน
อาเรียเดินไปหยุดอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วจับชายกระโปรงหนูน้อยขึ้นเพื่อตรวจดูบาดแผล บนหัวเข่ามนมีรอยฟกช้ำสีแดงอมม่วงอยู่ดวงใหญ่
‘…ล้มแรงน่าดูเลยนี่’
คงคิดจะใช้พลังที่มีพาตัวเองหนีล่ะสิ จริงๆ เลยนะเด็กคนนี้ กวนใจเธอได้ทุกทางจริงๆ
อาเรียถอนหายใจแล้วเรียกนางกำนัลอีกคนที่มารอรับใช้อยู่ด้านนอกแทนนางกำนัลคนก่อนที่กำลังออกไปทำตามคำสั่งเธอเข้ามา
“เรียกหมอหลวงมาที บอกเขาด้วยว่ามีเด็กที่มีรอยฟกช้ำเพราะหกล้มอยู่ อ้อ แล้วก็ช่วยอาบน้ำให้ก่อนนะ”
บลิสอยู่ในสภาพมอมแมมจนดูไม่ได้ อาเรียจึงออกคำสั่งเพิ่มเข้าไป
“เธอเป็นญาติฉันที่เดินทางมาไกล อย่าสะเพร่าล่ะ”
“อ้อ! เป็นพระญาตินี่เอง ดิฉันคิดอยู่เชียวว่าหน้าคล้ายพระชายาเหลือเกินค่ะ ดิฉันจะคอยดูแลให้ดีที่สุดค่ะ”
นางกำนัลคิดตามคำสั่งของอาเรียอย่างละเอียดก่อนจะบอกว่าเธอจะไปเตรียมน้ำอาบและออกจากห้องไปเมื่อจัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ได้แล้ว
‘บอกว่าเป็นญาติคงไม่ทำให้เธอรู้สึกแย่หรอกนะ’
อาเรียนึกกังวลในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เธอดื่มชาเหมือนไม่ได้คิดอะไรก่อนจะเอ่ยปาก
“มีข่าวลือไปทั่วว่าฉันมีน้องต่างแม่ เพราะฉะนั้นฉันเลยสร้างเรื่องว่าเธอเป็นญาติที่เดินทางมาไกล รู้เอาไว้ก่อนแล้วกันนะ”
“น้อง… ต่างแม่หรือ”
สีหน้าคล้ายจะถามว่ามันคืออะไร ตอนนั้นอาเรียถึงเพิ่งนึกได้ว่ามันอาจเป็นคำศัพท์ที่ยากเกินกว่าที่เด็กอย่างบลิสจะเข้าใจ จึงค่อยๆ อธิบายความหมายให้ฟัง
“หมายถึงน้องที่เกิดจากแม่คนละคนกันน่ะ เอาไว้ใช้เรียกสำหรับคนที่มีแม่คนละคนแต่พ่อเป็นคนเดียวกันเหมือนเราตอนนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องดีหากมาเปิดเผยในสถานการณ์ที่ความสัมพันธ์กำลังซับซ้อน”
ถึงอย่างนั้นบลิสก็ยังทำหน้าฉงนฉงายอยู่เหมือนเดิมแม้ว่าเธอจะอธิบายแบบรวบรัดจบไปแล้วก็ตาม
หนูน้อยได้แต่กะพริบตากลมโตปริบๆ คล้ายกำลังงงว่าตนกำลังฟังเรื่องอะไรอยู่
แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น บลิสตามทันได้อย่างรวดเร็ว
“อะ อื้อ! เข้าใจแล้วล่ะ พี่!”
แน่นอนว่าหนูน้อยยังมีสีหน้าไม่สบายใจอยู่บ้างราวกับกลัวว่ามันอาจไม่ได้ผล คงเพราะไม่เคยชินกับการโกหก
“หนูคิดว่าพี่จะไม่ชอบหนูเสียอีก แต่ก็ขอบคุณนะที่ให้อยู่ด้วยกัน”
สีหน้าของเจ้าหนูมีแววประชดประชันอยู่เล็กน้อย แต่คำพูดที่ตามออกมาหลังจากนั้นกลับทำให้อาเรียใจกระตุก เธอถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ถ้าเธอไม่เอาแต่สร้างปัญหาแล้วฉันจะไปเกลียดเธอได้อย่างไร …ในเมื่อการที่เธอเกิดมาแบบนั้นมันไม่ใช่ความผิดของเธอเสียหน่อย”
ทันทีที่เธอพูดจบ นางกำนัลที่ไปเตรียมน้ำอาบก็กลับเข้ามาพอดี
บลิสเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวมานะ!”
บลิสเดินนำหน้าไปอย่างอาจหาญราวกับไม่ได้บาดเจ็บที่หัวเข่าเลยสักนิด ก่อนจะหันมาเอ่ยเร่งนางกำนัลให้รีบมาอาบน้ำให้
“เอ่อ ค่ะ ค่ะ! เดินช้าๆ เถอะค่ะ เดี๋ยวจะล้มเอานะคะเลดี้!”
อาเรียมองตามนางกำนัลที่รีบวิ่งกระหืดกระหอบตามบลิสไปแล้วก็ได้แต่เดาะลิ้น
ต่อให้เป็นน้องสาวต่างแม่ก็เถอะ แต่เธอก็ยังคิดว่าเด็กน้อยดูเหมือนเธอตอนเป็นเด็กไม่ประสีประสามากเกินไปอยู่ดี
* * *
‘เฮ้อ โล่งอกไปที เกือบเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้ว’
บลิสลูบหน้าอกตัวเองขณะทิ้งภาระทุกอย่างให้กับนางกำนัลหลังจากมาถึงห้องอาบน้ำ
‘มันจะผ่านไปได้ด้วยดีใช่ไหมนะ’
สายตาสุดท้ายของอาเรียที่ได้เห็นเป็นสิ่งสุดท้ายก่อนออกมาดูอ่อนโยนลง บลิสจึงพยักหน้ากับตัวเองเพราะคิดว่ามันคงผ่านไปได้ดีอย่างที่ตัวเองคิด
‘ทั้งที่ทำพลาดไปเยอะจนไม่แน่ใจว่าจะจบลงแบบนี้หรือเปล่าแท้ๆ’
แม้จะไม่รู้เหตุผลว่าเพราะอะไรแต่ก็นับว่าเธอโชคดีเหลือเกินที่อาเรียเข้าใจผิด บลิสไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนจริงๆ ว่าอาเรียจะเข้าใจผิดว่าเธอเป็นน้องสาวต่างมารดาของตัวเอง
‘ฉันเป็นน้องสาวอย่างนั้นหรือ’
คิกคิก บลิสลูบไล้กลีบดอกไม้ที่ถูกปล่อยให้ลอยอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้วหัวเราะคิกคักด้วยทั้งรู้สึกขำขันและยินดี นางกำนัลเห็นดังนั้นก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
“สนุกอะไรหรือคะ สบายเนื้อสบายตัวไหมคะ”
“อื้ม! ชอบมากเลย ดีหมดทุกอย่างเลย!”
เสียงที่ฟังดูจริงใจของบลิสทำให้นางกำนัลยิ้มตาหยีอย่างนึกเอ็นดู
บลิสชอบมากจริงๆ ถ้าไม่นับว่าผ่านไปไม่นานทั้งชีวิต ความรู้สึก และอารมณ์ที่แสนดีเหล่านี้จะหายลับไปละก็
‘ไม่เป็นไรหรอก เพราะแบบนั้นเราถึงมาที่นี่อย่างไรล่ะ ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็น่าพอใจมากแล้ว’
ไม่สิ นี่มันมากเกินไปด้วยซ้ำ นี่เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายไปมากทำให้เธอรู้สึกเต็มตื้นจนไม่น่าจะนอนหลับได้ลง
ด้วยเหตุนี้บลิสจึงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีและอาบน้ำจนเสร็จด้วยความช่วยเหลือจากนางกำนัล
หลังจากนั้นเธอก็ใช้ผ้าขนหนูนุ่มนิ่มเช็ดผมจนแห้งและใส่ชุดเดรสอ่อนหวานน่ารัก นั่นทำให้บลิสดูเหมือนอาเรียตัวน้อยอย่างไร้ที่ติ
“เป็นญาติกันก็จริงแต่เหมือนกันขนาดนี้ได้อย่างไรคะ น่ารักเสียด้วย”
นางกำนัลผู้ไม่รู้เรื่องราวเหตุการณ์อะไรเลยลูบผมบลิสทั้งยังหน้าแดงระเรื่อ
ด้วยความรู้สึกว่าอาเรียที่ตนเคยคิดว่าสูงส่งยิ่งกว่าสวรรค์ชั้นฟ้าถูกย่อลงจนตัวเล็กน่ารักน่าชัง จึงไม่อาจหยุดลูบผมหนูน้อยได้แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นเรื่องไม่สมควร
“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นเรากลับกันเลยดีไหมคะ เลดี้ต้องรีบไปรับการรักษาด้วยน่ะค่ะ”
นางกำนัลถอนหายใจพลางเอ่ยปากบอกว่าบลิสไม่ได้มีรอยฟกช้ำแค่ที่เข่าเท่านั้น แต่ยังมีที่ก้นด้วย
“หากเดินลำบาก ขี่หลังดิฉันดีไหมคะ”
“ไม่เอา ไม่เป็นไรหรอกน่า! หนูเดินได้”
รอยฟกช้ำที่ว่านั้นหนักหนาจนเธอควรจะถูกอุ้ม แต่ทว่าบลิสกำลังอารมณ์ดีจึงไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่ควรจะเป็น
เธอเลือกที่จะจับมือนางกำนัลแทนเพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดล้มไปอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปหาอาเรียด้วยกัน—
“ช้าก่อน!”
บุคคลเหนือความคาดหมายกลับเรียกทั้งสองไว้เสียก่อน น้ำเสียงนั้นดูร้อนรนไม่น้อย
“เจ้าชายรัชทายาทเสด็จ”
นางกำนัลรีบค้อมตัวลงทำความเคารพอาซทันที
บลิสเองก็ก้มหน้าตามเช่นกัน เมื่อคราวก่อนเธอร้องไห้โฮใส่เขาทั้งยังหนีมาจึงกังวลว่าเขาจะคิดว่าเธอแปลกหรือไม่
“กำลังจะไปหาพระชายากันใช่ไหม”
“ค่ะ ใช่ค่ะ”
อาซเงียบไปสักพักราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ บลิสที่กำลังกลอกตาวนไปมาจึงใช้โอกาสนี้ลอบมองสีหน้าเขา
“…!”
ไม่สิ เธอตั้งใจจะลอบมองเขาแต่กลับได้สบตากันพอดี แววตานิ่งเฉยของอาซจับจ้องมายังบลิสราวกับเขาคอยมองหนูน้อยอยู่ตลอด
สายตาที่คล้ายจะพยายามคิดหาคำตอบว่าเธอเป็นใครทำให้บลิสพยายามหลบตาพลางกลืนน้ำลายดังอึก
‘คงไม่โดนจับได้หรอกใช่ไหม…’
ไม่หรอกน่า ไม่มีทาง บลิสกำหมัดแน่นพร้อมกับให้กำลังใจตัวเองอยู่ในใจว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี
“ฉันกำลังจะไปอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวฉันพาเด็กไปเอง”
นางกำนัลรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะเธอยังต้องไปเรียกหมอหลวงอีก จึงก้มหน้ารับด้วยความเกรงใจ
“ได้ค่ะ ฝ่าบาท เช่นนั้นดิฉันขออนุญาตไปเรียกหมอหลวงมารักษาแผลให้เลดี้ก่อนนะคะ”
หลังจากนั้นนางกำนัลก็หันหลังจากไปอย่างไร้เยื่อใย อาซยื่นมือออกไปหาบลิสทันที ก่อนที่จะพูดบางอย่างที่มีความหมายกับบลิส
“เราคงต้องไปหาที่สงบๆ คุยกันสักหน่อยแล้วล่ะ เพราะหากใครมาได้ยินเข้าจะวุ่นวายไปกันใหญ่ แค่เราสองคนนี่แหละ”
………………….