ส่วนที่ 5 ตอนที่ 10-2 เรือนหกสืบความ

จารใจรัก [ส่วนที่ 5]

ชุนหลันเห็นทั้งสองมาแล้วก็รีบเลิกม่านให้ 

 

           อิงชินอ๋องกับพระชายากำลังนั่งรออยู่หน้าโต๊ะ 

 

           เซี่ยฟางหวาทำความเคารพอิงชินอ๋อง อีกฝ่ายโบกมือแล้วพินิจทั้งคู่ตั้งแต่หัวจดเท้า ก่อนผงกศีรษะรับ “กลับมาก็ดีแล้ว” 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องยื่นมือมาดึงเซี่ยฟางหวานั่งลงข้างตน ไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง “เข้าวังครั้งนี้ ฝ่าบาทมิได้สร้างความลำบากใจให้พวกเจ้าใช่ไหม เขากับเจิงเอ๋อร์ไม่ได้ทะเลาะกันอีกกระมัง” 

 

           “เปล่าเจ้าค่ะ” เซี่ยฟางหวาส่ายหน้า 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องโล่งอก ทอดถอนใจกล่าว “เด็กสองคนนี้นับว่าโตกันเสียที รู้จักอยู่ร่วมกันแล้ว” 

 

           ฉินเจิงแค่นเสียงในลำคอแผ่วเบา 

 

           “เป็นฝ่าบาทก็มิง่าย หลายวันนี้เขาทำงานหนัก ดูภายนอกแล้วผอมลงมาก สถานการณ์ในหนานฉินตอนนี้มิอาจมองในแง่ดีได้เลย ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้วก็ควรลงเรือลำเดียวกันกับฝ่าบาทและราชสำนัก” อิงชินอ๋องกล่าว 

 

           “รู้แล้ว” ฉินเจิงผงกศีรษะ 

 

           อิงชินอ๋องยังอยากพูดต่อ แต่พระชายาดึงชายเสื้อเขาไว้ก่อน “พวกเขาเพิ่งกลับมา ยังไม่ทันหย่อนสะโพกนั่งก็ถูกเรียกเข้าวังแล้ว ตอนนี้เพิ่งกลับมา ให้พวกเขาได้กินข้าวก่อนเถิด” 

 

           อิงชินอ๋องเงียบเสียงลง 

 

           หลังทานอาหารเสร็จ ฉินเจิงก็บอกเซี่ยฟางหวา “ข้าส่งเจ้ากลับไปพักผ่อนก่อน” 

 

           เซี่ยฟางหวาเห็นว่าอิงชินอ๋องราวกับมีเรื่องจะคุยกับฉินเจิง จึงแย้มยิ้มบอกเขา “ข้ากลับไปเองได้ เจ้าอยู่คุยกับท่านพ่อเถอะ” 

 

           “ให้ชุนหลันไปส่งหวาเอ๋อร์แล้วกัน” พระชายาอิงชินอ๋องบอกฉินเจิง ก่อนหันไปบอกเซี่ยฟางหวา “ตอนกลับมาเมื่อเช้า ข้าเห็นว่าสีหน้าเจ้ายังดีอยู่ ตอนนี้สีหน้าย่ำแย่ลงอีกแล้ว ไม่ควรระหกระเหินเลยจริงเชียว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ตอนบ่ายข้าจะให้ครัวใหญ่ตุ๋นน้ำแกงไปให้เจ้าดื่มบำรุง” 

 

           ชุนหลันรีบเข้ามาประคองเซี่ยฟางหวา 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้ารับ ให้ชุนหลันประคองออกจากเรือนหลัก 

 

           หลังนางออกไป ฉินเจิงดื่มน้ำชาอึกหนึ่ง ไม่รอให้อิงชินอ๋องเอ่ยปากถาม ก็เล่าเรื่องที่เขาหารือกับฉินอวี้ในวังหลวงวันนี้ให้ฟังโดยคร่าวๆ 

 

           อิงชินอ๋องฟังจบก็ผงกศีรษะ กล่าวกับเขา “เจ้าพูดถูก ที่ผ่านมาหนานฉินของเรารู้จักแต่ความไม่สงบภายใน แต่ไม่คำนึงถึงการรุกรานจากภายนอก วางตัวสบายใจเกินเหตุจึงเตรียมการไม่ทัน ถึงให้เวลาเราเตรียมตัวหลายปีก็เกรงว่าคงไม่พอ ต่อต้านเป่ยฉีที่วางแผนมาหลายปีมิได้ ฝ่าบาทกับเจ้าล้วนมีความเห็น ในเมื่อคิดแบบเดียวกันแล้วก็ทำตามที่พวกเจ้าคิดเถอะ ข้าเองก็มองออกแล้วเช่นกัน หลายวันนี้ฝ่าบาทรอเจ้ากลับเมือง ตอนนี้พวกเราแก่แล้ว สิ่งที่ทำได้ก็คือการสนับสนุนพวกเจ้าเบื้องหลัง ควบคุมราชสำนักให้มั่นคง” 

 

           ฉินเจิงตวัดตามองผมขาวที่เพิ่มมากขึ้นบนจอนของอิงชินอ๋อง เม้มปากเล็กน้อย คล้ายเศร้าใจอยู่บ้าง 

 

           ชุนหลันมาส่งเซี่ยฟางหวากลับเรือนลั่วเหมย ระหว่างทางได้เล่าเรื่องช่วงที่นางไม่อยู่ในเมืองให้ฟัง พระชายาร้อนใจจนกินมิได้นอนมิหลับทุกวัน อิงชินอ๋องถอนหายใจและมีใบหน้ากลัดกลุ้มมิเสื่อมคลาย ทุกคนในจวนอิงชินอ๋องเสมือนมีเมฆครึ้มกดทับเหนือศีรษะ บรรยากาศอึดอัดอย่างยิ่ง ตอนนี้นางกลับมาแล้ว จึงรู้สึกเหมือนพายุฝนผ่านพ้นท้องฟ้ากลับมาสว่างแจ่มใส จวนอิงชินอ๋องคล้ายกับมีชีวิตชีวาขึ้นมาเช่นกัน 

 

           เซี่ยฟางหวาฟังแล้วก็ทั้งละอายใจและสะเทือนใจ พระชายาอิงชินอ๋องดีกับนางมาก ต่อให้ตนกระทำเรื่องมากมายที่ผู้อื่นยากจะเข้าใจ แต่นางก็เข้าใจและให้อภัย นี่นับว่าเป็นวาสนาของตัวนาง 

 

           กลับมาถึงเรือนลั่วเหมย ชุนหลันกำชับให้เซี่ยฟางหวาพักผ่อนให้เต็มที่ จากนั้นก็ไปยังห้องครัวใหญ่ สั่งการตุ๋นน้ำแกงบำรุงร่างกายให้พระชายาน้อย 

 

           เซี่ยฟางหวาเรียกเหยี่ยวมา เขียนจดหมายฉบับหนึ่งด้วยความว่องไว ก่อนส่งเหยี่ยวบินไปส่งให้ 

 

เซี่ยม่อหานที่อยู่ม่อเป่ย 

 

           หลังจากนั้นเซี่ยฟางหวาก็มิได้พักผ่อนทันที หากแต่เรียกซื่อฮว่ามาแล้วส่งป้ายคำสั่งให้นาง กำชับว่า “เจ้านำสิ่งนี้ไปยังจวนเรือนหก ถ่ายทอดข้อความบอกอาสะใภ้หกว่า ให้นางใช้สายสอดแนมตระกูลเซี่ย หารายชื่อสายลับเป่ยฉีมาให้ข้าก่อนยามอู่พรุ่งนี้” 

 

           ซื่อฮว่าพยักหน้า ก่อนออกไปยังจวนเรือนหก 

 

           เซี่ยฟางหวามองซื่อฮว่าออกไป คิดในใจว่าท่านปู่เฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เริ่มต้น เมืองหลวงหนานฉินแห่งนี้กระทั่งทุกคนใต้หล้า หลายคนเห็นเรือนหกเป็นญาติสายแยกที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของจวนจงหย่งโหวโดยมิได้มีบทบาทหน้าที่ใด ทว่ากลับมิทราบว่าในมือเรือนหกนั้นมีสายสอดแนมที่ลึกลับที่สุดของตระกูลเซี่ยอยู่ 

 

           หลังจากที่จวนจงหย่งโหว จวนแหล่งธัญพืช และจวนโรงเก็บเกลือกลายเป็นจวนเปล่า เรือนหกใช้ความอ่อนแอเป็นเหตุผลที่ยังคงอยู่ในเมืองหลวงหนานฉินอย่างปลอดภัย มั่นคง และโดดเดี่ยว จึงถูกผู้คนมองข้ามไปโดยปริยาย ถึงแม้อดีตฮ่องเต้ทรงกริ้วในวันวานก็ยังคงไม่ลงมือกับเรือนหก  

 

           ครึ่งชั่วยามถัดมา ซื่อฮว่าก็กลับมาบอกเซี่ยฟางหวาด้วยเสียงทุ้มต่ำ “คุณหนู หลังฮูหยินหมิงเห็นป้ายคำสั่งก็รับปากแล้ว บอกให้คุณหนูสบายใจได้ ก่อนยามอู่พรุ่งนี้จะนำรายชื่อมาส่งให้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้า 

 

           “ฮูหยินหมิงยังถามด้วยว่าสุขภาพคุณหนูเป็นเช่นไรบ้าง” ซื่อฮว่ากล่าว “บ่าวตอบไปว่าอาการบาดเจ็บดีขึ้นเจ็ดแปดส่วนแล้ว ให้นางสบายใจได้” 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้าอีก 

 

           “ตอนบ่าวกลับมา บังเอิญพบท่านอ๋องน้อยออกจากจวนพอดี ท่านอ๋องน้อยฝากบอกท่านว่า เขาจะออกไปนอกเมืองและกลับมาในตอนค่ำ ขอให้ท่านพักผ่อนให้เต็มที่ เขากลับมาแล้วจะตรวจสอบเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าบอกอีก 

 

           เซี่ยฟางหวาพยักหน้าอีกหน แล้วบอกนาง “ตอนค่ำ ท่านอ๋องน้อยนัดคุณชายหลี่จวนเสนาบดีฝ่ายขวาและท่านโหวน้อยเยี่ยนจวนหย่งคังโหวมาดื่มเหล้าที่จวน อาจมิได้มีแค่พวกเขาสองคน เจ้าบอกหลินชีให้คนครัวเตรียมอาหารเย็นด้วย” 

 

           ซื่อฮว่ารับคำ เมื่อเห็นว่าเซี่ยฟางหวาไม่มีคำสั่งอื่นแล้วก็กลับออกไป 

 

           เซี่ยฟางหวาค่อนข้างเหนื่อยดังคาด ร่างกายนี้ตั้งแต่หลังเหตุการณ์ในภูผาวกวน นางก็สัมผัสได้ชัดเจนว่านับวันยิ่งไม่เหมือนเมื่อก่อน นางถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ก่อนหมุนตัวกลับไปนอนบนเตียง 

 

           ไม่นานก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า 

 

           ตอนบ่าย พระชายาอิงชินอ๋องมาที่เรือนลั่วเหมย ซื่อฮว่าออกไปต้อนรับ นางทราบว่าเซี่ยฟางหวายังไม่ตื่นจากนอนกลางวันจึงมองฟ้าแวบหนึ่ง ดวงอาทิตย์ใกล้ตกแล้ว นางจึงดึงซื่อฮว่ามาด้านข้างแล้วเอ่ยถามเสียงเบา “เจ้าบอกข้ามาให้หมด ร่างกายของหวาเอ๋อร์แย่มากใช่หรือไม่” 

 

           ซื่อฮว่าลังเลครู่หนึ่ง ก่อนตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ “มิปิดบังพระชายา ตั้งแต่คุณหนูนำสมุนไพรดำม่วงไปเมืองหลินอัน ร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว หากเป็นเมื่อก่อน เวลานอนกลางวันของนานไม่นานนัก ไม่นอนหลับเกินครึ่งวันนี้แบบนี้เจ้าค่ะ” 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องพยักหน้า เอ่ยถึงเมืองหลินอันก็ขมวดคิ้ว “ไม่รู้ว่าเหลียนเอ๋อร์เป็นเช่นไรบ้าง ไม่มีข่าวส่งกลับมาที่เมืองเลยเช่นกัน” 

 

           “พระชายาวางใจเถิด อาการบาดเจ็บของท่านหญิงเหลียนเพียงพักผ่อนให้เต็มที่ก็พอแล้ว ไม่ส่งผลถึงอนาคตเจ้าค่ะ” ซื่อฮว่าตอบทันที  

 

           “เช่นนั้นก็ดี ข้ากลัวว่าเด็กคนนี้ไม่มีใครคอยจับตามองดู นางนิสัยบุ่มบ่าม พอดีขึ้นเล็กน้อยก็ออกไปเที่ยวเล่นแล้ว ถ้ารักษาไม่ดีจะทิ้งโรคเรื้อรังไว้” พระชายาอิงชินอ๋องเอ่ยด้วยความปวดหัว 

 

           ซื่อฮว่านึกถึงนิสัยของฉินเหลียน ยากจะรับรองได้เช่นกัน 

 

           “ข้าไม่มีธุระอื่นแล้ว ห้องครัวใหญ่ตุ๋นน้ำแกงเสร็จแล้ว เจิงเอ๋อร์ออกไปทำธุระข้างนอกตั้งแต่บ่าย ข้าได้ยินว่าพวกหลี่มู่ชิงกับเยี่ยนถิงจะมาดื่มสุรากันที่เรือนลั่วเหมยตอนค่ำ จึงมาดูว่าเตรียมพร้อมหรือยัง ต้องให้ข้าบอกห้องครัวใหญ่เตรียมเพิ่มหรือไม่” พระชายาอิงชินอ๋องกล่าว 

 

           “คุณหนูสั่งงานไว้ตั้งแต่บ่ายแล้วเจ้าค่ะ หลินชีเตรียมพร้อมแล้ว ล้วนเตรียมอาหารตามความชอบของเหล่าคุณชาย รอเพียงเหล่าคุณชายมาถึง น่าจะมิต้องเตรียมเพิ่มแล้ว” ซื่อฮว่าตอบเสียงเบา  

 

           “ถ้าอย่างนั้นก็ดี” พระชายาอิงชินอ๋องให้ชุนหลันส่งน้ำแกงให้ซื่อฮว่า พร้อมกำชับอีกหน “พอหวาเอ๋อร์ตื่นแล้ว อุ่นให้ร้อนก่อนให้นางดื่ม” 

 

           ซื่อฮว่าพยักหน้ารับ 

 

           พระชายาอิงชินอ๋องออกจากเรือนลั่วเหมย ย้อนกลับไปที่เรือนหลัก 

 

           พลบค่ำ พระอาทิตย์เพิ่งตก ฉินเจิงก็กลับมาที่จวนแล้ว คนที่กลับมาพร้อมเขาด้วยยังมีหลี่มู่ชิง เยี่ยนถิง เฉิงหมิง ซ่งฟาง หวางอู๋ เจิ้งอี้ ฉินชิง รวมถึงชุยอี้จือด้วย