ตอนที่ 267 การแปรสภาพครั้งที่หก!กายเนื้อที่น่าหวาดกลัว!

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

Sign in Buddha’s palm 267 การแปรสภาพครั้งที่หก!กายเนื้อที่น่าหวาดกลัว!

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จได้รับทิพยอํานาจคาถาดําดิน ]

เสียงจักรกลเย็นชาดังขึ้นในหูซูฉิน

“ทิพยอํานาจ?”

จิตวิญญาณของซูฉินถึงกับตื่นตะลึง

แม้ว่าเขาจะไม่ทราบความสามารถของคาถาดําดิน’แต่อาศัยเพียงแค่คําว่า ‘ทิพยอํานาจ ก็ เพียงพอแล้วที่จะทําให้ซูฉินมองมันสูงค่า

ซูฉินได้ลงชื่อเข้าใช้มานานหลายสิบปีและได้ทิพยอํานาจมาเพียงสามอย่างหนึ่งคือดวงตา แห่งสัจจะสองคือกายเนื้อกําเนิดใหม่และอีกอย่างคือความสามารถในการเรียกลมเรียกฝน

ตอนนี้คาถาดําดินเป็นทิพยอํานาจอย่างที่สี่ของซูฉิน

“คาถาดําดิน…..”

จิตใจของซูฉันค่อยๆ จมดิ่งลงไปในเวลานั้นข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับคาถาดําดินก็ถูกส่งผ่านมาตามช่องทางของระบบ

หลังจากนั้นไม่นาน

ซูฉินลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข

คาถาดําดินก็เป็นตามชื่อของมัน มันเป็นทิพยอํานาจที่ช่วยให้ซูฉินเดินทางใต้ดินได้ตามต้องการ

ควรรู้ว่าสิ่งกีดขวางใต้ดินมีมากมาย ไม่ต้องกล่าวถึงร่างกายเลยแม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์

เมื่อ แผ่ขยายลงไปใต้ดินความสามารถในการครอบคลุมพื้นที่ก็ถูกระงับลงไปหลายเท่าหรืออาจจะห ลายสิบเท่า

บนภาคพื้นดิน ซูฉินสามารถครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยล้ําได้ในความคิดเดียว

แต่ถ้าใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์แทรกซึมลงใต้ผืนดินเกรงว่าระยะทางที่ครอบคลุมได้จะลดลง และสามารถสํารวจใต้ดินเพียงไม่กี่สิบเท่านั้น

เหตุผลที่ซูฉินสามารถค้นพบโถงพระราชวังอันสูงตระหง่านใต้เมืองฉางอันได้ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์ สิทธิ์ก็เพราะเขาได้รวมจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นเส้นเดียวพุ่งตรงลงไปยังส่วนที่ลึกที่สุดเท่าที่ไปถึงได้ใต้ผืนโลก

พูดง่ายๆ คือ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เมื่ออยู่ใต้ดินจะถูกระงับความสามารถไปเป็นอันมาก

แม้แต่พลังวิญญาณที่จับต้องไม่ได้อย่างจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ยังเป็นเช่นนี้ ไม่ต้องพูดถึงร่าง กายของคนเราเลย

ใต้ดินไม่กี่ล็อาจจะไม่เท่าไหร่ ด้วยความแข็งแกร่งของซูฉิน แม้ว่าเขาจะถูกกีดขวางไว้ แต่มัน ก็ไม่ได้ลําบากอะไรนัก

แต่เมื่อยังคงมุ่งหน้าลึกลงไป แม้แต่ซูฉินก็ยังต้องถูกกดทับทั่วทุกทิศทาง ทั้งความเร็ว จิต สัมผัสศักดิ์สิทธิ์และร่างกายก็ถูกกดดันด้วยผืนดิ นอันยิ่งใหญ่ อาจจะไม่ถึงขั้นที่เคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้แต่ความสามารถในการเคลื่อนที่จะลดลงอ ย่างมาก

แต่ในตอนนี้ซูฉินมีทิพยอํานาจคาถาดําดินเมื่อตัวของเขาหลอมรวมเข้าไปกับพื้นดินเมื่อลง ไปใต้ดินไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งจะไม่ได้รับผลกระทบแต่ยังถูกเสริมความแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย

และในแง่ของการหลบหนี คาถาดําดินนี้ก็มีผลที่น่าทึ่งมากเช่นกัน

แม้ในอนาคตจะได้พบกับเซียนเทพปฐพีซูฉินก็แค่ทะลวงลงไปใต้ดินตรงๆอีกฝ่ายอาจจะทําอะไรไม่ถูกเลยก็เป็นได้

ในส่วนลึกใต้ผืนดิน แม้แต่เซียนเทพปฐพี่ก็ยังออกมือออกไม่ได้ไม่เต็มที่เพราะต้องอยู่ใต้แร งกดดันจากผืนดินอันยิ่งใหญ่ตลอดเวลา

แต่กับซูฉินมันกลับกลายเป็นการเสริมพลัง แรงกดดันจากผืนพิภพจะไม่ส่งผลอะไรเลย และการ ผลุบโผล่ไปมาจะต้องทําให้เซียนเทพปฐพี่หดหูเสียจนอาเจียนออกมาเป็นเลือดอย่างแน่นอน

“ไม่เลว”

“ทิพยอํานาจนี้เหมาะแก่การเอาตัวรอดยิ่ง”

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

บังเอิญว่าสถานที่ปิดด่านฝึกตนของเขาก็อยู่ใต้ผืนดินเมืองฉางอันประกอบกับทิพยอํานาจคาถาดําดินเขาจะสามารถรับมือได้ทุกสิ่งแม้ว่าเซียนเทพปฐพี่จะโจมตีไล่ฆ่า เขาก็แน่ใจว่าสามารถซ่อนตัวและหลบหนีได้

บรรพชนหก บรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยความเคารพก็เห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

ซูฉินสงบใจลง ละทิ้งความคิดที่จะลองใช้คาถาดําดินไปในทันทีและมุ่งเป้าไปยังหุบเขาเล็กๆ ตรงหน้าอีกครั้ง

หุบเขาเล็กๆ แห่งนี้ดูเหมือนจะประกอบด้วยทรายผสมกับดินแต่แท้ที่จริงแล้วมันคือพลังธาตุดนที่บริสุทธิ์ถึงขีดสุด

“น่าเสียดาย…”

ซูฉินมองอย่างระมัดระวังครู่หนึ่ง ส่ายศีรษะเล็กน้อย

“ผู้เป็นใหญ่ในโลก อะไรที่น่าเสียดายหรือ……” บรรพชนหกอดไม่ได้ที่จะถามสิ่งนี้ออกไป

“แหล่งกําเนิดธาตุดินแห่งนี้ยังไม่เติบโตเต็มที่อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลามากกว่าพันปี……”

ซูฉินส่ายหัวและถอนหายใจเล็กน้อย

แม้ว่าวิหารหมื่นพุทธจะมีบันทึกเกี่ยวกับแหล่งกําเนิดธาตุดินแต่มันก็ผ่านเวลามานานหลาย หมื่นปีแล้ว

เวลาที่ยาวนานเช่นนี้ มันยังยาวนานยิ่งกว่าอายุขัยของระดับเซียนเทพปฐพีที่กําเนิดขึ้นมาในวิหารหมื่นพุทธรวมกันเสียอีก

หนังสือโบราณหลายเล่มที่ส่งต่อมาในวิหาร หมื่นพุทธจึงไม่สมบูรณ์

จะเหมือนเช่นซูฉินที่ “เรียกดู ข้อมูลที่ตัวตน ขอบเขตเชียนเทพปฐพีอย่างจ้าวทะเลบูรพาบัน ทึกไว้ในหยกอย่างครอบคลุมได้อย่างไร?

บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้ารู้เพียงว่าหุบเขาเล็กๆแห่งนี้เป็นแหล่งกําเนิดธาตุ ดิน แต่ข้อมูลอื่นๆเช่นแหล่งกําเนิดธาตุดินนั้นเติบโตเต็มที่หรือไม่นั้นยังไม่ค่อยเข้าใจนัก

“ยังเติบโตต่อได้อีกในหนึ่งพันปี?”

บรรพชนหก บรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้ามองหน้ากันมีร่องรอยความผิดหวังปรากฏขึ้นบน ใบหน้าของพวกเขา

แม้ว่าพวกเขาจะใช้วิธีลับส่วนตัว ตัดความหวัง ในการก้าวหน้าต่อไปแต่สําหรับผู้เป็นใหญ่ในโลกการที่แหล่งกําเนิดธาตุดินยังไม่เติบโตเต็มที่เช่นนี้มิกลายเป็นไร้ประโยชน์หรอกหรือ?

“อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแหล่งกําเนิดธาตุดินจะยัง ไม่เติบโตเต็มที่แต่พลังธาตุดินอันมหาศาลที่อัด แน่นอยู่ภายในเป็นของจริงสําหรับตัวข้าหากกลืนกินมันลงไปจะต้องเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่อย่างแน่นอนอย่างน้อยก็ในด้านร่างกาย”

ความคิดของซูฉินผันผวน ขบคิดในใจอย่าง รวดเร็ว

นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com

ซูฉันไม่เคยมีความคิดที่จะรอให้แหล่งกําเนิดธาตุดินเติบโตอย่างเต็มที่

ล้อเล่นหรือเปล่า? หากจะรอให้แหล่งกําเนิดธาตุดินนี้โตเต็มที่ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งพันปี

เวลาหนึ่งพันปี ด้วยความเร็วในการบ่มเพาะ ของซูฉินอาจจะพูดไม่ได้ว่าจะไปถึงระดับเทพ เซียน แต่ก็ต้องก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อเกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้น แหล่งกําเนิดธาตุดินจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไปแล้ว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็เหลือบมองบรรพชนหกบรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าจากนั้นจึงกล่าวว่า“ข้าจะเข้าไปภายในก่อนที่ข้าจะออกมาหากไม่มีเรื่องสําคัญอย่าได้รบกวนข้า”

“ขอรับ”

บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้ากระซิบคําด้วยความเคารพจากนั้นจึงมองซูฉินเดิน เข้าไปภายในหุบเขาเล็กๆ นั่น

ภายในแหล่งกําเนิดธาตุดินนั้นไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่เห็นภายนอกทุกซอกทุกมุมเต็มไปด้วยพ ลังธาตุดินที่แข็งแกร่ง เมื่อซูฉินเข้ามาภายในหุบเขาเล็กๆ นี้เขาก็จะคิดว่าตนเดินเข้ามาในทะเลที่เต็มไปด้วยพลังงานธาตุดินล้วนๆ

“พลังธาตุดินที่มหาศาลเช่นนี้…” ซูฉินยิ้มเล็กน้อยและมองหาพื้นที่เพื่อลงไปนั่งขัดสมาธิ

นี่ช่างเป็นความสุขที่มาอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ

เดิมทีการมายังทะเลทรายตะวันตกก็เพื่อขัดขวางวิหารหมื่นพุทธ แต่ในท้ายที่สุดกลับมาเจอเข้ากับแหล่งกําเนิดธาตุดินและยังได้รับทิพยอํา นาจอย่างที่สี่จากการลงชื่อเข้าใช้

นอกจากนี้ พลังงานธาตุดินที่ลอยฟังอยู่ทั่วแหล่งกําเนิดธาตุดินนี้ก็สามารถช่วยปรับปรุงร่างกาย ของซูฉินได้อย่างมากแน่ๆ

“ตั้งแต่เข้าสู่ระดับเริ่มต้นของวิชาภาพดวงตะวันขนาดมหึมาร่างกายของข้าก็อยู่ใกล้กับการแปรสภาพครั้งที่หกแล้วเมื่อไม่นานมานี้ในขณะที่ฝึกฝนภาพดวงตะวันฯ ร่างกายของข้าก็ยังค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆเกรงว่าอีกเพียงครึ่งก้าวก็จะถึงการแปรสภาพครั้งที่หก”

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ ครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ

“ด้วยการใช้เลือดมังกรปีศาจในวิหารการสงครามร่างกายของข้าน่าจะเข้าใกล้การแปรสภาพ ครั้งที่หกได้ง่ายมากขึ้นอย่างแน่นอน”

“ถ้าหากกลืนกินพลังงานจากแหล่งกําเนิดธาตุดินนี้เข้าไปอีกล่ะก็ข้ารู้สึกว่าข้าอาจจะลองทะ ลวงไปถึงการแปรสภาพร่างกายครั้งที่เจ็ดดูได้”

ความเร่าร้อนฉายผ่านใบหน้าของซูฉิน

ตามการประเมินของซูฉิน เมื่อร่างกายได้รับบารแปรสภาพถึงเจ็ดครั้งแล้ว ก็น่าจะสามารถ เทียบเคียงได้กับร่างกายแห่งธรรมชาติของเซียนเทพปฐพี ในเวลานั้นเพียงเลือดเนื้อปราณ ชีวิตของซูฉินก็เพียงพอจะกวาดล้างทุกสิ่ง

ร่างกายของขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ถูกเรียกว่าร่างกายแห่งธรรมชาติมันทรงพลังอํานาจอย่างที่สุดเพราะเมื่อเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีผู้ฝึกยุทธจะสามารถผสมผสานจิตใจเข้ากับทะเลปราณได้จากนั้นจึงสามารถใช้ทะเลปราณที่ไร้ที่สิ้นสุดเข้ามาเสริมพลังของกายเนื้อได้

นี่กุญแจสู่ความแข็งแกร่งของขอบเขตเซียน เทพปฐพี

ความสามารถของซูฉินในการขัดเกลาร่างกายให้อยู่ในระดับของร่างกายแห่งธรรมชาติโดยไม่พึ่งพาแก่นทะเลปราณนั้นช่างน่ากลัวอย่างยิ่ง

“น่าเสียดายที่แหล่งกําเนิดธาตุดินแห่งนี้ยังเติบโตไม่สมบูรณ์ไม่เช่นนั้นมันจะมีมูลค่ามหาศาล ขอบเขตเซียนเทพปฐพิทั้งหลายจะต้องเข้าต่อสู้เพื่อแย่งชิงมัน” ซูฉินทอดถอนใจ

ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแหล่งกําเนิดธาตุ ดินคือเพิ่มโอกาสที่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดจะสา มารถเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีด้วยแหล่งกําเนิดธาตุดินความยากในการเข้าถึงทะเลปราณจะลดลงอย่างมากเมื่อตํานานยุทธขั้นสูงสุดพยายามจะทะลวงขั้น

และเมื่อสัมผัสได้ถึงแก่นทะเลปราณ มันก็เท่า กับสําเร็จไปครึ่งหนึ่ง

แต่สําหรับซูฉิน ไม่ต้องกล่าวถึงการใช้แหล่งกําเนิดธาตุดินเพื่อจะประสบความสําเร็จ แม้ว่าต้อ งการจะประสบความสําเร็จจริงๆ เขาก็จะไม่ใช้แหล่งกําเนิดธาตุดินเพื่อทะลวงขั้น

แม้ว่าแหล่งกําเนิดธาตุดินจะช่วยให้ผู้ฝึกยุทธสัมผัสถึงแก่นทะเลปราณได้ง่ายขึ้น แต่มันก็เป็น เพียงผิวชั้นนอกของแก่นทะเลปราณเท่านั้นจะสามารถทะลวงไปได้ไกลแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับโชค

อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ซูฉินบ่มเพาะภาพด วงตะวันขนาดมหึมาเมื่อเข้าสู่ความสําเร็จระดับ เล็กเขาจะสามารถดึงความสามารถของอีกาทองคําสามขาออกมาได้อย่างแท้จริง

จากนั้นจึงใช้พลังของอีกาทองคําสามขาเพื่อ สัมผัสถึงแก่นทะเลปราณด้วยพลังของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟที่แข็งแกร่งที่สุดจะต้องสามารถเข้าสู่ส่วนลึกของแก่นทะเลปราณได้อย่างแน่นอน

ในเวลานั้นประโยชน์ที่ซูฉินจะได้รับย่อมเหนือกว่าเซียนเทพปฐพีทุกผู้ทุกคนในประวัติศาสตร์

เพราะมีเพียงเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้นที่จําเป็นต้องสัมผัสถึงแก่นทะเลปราณก่อนที่จะทะลวงไป ยังขอบเขตเชียนเทพปฐพี

“มาทําให้การแปรสภาพร่างกายครั้งที่หกสําเร็จ เสียก่อนดีกว่า…”

ซูฉินสูดลมหายใจเข้าหยิบขวดหยกออกมาค่อยๆรินเลือดสีทองซีดๆออกมาเก้าหยด

เลือดทั้งเก้าหยดนี้มีเมฆหมอกรูปร่างคล้ายกับ มังกรปรากฏขึ้นซูฉินเป็นผู้กลั่นเลือดเนื้อของ มังกรปีศาจจากวิหารการสงครามจนได้มาซึ่งส่วนที่สําคัญที่สุด

“ถึงแม้มังกรปีศาจจะได้ชื่อว่าเป็นมังกรแต่สายเลือดมังกรที่แท้จริงภายในกายนั้นแทบจะเรีย กได้ว่าอ่อนแอเสียเหลือเกิน…”

สายตาของซูฉินกวาดมองเลือดทั้งเก้าหยดอย่างช้าๆ “อย่างไรก็ตามเท่านี้ก็เพียงพอสําหรับ ข้าแล้ว”

ช่วงเวลาต่อมา

ซูฉินก็กลืนเลือดมังกรเข้าไปตรงๆ

เลือดสีทองซีดจางไหลลงคอ ซูฉินพลันรับรู้ได้ถึงแรงระเบิดที่กระจายอยู่ภายในร่าง กล้ามเนื้อ ของเขาฉีกขาด กระดูกแตกร้าวทั่วทั้งร่างเหมือนจะระเบิด

บูม!

ขณะที่ร่างกายของซูฉินถูกฉีกทําลายอย่างต่อเนื่องก็มีพลังบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ กระจายออกไปทั่ว เมื่อพลังเหล่านี้ผ่านไปกล้ามเนื้อทุกส่วนก็ค่อยๆ ฟื้นตัว กระดูกทุกข้อได้รับการรักษา

ยิ่งกว่านั้น ร่างกายหลังการรักษากลับยิ่งแข็งแกร่งกระปรี้กระเปร่าขึ้นกว่าเดิม

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

เมื่อซูฉินได้ดื่มเลือดมังกรทั้งเก้าหยดติดต่อกันไอพลังทั่วร่างกายก็เริ่มเดือดพล่านเลือดในกายสั่นสะท้านราวกับมีคลื่นยักษ์สาดโถมอยู่ทั่วร่าง

ในที่สุด

เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง

ราวกับพุ่งทะลุคอขวดบางอย่างไอพลังของซูฉันเริ่มสงบลงอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน

แรงกดดันที่ไม่สามารถอธิบายได้จากร่างกาย ของซูฉินก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง

“ในที่สุดการแปรสภาพร่างกายครั้งที่หกก็เสร็จสิ้น……”

ซูฉันค่อยๆลืมตาลอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ของเขา