“ชมผมเกินไปแล้วครับ” ลู่หลียิ้มและกล่าวว่า “ผมเป็นแค่หนึ่งในประธานบริหาร…”
“แต่นั่นก็ยังเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่!” เหวินเฟิงขัดจังหวะลู่หลีและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในความเป็นจริงผมควรขอบคุณบริษัทคุณ ที่ให้การสนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ เป็นเพราะการสนับสนุนจากบริษัทของคุณ ที่ทำให้การวิจัยทางอาวุธของเราประสบความสำเร็จได้…”
“นั่นไม่ใช่การตัดสินใจของผมหรอกครับ” ลู่หลียิ้มให้เหวินเฟิงอย่างสุภาพ และกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า “นั่นเป็นคำแนะนำจากท่านประธานอีกคนหนึ่งของบริษัทเรา เขาให้การสนับสนุนการพัฒนาทางการทหารของจีนเป็นอย่างมาก ในฐานะนักธุรกิจ จริงๆ แล้วผม…”
“เอาละค่ะ ลู่หลี ให้ฉันแนะนำคุณกับเพื่อนๆ ฉันบ้าง” เหวินนิ่งรีบดึงเขาออกมายืนข้างๆ เธอ เหวินเฟิงไม่ได้ห้ามปรามอะไร ทั้งยังโบกมือส่งสัญญาณให้ทั้งสองออกไปด้วยกันอีกด้วย เขาไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้าน ในเมื่อตอนนี้ก็รู้แล้วว่าแฟนลูกสาวเขานั้นยอดเยี่ยมมาก… เหวินเฟิงมองตามลูกสาวกับลู่หลี รอยยิ้มกระจายไปทั่วใบหน้าเขา พระเจ้า ทั้งคู่ช่างดูเป็นคู่รักที่สมบูรณ์แบบจริงๆ !
ลู่หลีปล่อยให้เหวินนิ่งลากเขาไปที่ระเบียงห้องโถง เขามองศีรษะด้านหลังของเธออยู่เงียบๆ
เหวินนิ่งพาลู่หลีไปที่ระเบียง แล้วรอคำถามจากเขา แต่เขานิ่งเงียบ เธอหันหลังกลับมา กำลังจะถามเขาว่าทำไมเขาถึงนิ่งเงียบ แต่กลับถูกร่ายมนตร์สะกดโดยสายตาเขา ดวงตาเขาเหมือนน้ำวนที่ล้ำลึก ไม่มีใครกลับออกมาจากดวงตาคู่นั้นได้ เมื่อถูกดึงดูดเข้าไป
เหวินนิ่งกะพริบตาถี่ๆ มองลู่หลีแล้วถามว่า “คุณไม่มีคำถามอะไรจะถามฉันเหรอ”
ลู่หลีถอนสายตา เอนกายพิงขอบระเบียงแล้วยิ้มอย่างประชดประชัน “คุณนี่ตลกจริงๆ คุณจะไม่แต่งงานกับผู้ชายคนไหนนอกจากผมหรือ เหวินนิ่ง คุณยังจะมีหน้ามาพูดแบบนี้ได้ยังไง”
เหวินนิ่งหน้าซีดเมื่อได้ยินคำพูดของลู่หลี เธอเงยหน้าขึ้นมองลู่หลีและถามอย่างเศร้าสร้อย “ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้น ทุกคำที่ฉันพูดออกมาจากหัวใจฉัน!”
“สิบปีที่แล้วคุณเคยสาบานว่าคุณจะปกป้องผู้ชายที่คุณรักตลอดไป แล้วตอนนี้คุณมาบอกว่าคุณจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากผมอย่างนั้นหรือ หรือคุณแค่จงใจลืมสิ่งที่คุณเคยพูดไว้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคุณ” ลู่หลีมองเหวินนิ่งอย่างเยือกเย็น ดวงตาเขามีประกายเหน็บแนม “อย่าบอกนะ ว่าคนที่คุณบอกไว้เมื่อสิบปีก่อนว่าคุณจะรักตลอดไปคือผม”
“คือคุณค่ะ!” เหวินนิ่งมองตาลู่หลีด้วยสายตาแน่วแน่และพยักหน้า “คือคุณจริงๆ”
ลู่หลีตัวแข็ง มีพายุโหมกระหน่ำอยู่ในดวงตาเขา และเส้นเลือดปูดขึ้นมาที่ลำคอเขา แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของเขา
เหวินนิ่งมองหน้าลู่หลี และยิ้มเยาะตัวเองอย่างชิงชัง “แต่ฉันมั่นใจเกินไป ฉันคิดว่าคุณจะสารภาพรักกับฉัน หลังจากที่ฉันกระตุ้นคุณด้วยคำพูดแบบนั้น แต่คุณกลับจากไปเหมือนคนขี้ขลาด และฉันตามหาคุณไม่เจอ คุณรู้ไหมว่าในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาฉันอยากทำอะไรมากที่สุด ฉันอยากตามหาคุณให้เจอและด่าคุณว่าคนขี้ขลาด!”
“คนขี้ขลาดเหรอ” ทันใดนั้นลู่หลีก็หัวเราะออกมา ขณะที่เหวินนิ่งสงสัยว่าเขากำลังจะทำอะไร เขาก็ดึงเหวินนิ่งเข้าไปหา เหวินนิ่งผวาเข้าไปยืนแนบอกเขา รู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงและทรงพลัง ลู่หลีก้มลงมองเหวินนิ่ง “ทำไมคุณไม่บอกผมว่าคนที่คุณเรียกว่าแฟนน่ะไม่มีตัวตนจริง! แล้วตอนนี้คุณจะมาว่าผมเป็นคนขี้ขลาดได้ยังไง คุณรู้ไหม ไม่ว่าผมจะรักผู้หญิงคนนั้นมากแค่ไหน ผมก็จะไม่ทำสิ่งที่เลวร้ายอย่างการทำให้คู่รักเลิกกัน!”
เหวินนิ่งจ้องมองชายหนุ่มที่กอดเธอไว้แน่นและยิ้มออกมา เธอกอดเอวเขา ถามเบาๆ ว่า “คุณยอมรับแล้วใช่ไหมว่าคุณยังชอบฉันอยู่”
ลู่หลีหน้าบึ้ง จู่ๆ ก็ผลักเหวินนิ่งออกไป และมองเธออย่างเย็นชา “ปล่อยผม!”
“ไม่ค่ะ!” เหวินนิ่งกอดเขาแน่นขึ้น จ้องมองลู่หลีตรงๆ กระซิบว่า “บอกฉันซิ ว่าคุณยังรักฉันอยู่ไหม”
“แล้วยังไง” ลู่หลีมองหน้าหญิงสาวที่ยิ้มหวาน สวยงามราวกับดอกไม้ และกล่าวอย่างเย็นชา “คุณจะลาออกจากงานและแต่งงานกับผมไหมล่ะ”
เหวินนิ่งเงยหน้าขึ้นหัวเราะ “แล้วทำไมถึงจะไม่ล่ะคะ งานไม่ใช่สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับฉัน แต่คุณเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับฉัน”
หัวใจลู่หลีเต้นผิดจังหวะอย่างแรง เขามองลึกเข้าไปในดวงตาหญิงสาวที่กอดเขาอยู่ แล้วขมวดคิ้ว กำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อได้ยินเหวินนิ่งพูดว่า “อีกอย่างหนึ่ง แม้ว่าฉันจะแต่งงานกับคุณ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่องานของฉันหรอก ฉันจะคอยดูซิว่า ใครจะกล้าพูดไม่ดีถึงความสัมพันธ์ของเรา!”
ลู่หลีจ้องมองเหวินนิ่ง อดยิ้มออกมาไม่ได้ เขายกมือขึ้นกอดเธอเบาๆ ขณะกล่าวอย่างอ่อนโยน “สิบปีแล้ว แต่ผมก็ยังปฏิเสธคุณไม่ได้”
เหวินนิ่งยิ้ม แล้วทันใดนั้นเธอก็จูบเขาที่มุมปาก “คุณไม่ชมฉันบ้างเหรอว่า สิบปีแล้ว แต่ฉันก็ยังคงกล้าสารภาพความรู้สึกของฉันกับคุณ”
ลู่หลีตัวแข็ง มองเหวินนิ่งที่กำลังจูบเขา ความรู้สึกหลากหลายส่องประกายในดวงตาเขา เหวินนิ่งหัวเราะเบาๆ “คุณยังหมายความตามที่คุณเพิ่งพูดไปใช่ไหม”
ลู่หลีมองหน้าเธอ แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจและถามว่า “ประโยคไหน”
“คุณจะเป็นแฟนฉัน!” เหวินนิ่งกล่าวออกมาตรงๆ
ลู่หลีเลิกคิ้วขึ้นมองเธอ “นั่นขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณปฏิบัติ” เขาใช่นิ้วจิ้มระหว่างคิ้วเหวินนิ่ง ผลักเธอออกไป แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องโถง “คำพูดของผมจะหมายความตามนั้น ตราบเท่าที่คุณประพฤติตัวตามนั้น”
เหวินนิ่งมองตามหลังเขาและยิ้มออกมาเล็กน้อย ทันใดนั้นเธอก็ตะโกนไล่หลังลู่หลีไปว่า “ไม่สำคัญว่าฉันจะประพฤติตัวตามนั้นหรือเปล่า คุณเป็นของฉัน! ลู่หลีฉันจะไม่มีวันปล่อยคุณไป! คุณเท่านั้นที่จะเป็นสามีของฉันในชีวิตนี้ จะไม่มีวันเป็นคนอื่น”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่หลีที่กำลังเดินอยู่ในฝูงชนก็อดยิ้มไม่ได้ แต่เขาไม่ได้หยุดเดิน
…
เฉียวเหลียงไปส่งถังซีที่บ้าน ถังซีรีบขึ้นไปชั้นบนทันทีที่เข้าไปในบ้าน ขณะที่เธอเดินขึ้นไปถึงชั้นสองเซียวเจี่ยนก็เรียกเธอ ถังซียิ้มให้เขา “มีอะไรเหรอคะ พี่เจี่ยน”
เซียวเจี่ยนถอนหายใจอย่างแรง หันหลังเดินไปที่ห้องทำงานของเขา ถังซีเม้มริมฝีปากแล้วเดินตามเขาไป เซียวเจี่ยนปิดประตูห้องเมื่อทั้งคู่เข้าไปข้างใน ถังซีมองดูเขาด้วยความประหลาดใจ เซียวเจี่ยนชี้ไปที่โซฟาหนังสีดำ “นั่งลง”
ถังซีเดินไปนั่งลง และมองหน้าเซียวเจี่ยน “เกิดอะไรขึ้นคะ พี่เจี่ยน”
“โหรวโหรว” เซียวเจี่ยนมองหน้าถังซี เม้มริมฝีปาก ก่อนจะถามด้วยอาการหน้านิ่วคิ้วขมวด “เธอมีอะไรจะบอกพี่ไหม”
ถังซีมองเขาด้วยความสงสัย เซียวเจี่ยนถอนหายใจ “คุณอาโทรหาพี่เมื่อกี้นี้ ถามถึงเธอ”