ตอนที่ 276 มนุษย์เกราะทองคำ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 276 มนุษย์เกราะทองคำ โดย Ink Stone_Fantasy

แม้ว่าปีกโลหิตของผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทรจะทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นมามาก แต่ด้วยวิชาที่แสดงอยู่ทำให้ไม่อาจบังคับได้ดังใจ สุดก็ตามหาร่องรอยหลิ่วหมิงไม่เจอ

แต่ผู้อาวุโสแซ่ลี่เป็นถึงผู้ฝึกฝนระดับผลึก พอเจอสถานการณ์เช่นนี้ ก็หยุดอยู่เหนือยอดเขาลูกหนึ่ง และหัวเราะออกมา

“เจ้าเด็กน้อย คิดจริงๆ หรือว่าซ่อนตัวแล้วข้าจะหาเจ้าไม่พบ แม้ฝ่ามือเมื่อครู่จะเอาชีวิตเจ้าไม่ได้ แต่ก็ทำให้ร่างกายของเจ้ามีกลิ่นไอของข้าติดไปด้วย ด้วยพลังจิตที่แข็งแกร่งของข้า สามารถหาเจ้าได้อย่างง่ายดาย!”

พอกล่าวจบ ผู้อาวุโสแซ่ลี่ก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว และเอานิ้วมือแตะหน้าผาก

“ฟู่!” พลังจิตอันแข็งแกร่งพุ่งออกจากร่างของผู้อาวุโส มันกลิ้งไปมาบนอากาศ และปกคลุมไปทั่วทิศ ไม่ว่าจะเป็นพื้นดินในป่า ล้วนถูกพลังจิตกวาดดูจนทั่ว

ผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทรมีท่าทีสงบราวกับคนตกปลาที่รอปลามาติดเบ็ด แต่พอใช้พลังจิตกวาดดูพื้นที่บริเวณนั้นเจ็ดแปดรอบ และไม่ค้นพบผลลัพธ์ใดๆ เขาก็แสดงสีหน้าแปลกใจออกมา

จากการตรวจดูกลิ่นไอของตนเอง รับรู้ได้อย่างลางๆ ว่า หลิ่วหมิงอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้อย่างแน่นอน แต่พอใช้พลังจิตตรวจสอบจริงๆ กลับไม่หาสามารถหาตำแหน่งที่แน่นอนได้

หลังจากคิดวกไปมาสองสามรอบ ก็เปลี่ยนท่ามือในฉับพลัน อักขระโลหิตบนร่างกับปีกแสงโลหิตตรงหลังค่อยๆ แตกกระจายเป็นจุดๆ จากนั้นก็กลายเป็นแมลงปีกแข็งสีเลือดที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่ว

แมลงปีกแข็งสีเลือดเหล่านี้ มีรูปร่างโปร่งใสไปทั้งตัว แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่ร่างที่แท้จริง แต่พอมันส่งเสียงดังหวึ่งๆ ก็พุ่งยิงออกไปรอบทิศทาง

บ้างก็ทะลุผ่านต้นไม้ไป บ้างก็บินจมหายเข้าไปใต้ดิน บ้างก็จมหายเข้าไปในเขาลูกเล็กๆ

ส่วนผู้อาวุโสก็รีบนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ หลับตาทั้งคู่ลงอย่างเงียบๆ และไม่กล่าวอะไรออกมาอีก

นี่เป็นเคล็ดวิชาเฉพาะที่ผู้อาวุโสฝึกฝน!

แมลงปีกแข็งมหัศจรรย์เหล่านี้ ไม่มีพลังการโจมตีเลยแม้แต่น้อย และไม่อาจรับคำสั่งที่ซับซ้อนได้ แต่พอเชื่อมต่อกับจิต ของผู้อาวุโส พวกมันแต่ละตัวสามารถเป็นดวงตาให้เขาได้

แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะมีสถานที่บางแห่งที่สามารถตบตาเขาได้ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

……

แมลงปีกแข็งสิบกว่าตัวจมหายไปในไหล่เขาบางแห่ง และแยกตัวกันตามหาทั่วทิศ

บ้างก็บินเหนือยอดเขา บางก็ร่อนลงบนพื้น

แต่ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็ค้นพบถ้ำตามธรรมชาติ กับลำน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ใต้พื้นดินลึก

แมลงปีกแข็งสีโลหิตเหล่านี้ ค้นหาในถ้ำและแม่น้ำอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ค้นพบหลิ่วหมิงแต่อย่างใด จากนั้นก็พากันบินไปยังพื้นที่แห่งอื่นๆ อย่างไม่ลังเล

และในลำน้ำที่ดูใสแจ๋วเป็นพิเศษ มีปลาสีขาวหลายตัวกำลังแหวกว่ายอยู่ในนั้น

ทันใดนั้นปลาเล็กๆ ตัวหนึ่งที่ไปว่ายข้างหน้ากลับต้องกระเด็นกลับมา มันกับชนโดนอะไรบางอย่างจนมีวงน้ำเกิดขึ้นบนพื้นผิว แต่ครู่เดียวก็กลับมาเป็นปกติ

ปลาเล็กๆ สะบัดหางใส่ตรงหน้าสองสามที จนเมื่อแน่ใจว่าไม่สามารถพุ่งผ่านไปได้ ก็ว่ายอ้อมผ่านสิ่งของนั้นไป

ขณะนี้ ถ้ามีคนสามารถมองทะลุได้ล่ะก็ จะพบว่าในลำน้ำตรงหน้า มีม่านวารีใสแจ๋วอยู่บนร่างหลิ่วหมิง ซึ่งมันเหมือนกับพื้นผิวของน้ำไม่มีผิด และมือทั้งสองของเขาก็ถือธงเล็กสีฟ้าที่สูงหลายชุ่นไว้หนึ่งอัน ด้านหน้าเขามีมุกสีดำที่ถูกหมอกวารีหนาๆ ปกคลุมอยู่

น้ำใสๆ ไหลออกจากธงเล็กสีฟ้าเข้าไปในม่านวารีอยู่ไม่หยุด

หมอกวารีหนาแน่นที่มุกสีดำแผ่ออกมาปกคลุมไปทั่วพื้นที่ในม่านวารี ทำให้ในนั้นดูมัวๆ ราวกับว่าเป็นละอองฝนเล็กๆ

หลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิ หลับตาทั้งคู่ และไม่มีการหายใจเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาได้ตายไปแล้ว

แต่พอมองอย่างละเอียด ก็ค้นพบว่าตรงหลังของเขามียันต์สีดำสองผืน ที่แปะตัดสลับกันอยู่ มันเปล่งแสงแวววาวปกคลุมอาการบาดเจ็บของเขาไว้

ผู้อาวุโสแซ่ลี่ควบคุมแมลงปีกแข็งให้ทำการค้นหาอยู่นานครึ่งชั่วยาม พอมีเสียงดังออกจากร่างของเขา อักขระสีเลือดที่เหลืออยู่ก็แตกกระจาย สีหน้าของเขาดูไม่ได้เป็นอย่างมาก

เกือบจะในเวลาเดียวกัน แมลงปีกแข็งสีเลือดที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ ก็ค่อยๆ ระเบิดตัวออกมา จนไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว

“ไม่คิดว่าจะสามารถหลบพลังจิตกับแมลงปีกแข็งจิตวิญญาณของข้าในเวลาเดียวกันได้! ดูท่าเจ้าเด็กมนุษย์นี่คงมีของวิเศษอะไรคุ้มกันตัวอยู่ ถึงได้หลบซ่อนได้ดีเช่นนี้ แต่ไม่เป็นไร! ข้ามีวิธีบีบเจ้าออกมาอยู่!” สีหน้าผู้อาวุโสแซ่ลี่เปลี่ยนไปมา และถอนหายใจก่อนกล่าวพึมพำกับตัวเอง

จากนั้นร่างของเขาก็พร่ามัวทะยานขึ้นฟ้า และมาปรากฏตัวกลางอากาศที่สูงพันกว่าลี้ เขาสะบัดแขนเสื้อ และทุบฝ่ามือลงด้านล่าง

“ฟู่!”

เงาฝ่ามือสีเทาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นใต้ร่างผู้อาวุโส มันปล่อยสายฟ้าสีเงินฟาดฟันใส่ยอดเขาด้านล่าง

บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!

ภายใต้แสงสายฟ้าที่หมุนเป็นเกลียว ทำให้ยอดเขาพังทลายไปเกือบครึ่งหนึ่ง

จากนั้นนิ้วทั้งห้าก็แยกออกจากกัน และกวาดไปยังยอดเขาอีกลูกที่อยู่ใกล้ๆ

ยอดเขาลูกนี้ถูกกวาดจนพังทลายไปเกือบครึ่งหนึ่ง

ภายใต้การควบคุมฝ่ามือของผู้อาวุโส มันดูมีอานุภาพทำลายล้างสูงมาก ไม่นานยอดเขาที่อยู่บริเวณนั้นก็พังทลาย บนพื้นเต็มไปด้วยเศษหิน

ในระหว่างนี้ ผู้อาวุโสใช้พลังจิตปกคลุมพื้นที่บริเวณนี้ไว้ เพียงแค่มีเหตุการณ์แปลกประหลาดใดๆ เกิดขึ้น ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาเขาไปได้

แต่เขาก็ยังไม่ค้นพบความผิดปกติใดๆ เลย!

“ดี! ดีมาก! ถึงขนาดนี้แล้วก็ยังหาร่องรอยของเจ้าไม่พบ ดูท่าคงจะซ่อนตัวอยู่ในที่ที่ลึกลับกว่านี้”

ผู้อาวุโสเผ่าเจ้าสมุทรยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้น หลังจากตรวจสอบดูด้านล่างอยู่ครู่หนึ่ง ก็ล้วงเข้าไปในแขนเสื้อโดยฉับพลัน เขาหยิบธงค่ายกลสีฟ้าออกมาปึกหนึ่ง ดูผ่านๆ มันคล้ายกับธงวารีบริสุทธิ์ในมือหลิ่วหมิง แต่อักขระบนนั้นดูเรียบง่ายกว่าเล็กน้อย

ผู้อาวุโสขยับตัวหมุนวนขอบพื้นที่บริเวณนี้หนึ่งรอบ เพื่อโยนธงค่ายกลลงไป และพริบตาที่มันตกลงพื้นก็ค่อยๆ กลายเป็นธงสีฟ้าขนาดใหญ่ที่สูงสองจั้ง

ครู่เดียว ค่ายกลขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นมา และล้อมพื้นที่บริเวณนั้นไว้

จากนั้นผู้อาวุโสแซ่ลี่ก็พร่ามัวมาปรากฏตัวอยู่เหนือใจกลางค่ายกล และทำท่ามือด้วยมือเดียวพร้อมกับร่ายคาถาออกมา

บังเกิดเสียงดังโครมคราม!

ธงสีฟ้าเปล่งแสงสีฟ้าออกมา น้ำทะเลจำนวนมากทะลักออกจากในนั้น

แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ ภายใต้การควบคุมของค่ายกล ทำให้น้ำทะเลทั้งหมดลอยต่ำๆ อยู่กลางอากาศ และไม่หยดลงพื้นแม้แต่หยดเดียว

ด้วยเหตุนี้ ไม่นานมันก็กลายเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ร้อยกว่าหมู่

ขณะนี้ ผู้อาวุโสกลางอากาศก็กระโดด “ตู๊ม!” ลงในทะเลสาบ

ครู่ต่อมา เงาร่างหางมัจฉายักษ์สีเงินจางๆ ก็กระแทกผิวน้ำอย่างรุนแรง จนทำให้ทะเลสาบดูมีชีวิตขึ้นมา!

น้ำทะเลทั้งหมดหมุนวนรอบหางปลาเร็วขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็กลายเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่ ก่อนที่จะกลายเป็นเกลียวแหลมๆ ท่ามกลางเสียงดังแสบแก้วหู และเจาะลงพื้นด้านล่าง

พื้นดินสั่นสะเทือนขึ้นมา หินและดินถูกเกลียวน้ำทะเลขุดออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ผู้อาวุโสแซ่ลี่คิดจะอาศัยพลังของค่ายกล พลิกพื้นที่บริเวณนี้ เพื่อไม่ให้หลิ่วหมิงมีที่หลบซ่อนได้อีก

แต่ขณะที่ผู้อาวุโสแซ่ลี่ควบคุมน้ำทะเลให้เจาะลึกลงไปได้หลายจั้งนั้น ก็พลันอุทาน “เอ๊ะ!” ออกมา เกลียวคลื่นน้ำทะเลหยุดลงในฉับพลัน และกลับมาเป็นทะเลสาบดังเดิม

จากนั้นผิวน้ำก็แยกออกจากกัน ผู้อาวุโสครึ่งมัจฉาว่ายออกมาจากในนั้นด้วยสีหน้าฉงน

เครื่องประดับรูปร่างคล้ายเปลือกหอยที่อยู่ตรงเอวส่งเสียงดังหวึ่งๆ อยู่ไม่หยุด

ผู้อาวุโสขมวดคิ้วและตบของสิ่งนี้ในฉับพลัน ทันใดนั้นแสงสีฟ้าก็พุ่งออกมา มันบิดตัวกลางอากาศอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กลายเป็นใบหน้าพร่ามัวของชายผู้หนึ่ง

“ลี่คุน ไม่ว่าตอนนี้เจ้าจะอยู่ไหน ก็ให้รีบกลับมาเดี๋ยวนี้ จำไว้ให้ดี นี่คือคำสั่งของท่านผู้อาวุโส เจ้ารู้หรือไม่ว่าเป็นเพราะการละทิ้งหน้าที่ของเจ้า ทำให้ท่านผู้อาวุโสจำต้องชิงลงมือก่อน ตอนนี้ท่านไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก จึงสั่งให้เจ้ากลับมาเฝ้าเมืองภายในเวลาสองชั่วยาม เฮ่อๆ! ถ้ามาไม่ทันเวลาล่ะก็ ข้าคงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วล่ะ!” ใบหน้ากล่าวออกมารัวๆ ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูโมโหเป็นอย่างมาก จากนั้นมันก็สลายไปท่ามกลางเสียงดัง “ฟู่!”

“อะไรนะ! ท่านผู้อาวุโสลงมือก่อนแล้ว หรือว่าเจ้าเด็กนี่จะหนีท่านผู้อาวุโสมา ข้าว่าแล้วเชียว ทำไมถึงได้บังเอิญเช่นนี้ ครั้งนี้คงเกิดเรื่องยุ่งยากเข้าแล้ว!” พอผู้อาวุโสกล่าวจบสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ดวงตาของเขาฉายแววหวาดกลัวออกมา แต่พอกวาดสายตาดูพื้นที่ตรงด้านล่างแล้ว ก็มีท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“ต่อให้ไม่สามารถปลีกตัวได้ ข้าก็ต้องสังหารเจ้าเด็กนี่ และชิงไข่อสูรกลับไปให้ได้ แม้ว่าจะต้องจ่ายด้วยราคาที่แพงก็ตาม” ผู้อาวุโสแซ่ลี่คิดไตร่ตรองไปมาอย่างรวดเร็ว และกล่าวกับตัวเองทันที

จากนั้นมือทั้งสองก็หยิบกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีเงินจางๆ ออกมาจากอก บนนั้นมียันต์สีเหลืองที่ค่อนข้างเก่าแปะอยู่ผืนหนึ่ง

ผู้อาวุโสมองกล่องในมือ ตอนแรกก็ลังเลเล็กน้อย แต่ก็กัดฟันฉีกยันต์และเปิดฝาออกมา

แสงสีทองพุ่งออกจากกล่อง และหมุนติ้วๆ รวมตัวกันกลางอากาศ จากนั้นก็กลายเป็นมนุษย์เกราะทองคำที่มีพลังเป็นอย่างมาก

ดวงตาทั้งคู่ของมนุษย์เกราะทองคำปิดสนิท ใบหน้าคล้ายกับผู้อาวุโสแซ่ลี่ เพียงแต่ดูหนุ่มกว่ามาก ดูเหมือนจะเป็นชายฉกรรจ์อายุสามสิบกว่าๆ

……………………………………….