ตอนที่ 2097

Super God Gene

“ดูสิว่าเจ้าจะป้องกันการโจมตีได้สักกี่ครั้ง” ดยุกสลีปเลสส์กรีดร้องออกมา และไนท์โกสต์คนอื่นๆก็เริ่มกระหน่ำโจมตีไปที่จุดๆเดียว

 

ดยุกสลีปเลสส์คิดว่าหานเซิ่นรนหาที่ตายที่พยายามใช้โล่ป้องกันการโจมตีของทั้งกองทัพ

 

ในตอนที่ทั้ง 3 คนกำลังต่อสู้ เหล่าไนท์โกสต์ไม่สามารถร่วมมือกันจู่โจมแบบนี้ได้ พวกเขาต้องออมพลังเอาไว้ด้วยความกลัวที่ว่ามันอาจจะไปถูกพวกเดียวกัน

 

แต่ตอนนี้ทั้ง 3 คนทำตัวเองให้เป็นเป้านิ่ง ด้วยเหตุนั้นพวกไนท์โกสต์จึงสามารถร่วมมือกันเพื่อโจมตีไปที่จุดๆเดียวได้ ซึ่งแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งก็ไม่อาจจะต้านทานการโจมตีที่กำลังเข้ามาได้

 

ดยุกสลีปเลสส์มีแผนอยู่ เธอต้องการจับตัวหานเซิ่นและไผ่เดียวดายไปเป็นตัวประกัน ถ้าเธอทำแบบนั้น เธอก็จะฝ่าการป้องกันของปราสาทนภาได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

หานเซิ่นและไผ่เดียวดายเป็นคนสำคัญของปราสาทนภา พวกเขาจะไม่ถูกทอดทิ้งง่ายๆ

 

ตอนนี้พลังโจมตีของเหล่าไนท์โกสต์กำลังปกคลุมทั่วท้องฟ้า และมันดูเหมือนกับว่าทั้งโลกใบกำลังจะถูกมันดูดกลืนเข้าไป

 

ตูม!

 

เมื่อพลังนั้นพุ่งลงมาถึงพื้น ทั้งฐานทัพก็ถูกทำลาย สิ่งก่อสร้างทั้งหมดสลายไม่เหลือแม้แต่ผุยผง

 

การโจมตีของดยุกนับพันและมาร์คริสนับหมื่นทำให้บริเวณโดยรอบพังพินาศและก่อให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ ภายใต้พลังที่น่ากลัวแบบนั้น แม้แต่ดยุกที่แข็งแกร่งก็ต้องแหลกสลายเป็นชิ้นๆ

 

แต่เมื่อฝุ่นควันสงบลงแล้ว ดยุกสลีปเลสส์และไนท์โกสต์คนอื่นๆก็ได้แต่จ้องตาค้าง แม้แต่ข่านเองก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

 

โล่โปร่งใสสีฟ้านั้นไม่มีบุบสลายเลยแม้แต่น้อย พวกหานเซิ่นยังยืนอยู่ข้างในโดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

 

“นั่นคือพลังทั้งหมดที่ไนท์โกสต์มีอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามขึ้นมา

 

“ดูสิว่าเจ้าจะป้องกันไปได้อีกนานสักแค่ไหนกัน” ดยุกสลีปเลสส์กรีดร้องออกมา และเหล่าโกสต์ไนท์ก็กระหน่ำโจมตีเข้ามาอีกครั้ง

 

พลังนับไม่ถ้วนพุ่งลงมาใส่โล่สีฟ้า จนทำให้ภูเขาที่อยู่ใกล้เคียงถล่มลงมาจากแรงสั่นสะเทือน

 

แต่ถึงอย่างนั้นโล่ป้องกันของหานเซิ่นก็ยังไม่แตกร้าวหรือสั่นไหว พลังที่สามารถทำลายภูเขาทั้งลูกได้กลายเป็นเหมือนกับประกายของดอกไม้ไฟเมื่ออยู่ต่อหน้าโล่ป้องกันของหานเซิ่น

 

ดยุกสลีปเลสส์กรีดร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ไนท์โกสต์นับพันจู่โจมลงมาจากทุกมุม แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถทำลายโล่ป้องกันของหานเซิ่นได้

 

หานเซิ่นลอยตัวอยู่ในภายโล่สีฟ้านั้น ขณะที่ไผ่เดียวดายนั่งลงเพื่อพักเอาแรงสักหน่อย ส่วนชายคนนั้นกำลังอยู่ในท่าทางรักษาตัวเอง

 

ใบหน้าของดยุกสลีปเลสส์เต็มไปด้วยความโกรธ เธอไม่รู้ว่าสมบัติแบบไหนกันที่หานเซิ่นนำติดตัวมาด้วย

 

แถมสมบัติของหานเซิ่นก็ดูจะไม่ใช้พลังของเขาเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องมีปฏิกิริยาอะไรบ้างในตอนที่เหล่าไนท์โกสต์โจมตีใส่โล่ป้องกัน

 

“พวกเจ้าจะทำแบบนั้นนานเท่าไหร่ก็ได้” หานเซิ่นดูไม่กังวลเลยสักนิด เขายืดเส้นยืดสายก่อนที่จะเริ่มเดินไปบนอากาศ มันดูเหมือนกับว่าเขาจะเดินออกไปจากดวงดาวและมุ่งสู่อวกาศ

 

โล่สีฟ้ารอบตัวหานเซิ่นเป็นเหมือนกับแสงของเทพเจ้า มันยังคงครอบคลุมหานเซิ่นเอาไว้โดยไม่สั่นไหวแม้แต่นิดเดียว

 

“ฆ่าเขา!” เสียงกรีดร้องของดยุกสลีปเลสส์กลายเป็นเสียงคำราม

 

ไนท์โกสต์นับไม่ถ้วนพยายามโจมตีใส่หานเซิ่นอย่างไม่ยั้ง บางคงใช้มีด บางคนใช้กรงเล็บ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะใช้อะไรมันก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดหานเซิ่นเอาได้ การโจมตีใส่โล่สีฟ้าไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์อะไรเลย พวกเขาทำให้มันสั่นไหวไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

ดยุกสลีปเลสส์กัดฟันด้วยความโกรธ ขณะที่เธอโจมตีใส่โล่สีฟ้าอย่างสุดกำลัง นิ้วมือของเธอเริ่มจะมีเลือดไหลออกมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถทำลายมันได้

 

เธอรู้สึกหวาดกลัว และเหนือสิ่งอื่นใดเธอรู้สึกสิ้นหวัง เธอรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหานเซิ่นและไผ่เดียวดายสามารถหนีไปได้ มันจะเป็นหายนะสำหรับไนท์โกสต์ทุกคน แต่พวกเธอไม่สามารถทำอะไรโล่ป้องกันของหานเซิ่นได้

 

“ดยุกสลีปเลสส์! มันยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่พวกเราทำได้” เสียงของข่านดังขึ้นในหูของดยุกสลีปเลสส์

 

“บอกข้ามาเร็วเข้า! ข้าจะฆ่าพวกเขาได้ยังไง?” ดยุกสลีปเลสส์รีบหันไปหาข่าน

 

ข่านโบกมือของเขาและหอกที่มีลวดลายสีแดงก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเขา

 

ข่านขว้างมันไปให้กับดยุกสลีปเลสส์และพูด “นี่เป็นสมบัติระดับราชันของเผ่าเดม่อน มันมีชื่อว่าหอกเลือดปีศาจ ด้วยพลังระดับราชัน มันควรจะทำลายโล่ของหานเซิ่นได้”

 

ดยุกสลีปเลสส์ขมวดคิ้ว “แต่พวกเราไม่มียอดฝีมือระดับราชัน ถ้าข้าเป็นคนที่ใช้มัน มันจะใช้พลังทั้งหมดออกมาได้ยังไง?”

 

ข่านยิ้ม “นั่นคือความพิเศษของหอกเล่มนี้ ไม่จำเป็นที่ผู้ใช้ต้องเป็นระดับราชัน และไม่ว่าจะยังไง มันก็ใช้พลังออกมาได้อย่างเต็มกำลังอยู่ดี ไม่อย่างนั้นข้าก็คงไม่บอกเจ้าหรอกว่ามันทำลายโล่นั้นได้”

 

“จริงหรอเนี่ย?” ดยุกสลีปเลสส์ยกหอกเลือดปีศาจขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

 

แต่เมื่อดยุกสลีปเลสส์ใส่พลังของเธอเข้าไปในหอกเพื่อเตรียมจะขว้างมันออกไป เธอก็รู้สึกได้ว่าพลังของมันยังคงห่างไกลกับระดับราชัน มันเหนือกว่าระดับของดยุกเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง

 

“ข่าน นี่เจ้าหลอกข้าอย่างนั้นหรอ?” ดยุกสลีปเลสส์หันไปมองข่าน

 

ข่านส่ายหัว “ดยุกสลีปเลสส์ เจ้าเป็นหัวหน้าของไนท์โกสต์ ทำไมเจ้าถึงได้ไร้เดียงสาแบบนี้? มันไม่มีพลังไหนที่จะได้มาเปล่าๆ หอกเลือดปีศาจไม่จำเป็นที่ผู้ใช้ต้องเป็นระดับราชัน แต่มันก็มีเงื่อนไขของมันอยู่”

 

“เงื่อนไขคืออะไร?” ดยุกสลีปเลสส์รีบถาม

 

“สังเวยเลือดให้กับมัน ยิ่งเจ้าสังเวยเลือดมากเท่าไหร่ พลังของมันก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ถ้าสังเวยเลือดมากเพียงพอล่ะก็ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรวบรวมพลังระดับราชันเพื่อโจมตีออกไป” ข่านพูด

 

“เลือด? จากที่ไหน?” ทันใดนั้นดยุกสลีปเลสส์ก็ชะงักไป เธอรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เลือดที่สามารถสังเวยได้ก็คือเลือดพวกพ้องของเธอ

 

“ไม่! ไม่มีทาง!” ดยุกสลีปเลสส์กัดฟันของเธอ

 

“ตอนนี้เจ้ามีทางเลือกอื่นอย่างนั้นหรอ? และอีกอย่างหนึ่งเจ้าแค่ต้องสังเวยไม่กี่คนเพื่อฆ่าพวกเขา แบบนั้นเจ้าก็จะช่วยชีวิตคนส่วนใหญ่เอาไว้ได้ แต่ถ้าหานเซิ่นหนีไปจากที่นี่ได้ มันก็มีแค่ความตายเท่านั้นที่รอคอยพวกเจ้าอยู่ เจ้าก็รู้ว่าปราสาทนภาปฏิบัติกับคนทรยศยังไง” ข่านพูด

 

ดยุกสลีปเลสส์กำหอกเลือดปีศาจเอาไว้แน่น ขณะที่มองโล่สีฟ้าค่อยๆเคลื่อนที่ไกลออกไปเรื่อยๆ ใบหน้าของเธอหมุนเวียนด้วยอารมณ์ต่างๆ