กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 834
หุบเขาสัตว์เทพเป็นหุบเขาที่รกร้าง ที่นี่ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี มีต้นไม้โบราณสูงตระหง่านต้นหนึ่งเชื่อมต่อกับอีกต้นหนึ่ง และอีกต้นเชื่อมต่อกับอีกต้นหนึ่ง
บัณฑิตทุกคนกำลังก้าวไปข้างหน้า แต่หลังจากเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว อสุรกายที่เหล่าบัณฑิตนำติดตัวมาด้วยก็ล้วนแต่กระเจิดกระเจิงออกไป
ผู้คนพากันตกใจ “เกิดอะไรขึ้น?ทำไมสัตว์วิญญาณของข้าถึงหายไป?”
“ของ……ของข้าก็หายไปเช่นกัน”
บัณฑิตสามัญชนไม่เป็นไร พวกเขาไม่มีความสามารถมากพอที่จะทำให้อสุรกายยอมจำนน แล้วแอบพาเข้ามา
แต่บัณฑิตที่เป็นชนชั้นสูงนั้นต่างกัน พวกเขาล้วนแต่มีภูมิหลังคอยส่งเสริม
ชนชั้นสูงเหล่านี้ส่วนใหญ่จะสามารถทำให้อสุรกายเชื่องได้ และโกหกว่าจะยอมมจำนนต่อสัญญาในเขาสัตว์เทพ ในเวลานี้อสุรกายทั้งหมดล้วนแต่หนีหายไป แล้วพวกเขาจะยินยอมได้อย่างไร ถึงอย่างไรก็ต้องเสียเงินและเวลาไม่น้อยกว่าอสุรกายจะยอมจำนน
มีเสียงอันน่าเกรงขามดังขึ้นกลางอากาศ
“ปีนี้ไม่ว่าใครก็ตาม ห้ามนำอสุรกายเข้าไปในหุบเขาสัตว์เทพอย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นจะถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎ และอสุรกายที่นำเข้ามาก็จะถูกก็จะถูกยึด”
ฮ้า……
ยึดทั้งหมด……
นี่มันโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว
ใครกันที่กำลังพูดอยู่?
ดูเหมือนว่าจะเป็นเสด็จอาเสวี่ย?
ราชวงศ์ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนไม่ใช่หรือ?
และทำไมจู่ ๆ ปีนี้ก็เปลี่ยนกฎ
พวกเขาไม่พอใจ
แต่ไม่อาจไม่ยอมรับได้
ถึงอย่างไรเดิมทีก็มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับ และไม่สามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในหุบเขาสัตว์เทพได้
กู้ชูหน่วนก้มลงมองเจ้าเสือน้อยที่อยู่ในอ้อมแขน มันกำลังหลับสนิท ดูเหมือนว่าวิธีลับของพวกเขาจะไม่ได้ผลกับเจ้าเสือน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายเลือดของมันแตกต่างจากอสุรกายทั่วไปหรือไม่
นอกจากกู้ชูหน่วนแล้ว ยังมีเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่ขดตัวอยู่ในมือของไป๋หลี่หมิงก็ไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อยเช่นกัน
ดวงตาสีเขียวของมันเบิกกว้าง และมองไปรอบ ๆ อย่างสงสัย ราวกับกำลังมองหาอาหารอร่อย ๆ
ไป๋หลี่หมิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ถึงอย่างไรมันก็เป็นราชางูเหลือมหยกเก้าเศียร และคนธรรมดาไม่สามารถทำอะไรมันได้
ขอเพียงมีราชางูเหลือมอยู่ ผู้ชนะในปีนี้คือเขาอย่างแน่นอน
หลังจากเข้ามาในหุบเขาสัตว์เทพแล้ว เหล่าบัณฑิตก็แยกย้ายกันไป
บางกลุ่มมีสามถึงห้าคนมารวมตัวกันเพื่อตามหาของมีค่าและอสุรกาย
บางคนก็ไปคนเดียว
เซี่ยวอวี่เซวียนเหลือบไปมองกู้ชูหนวน เขาสะบัดพัดและถอนหายใจ จากนั้นก็โบกมือให้พัดและจากไป
หลินซือหย่วนกล่าวว่า “แม่นางมู่ คุณชายเซี่ยวไปแล้ว พวกเราจะตามเขาไปหรือไม่”
“หลังจากที่ตามเขาไปทันแล้วอย่างไร?จะไร้ยางอายให้เขามารวมกลุ่มกับพวกเรางั้นหรือ?”
หลังจากเข้ามาที่นี่ ไม่รู้ว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่อยากจะฆ่านาง หากลากเซี่วอวี่เซวียนเข้ามาจะไม่เป็นการเพิ่มความยุ่งยากให้เขาหรือ
“เช่นนั้นพวกเราไม่สนใจเขาแล้วหรือ?เขาอยู่ในหุบเขาสัตว์เทพคนเดียว จะเป็นอันตรายหรือไม่?”
“ดูแลตัวเองให้ดีเถอะ วรยุทธ์ของเขาดีกว่าเจ้ามาก”
“พวกเขาส่วนใหญ่กำลังมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ พวกเราจะไปที่นั่นด้วยหรือไม่?” หลินซือหย่วนถาม
กู้ชูหน่วนยังไม่ทันจะได้พูด หนิงเทียนโย่วก็กล่าวว่า “พวกเราไปทางทิศตะวันออกกันเถอะ ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และทิศตะวันออก น่าจะมีของมีค่าและอสุรกายที่ทรงพลังอยู่มาก”
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “พวกเราจะไม่ไปไหนทั้งสิ้น พวกเราจะหาถ้ำใกล้ ๆ และพักผ่อนสักสองสามวัน”
“อะไรนะ?หาถ้ำเพื่อพักผ่อน?ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่?”
หุบเขาสัตว์เทพนั้นยากที่จะได้เข้ามา และสิบปีมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ใครบ้างไม่อยากทรงพลัง และมาที่นี่เพื่อทำสัญญากับอสุรกาย รวมทั้งตามหาของมีค่าด้วย แต่ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครเข้ามาที่นี่เพื่อพักผ่อน
“ข้าอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรอก เจ้าไม่ต้องกลัวพวกเขา” หนิงเทียนโย่วกล่าว
“งั้นหรือ?แต่พวกเขาใกล้เข้ามาแล้ว”
ในขณะที่พูดลมหนาวก็พัดมา พร้อมกับไอสังหารอันทรงพลัง
หนิงเทียนโย่วสีหน้าเปลี่ยน
เพิ่งจะเข้าไปในหุบเขาสัตว์เทพ พวกเขาก็กระตือรือร้นที่จะฆ่าผู้คนแล้วหรือ?
กู้ชูหน่วนหาวและกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าเป็นหลานชายของตระกูลหนิง ข้าเชื่อว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะจัดการกับโจรสองสามคน ยกให้เจ้าจัดการกับพวกเขา ดูเหมือนว่าจะมีถ้ำอยู่ข้างหน้า ข้าจะไปข้างในเพื่อกลั่นยาสักสองสามเม็ด”
หนิงเทียนโย่วยังพูดไม่ทันจบ กู้ชูหน่วนก็เดินออกไป และปล่อยให้หนิงเทียนโย่วกับหลินซือหย่วนมองหน้ากัน
ไปเช่นนี้เลยหรือ?
ดูเหมือนว่าคนที่พวกเขาต้องการจะฆ่าคือนางไม่ใช่หรือ?
อีกอย่าง……
นั่นเป็นโจรหรือ?
เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือ และอย่างน้อยก็บรรลุระดับหนึ่งแล้ว
หลินซือหย่วนกล่าวอย่างลังเลว่า “แม่นางมู่ อีกฝ่ายมาอย่างดุเดือด ลำพังแค่ข้ากับคุณชายหนิงเกรงว่า เจ้าสามารถ……”
“ไม่ได้ เวลาของข้ามีค่ามาก อีกอย่างนี่ก็เป็นโอกาสที่ดีในการฝึกฝน และยังมีคนมาให้ฝึกมือด้วย เจ้าควรจะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ การเติบโตจากการต่อสู้คือการเติบโตที่ได้ผลที่สุด”
หลินซือหย่วน “……”
หนิงเทียนโย่ว “……”
พวกเขาพูดไม่ออกอย่างมากกับความคิดของกู้ชูหน่วน แต่ในเวลานี้พวกเขาไม่มีเวลาคิดมากนัก เพราะมือสังหารเหล่านั้นใกล้เข้ามาแล้ว
หนิงเทียนโย่วและหลินซือหย่วนถูกโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ทันตั้งตัว
แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ นางนำเตากลั่นยาและสมุนไพรออกมา จากนั้นก็กลั่นยาอยู่ในถ้ำ โดยไม่สนใจสถานการณ์ข้างนอก
แม้ว่าพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายหลายครั้ง แต่นางไม่แม้แต่จะออกจากประตูถ้ำเลย
ในชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปหนึ่งวัน ไม่รู้ว่าพวกเขาขับไล่มือสังหารไปกี่ระลอกแล้ว และในตอนนี้พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หนิงเทียนโย่วทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาบุกเข้าไปในถ้ำและตะโกนอย่างโกรธเคือง “มู่หน่วน เจ้าไม่เห็นหรือว่าพวกเราเกือบตายอยู่ข้างนอก?พวกเราพยายามที่จะปกป้องเจ้า แต่เจ้า……”
“ปึง……”
กู้ชูหน่วนยนยาสองขวดให้พวกเขา
“ฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีมือสังหาร รีบกินซะ เกรงว่าอีกเดี๋ยวมือสังหารจะมาใหม่อีกระลอก”
หนิงเทียนโย่วเปิดออกและดม ดูเหมือนว่าจะเป็นเม็ดยาอายุวัฒนะชั้นยอดระดับสอง เม็ดยานี้ไม่เพียงแต่สามารถเพิ่มพลังได้ แต่ยังมีสรรพคุณในการรักษาอาการบาดเจ็บอีกด้วย
“นี่คือสิ่งที่เจ้าให้ข้า ข้าไม่ได้ขอ เจ้าอย่าเสียใจภายหลังนะ”
หนิงเทียนโย่วไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่กินมันลงไป จากนั้นก็นั่งสมาธิเพื่อปรับลมปราณ
ในเวลาสั้น ๆ อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ควันสีขาวยังคงลอยอยู่เหนือศีรษะของเขา และพลังของเขา……จากระดับหนึ่งก็เลื่อนไปเป็นระดับสองในทันที
หนิงเทียนโย่วเบิกตากว้างในทันที และกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ข้าได้เลื่อนระดับแล้ว ข้าได้เลือนไปเป็นระดับสองแล้ว”
เขาได้รับการฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดหลายปี แต่ก็ไม่มีความก้าวหน้า ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้เลื่อนระดับแล้ว?
ก่อนหน้านี้เขามีความคับแค้นใจต่อมู่หน่วน แต่ในตอนนี้จิตใจของเขาสงบลง และมองกู้ชูหน่วนด้วยความซาบซึ้งใจ
กู้ชูหน่วนกล่าวว่า “อย่ามองข้าด้วยสายตาที่เลื่อมใสศรัทธาเช่นนี้ ข้ากลัวว่าเจ้าจะชอบพอข้า”
มุมปากของหนิงเทียนโย่วยกขึ้น และรอยยิ้มของเขาก็แข็งทื่อ
“ยาอายุวัฒนะก่อนหน้านี้ เจ้าก็เป็นคนกลั่นใช่หรือไม่?ที่แท้เจ้าก็เป็นนักกลั่นยา?”
นักกลั่นยาที่มีความสามารถมาอยู่ตรงหน้าเขา แต่เขากลับไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
หากไม่ใช่เพราะเดินทางเข้ามาในหุบเข้าสัตว์เทพ เกรงว่าเขาจะไม่มีวันรู้ว่ากู้ชูหน่วนมีความสามารถมากเช่นนี้
“หลินซือหย่วนเจ้ามั่วงุนงงอะไรอยู่ ยังไม่รีบกินยาเพื่อปรับลมปราณอีก และจะได้เลื่อนระดับ”
“ข้า……ข้าก็กินได้ด้วยหรือ?”
“แน่นอนว่าได้ การฝึกฝนที่ดีที่สุดคือการเติบโตจากการต่อสู้”
หลินซือหย่วนทำตามที่นางบอกกินยาอายุวัฒนะและปรับลมปราณ เป็นอย่างที่คิดไว้……หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ทำลายเส้นวรยุทย์เป็นระดับขั้นที่หนึ่งได้
สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นการก้าวกระโดดที่ดีที่สุด
“มั่วงุนงงอะไรกัน มือสังหารข้างนอกกลับมาแล้ว รีบไปฝึกฝนเถอะ” กู้ชูหน่วนกล่าว
หนิงเทียนโย่วพึมพำ “ไม่รู้ว่าเจ้าทำให้ใครขุ่นเคืองไว้บ้าง มือสังหารถึงได้มากันไม่หยุดหย่อน”