บทที่ 126 เหตุผลที่มีชีวิต โดย Ink Stone_Fantasy
แต่เห็นได้ชัดเจนว่า ‘คุณซุน’ คนนี้ก็คือผู้ชายที่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน เขาจึงตั้งสติกลับมาจากอาการตกใจได้อย่างรวดเร็ว
เขาสับขาก้าวไปถึงหน้าประตูอย่างรวดเร็ว ก่อนปิดแสงไฟในห้องหนังสือจนที่นี่มืดสลัว ถ้าเป็นแบบนี้ ถึงแม้จะมีคนเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวเขาอยู่ข้างนอก ก็จะมองไม่เห็นสภาพของเขาขณะนี้
เขาไม่อยากเชื่อเลย ว่าคนที่อยู่ในประเทศห่างออกไปนับหมื่นกิโลเมตรจะ ‘มองเห็น’ เขาได้ คนนั้นจะต้องซ่อนตัวอยู่แถวๆ นี้เป็นแน่
พอจัดการความคิดเรียบร้อยอย่างรวดเร็วแล้ว ‘คุณซุน’ กำลังควบคุมอะไรบางอย่างในโน้ตบุ๊กบนโต๊ะ พลางพูดอย่างสุขุม “พวกคุณเยี่ยมมาก นึกไม่ถึงว่าจะหาผมพบ ช่วยบอกตัวตนจริงๆ ของคุณกับผมหน่อยได้ไหม?”
“ถ้าลูกค้าคิดจะทำการค้ากับพวกเรา คุณก็จะรู้เอง”
‘คุณซุน’ เลิกคิ้วสูง พร้อมพูดอย่างช้าๆ “คุณบอกว่า พวกคุณไม่รับเงินทองใดๆ ทั้งสิ้นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้น หากพวกคุณคิดว่าเงินตราไร้ค่า แล้วถ้าเป็นทองล่ะจะว่ายังไง?”
“พวกเราไม่รับสกุลเงินรูปแบบใดๆ ทั้งสิ้นครับ”
ลั่วชิวพูดเสียงต่ำ “แต่คุณผู้ชายโปรดวางใจ ที่ผมติดต่อกับคุณก็เพียงแค่อยากรู้จักองค์กรที่ชื่อสมาคมไมเคิลก็เท่านั้น แต่ว่าผมออกจะรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง คุณผู้ชายยังไม่ใช่แกนนำสำคัญในสมาคมสินะครับ ดูท่าโค้ดลับ ‘คุณซุน’ ที่ปลายสายคนนี้น่าจะยังไม่ติดอันดับสำคัญใดๆ ด้วยซ้ำ เป็นเพียงบุคคลติดต่อประสานงานกับโลกภายนอกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “เงื่อนไข คุณเสนอเงื่อนไขมาเถอะ ในเมื่อพวกคุณเรียกตัวเองว่านักธุรกิจ ก็เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”
“พวกเราพร้อมทำธุรกิจอยู่แล้ว…” ลั่วชิวจ่อโทรศัพท์มือถือข้างๆ ริมฝีปาก “เพียงแต่ว่าสำหรับพวกคุณแล้วยังไม่ถึงเวลา อีกอย่างผมเป็นคนอยากรู้อยากเห็นซะด้วย…ขอผมลองดูระดับของศูนย์รวมความชั่วร้ายของพวกคุณหน่อยเถอะครับ ว่าจะไปได้ถึงระดับไหนกันแน่”
เสียงพูดมาถึงตรงนี้ก็หยุดชะงักลง
ชายหนุ่มหรี่ตา มองภาพบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้เขาได้รับโทรศัพท์อีกสายหนึ่ง นั่นเป็นคำตอบกลับคำสั่งที่เขาส่งไปทางโน้ตบุ๊กเมื่อกี้ ตอนนี้มีการตอบกลับมาแล้ว
“ท่านครับ ‘ดวงตาปีศาจ’ ได้สำรวจรอบๆ ตัวท่านแล้ว ไม่พบบุคคลน่าสงสัยเลย อีกอย่างพวกเราก็ตามสืบไม่พบแหล่งที่มาของหมายเลขโทรศัพท์…เกรงว่าอีกฝ่ายจะมีมือแฮกเกอร์ที่ฉลาดหลักแหลมช่วยเหลือครับ”
“หาคนน่าสงสัยไม่พบ?” ชายหนุ่มอดพูดอย่างเดือดดาลไม่ได้ “งั้นแกบอกฉันมา ว่าอีกฝ่ายเห็นชื่อไวน์แดงขวดนั้นที่ฉันกำลังดื่มอยู่ได้ยังไง?”
“บางที…บางทีอีกฝ่ายอาจจะมีความสามารถเดียวกับ ‘ดวงตาปีศาจ’ …”
“พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!”
“ขอโทษครับ…ไม่ทราบว่า ท่านยังมีคำสั่งอะไรอีกหรือไม่ครับ?”
“เตรียมตัวเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปจากที่นี่” เขาลุกขึ้นพูดอย่างเด็ดขาด “ที่นี่ถูกเปิดเผยแล้ว หลังจากฉันไป แกมาทำลายข้าวของที่นี่…ไม่สิ เตรียมการให้ฉันก่อน ฉันจะออกทะเลสักรอบ เดี๋ยวนี้!”
“ครับท่าน…”
เขาพับฝาปิดโน้ตบุ๊กลง สองมือกดไปบนโน้ตบุ๊ก แต่กลับรู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งมองเขาอยู่ตลอด…นี่ชวนให้ขนลุกขนพองไปทั้งตัว
ใช่แล้ว ชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อน
ไม่เคยรู้…น่ากลัวเกินไปแล้ว!
…
…
“คุณนี่เอง…”
วินาทีที่วางสายโทรศัพท์ ก็เป็นวินาทีเดียวกันที่เจสสิก้าเอ่ยปากพูด…เธออยู่ที่นี่ มองเจ้าของสมาคมแบบกึ่งระแวงกึ่งหวาดกลัว
เธอได้ยินบทสนทนาของเขากับ ‘คุณซุน’ ครึ่งหลังเท่านั้น เพราะกว่าเธอจะรู้สึกตัว บทสนทนาผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ลั่วชิวมองเจสสิก้า ก่อนส่งโทรศัพท์คืนให้เธอ “ดูท่าสมาคมไมเคิลจะสะกดจิตคุณได้ไม่ดีเท่าไรนะ เมื่อกี้ชายคนนั้นคิดจะปลุกส่วนที่คุณเคยถูกล้างสมองขึ้นมา เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าล้มเหลวไปแล้ว”
ความคิดเจสสิก้าแล่นอย่างรวดเร็ว เธอกัดฟันไปพลางค้ำผนังลุกขึ้น “หลายปีมานี้ที่ออกมาทำงานภาคสนาม ฉันมักจะติดภารกิจทำให้กลับไม่ตรงเวลา นานวันเข้าก็นับวันยิ่งเกิดความรู้สึกต่อต้านกับตัวตนอีกคนหนึ่งของตนเอง”
เกรงว่ายังเป็นเพราะสิ่งอื่น
ลั่วชิวไม่ได้พูดขัด ช่วงที่เธอกำลังทนกับความเจ็บปวดของการสะกดจิต มีช่วงหนึ่งที่เธอกำจี้ห้อยคอในปกคอเสื้อไว้แน่น
จู่ๆ เจสสิก้าก็มองเจ้าของร้านแปลกๆ คนนี้ พร้อมกับกัดฟันพูดว่า “ดูท่าคุณคงรู้จักสมาคมไมเคิลดีกว่าฉันเสียอีก”
“อืม ระยะนี้รู้มาว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่” เจ้าของสมาคมไม่คิดจะอ้อมค้อม “ลงทุนจ่ายค่าแลกเปลี่ยนสักหน่อย ถือว่าพอรู้ข้อมูลมาบ้าง”
ฉับพลันนั้นเจสสิก้าก็ถามว่า “ในเมื่อพวกคุณรู้สิ่งที่สมาคมนั่นทำไปทั้งหมด ในเมื่อพวกคุณมีพลังมหัศจรรย์แบบนี้ ทำไมพวกคุณยังปล่อยให้องค์กรนี้อยู่ต่อไป?”
ลั่วชิวพูดอย่างไม่สนใจ “ลูกค้ากำลังตรวจสอบจุดยืนของพวกเราเหรอครับ?”
เจสสิก้าสูดลมหายใจลึกๆ พูดว่า “ก็พวกคุณมีพลังลึกลับที่เปลี่ยนโลกนี้ให้ดีขึ้นได้ ไม่ใช่เหรอ?”
ลั่วชิวส่ายหัวพร้อมพูดว่า “พวกเราไม่คิดจะทำอะไรฟรีๆ จะว่าไป ทำไมพวกเราต้องกำจัดสมาคมไมเคิลเพียงเพราะการมีอยู่ของมันทำให้โลกใบนี้มืดมน และคนมากมายต้องตกอยู่ในความทุกข์ทรมานด้วย?”
เจสสิก้ากัดฟันพูด “อย่างน้อยไม่มีพวกมันแล้ว…”
ไม่ทันสิ้นเสียง ลั่วชิวก็พูดขัดขึ้นว่า “ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรื่องสงครามเคยยุติลงบ้างไหมครับ? สมาคมไมเคิลหายสาบสูญไปหนึ่งแห่ง จะรับประกันได้หรือไม่ว่าจะไม่มีสมาคมไมเคิลอีกหนึ่งแห่งโผล่ขึ้นมา ในประเด็นนี้ ลูกค้าคงไม่สามารถรับประกันได้ สำหรับพวกเราแล้ว…ไม่มีความจำเป็นต้องรับประกันเลยครับ”
เจสสิก้ากลับหัวเราะเยาะพร้อมพูดขึ้นว่า “สุดท้ายแล้วที่พูดมาทั้งหมดก็เพียงเพราะมีผลประโยชน์ไม่มากพอ หากมีผลประโยชน์มากพอ พวกคุณก็จะดำเนินการถูกไหม? ถือผลประโยชน์เป็นหลัก สมกับเป็นนักธุรกิจจริงๆ!”
ลั่วชิวพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่มีประโยชน์ที่จะยั่วโมโหพวกเราหรอกครับ อีกอย่าง ก็เหมือนอย่างที่คุณลูกค้าพูดมาทั้งหมด แท้ที่จริงแล้วพวกเราเป็นนักธุรกิจที่ถือผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง สมมติว่าลูกค้าจ่ายค่าธรรมเนียมมากพอ ย่อมขอให้พวกเรากำจัดสโมสรนี้ไปได้เช่นกัน”
เจสสิก้ายิ้มเจื่อนๆ “เกรงว่าใช้ทุกสิ่งที่ฉันมีก็คงขุดรากถอนโคนได้ไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ!”
ลั่วชิวไม่ได้พูดอะไร แค่ยืนขึ้นเงียบๆ ในซอยที่มืดสลัวๆ เขาดูเงียบแปลกๆ ราวกับว่าได้หลอมรวมไปเป็นส่วนหนึ่งในความมืดมิดนี้เสียแล้ว
เจสสิก้าก็นิ่งเงียบอยู่เช่นกัน
หลังจากผ่านไปนาน เจสสิก้าก็ค่อยๆ เอ่ยปากพูด “ฉันต้องการทำข้อตกลง”
“เชิญพูดครับ”
เจสสิก้าพูดเสียงหนักแน่น “สมาคมไมเคิลเข้มงวดเป็นพิเศษ พวกมันไม่ยอมให้คนอื่นทรยศได้ อีกทั้งจิตใจเหี้ยมโหดทารุณ…ฉันต้องการรู้ว่าตอนนี้แม่ของฉันปลอดภัยดีหรือเปล่า”
เจสสิก้าอดคิดพิจารณาการดำเนินการต่อไปในอนาคตไม่ได้ เธอถึงกับเป็นกังวลว่าคนของสโมสรจะไม่กลัวคำขู่ของเธอ…หลายปีมานี้ หลังจากเธอได้สติ เธอก็ยิ่งรู้สึกได้ว่า พวกนั้นเป็นคนเสียสติกลุ่มหนึ่ง
เดิมเธอก็ไม่อาจเข้าใจรูปแบบการคิดของคนเสียสติกลุ่มนั้นได้
เจสสิก้าใช้อายุขัยห้าปีเป็นค่าตอบแทน แล้วก็ได้รับคำตอบจากเจ้าของสมาคม
“ขออภัยอย่างยิ่งครับลูกค้า คุณแม่ของคุณเสียชีวิตไปเมื่อยี่สิบห้าปีก่อนแล้ว”
…
…
ลั่วชิวบอกคำตอบที่เจสสิก้าแทบจะล้มทั้งยืน!
“เป็นไปไม่ได้!” เจสสิก้าแทบจะคำรามด้วยความโกรธพลางพูดขึ้น “เป็นไปไม่ได้! หลายเดือนก่อน ฉันยังวิดีโอคอลคุยกับแม่ฉันอยู่เลย! เห็นชัดๆ ว่าเธอยังแข็งแรงดี!”
ลั่วชิวถอนหายใจ “ความจริงแล้ว คุณเป็นลูกกำพร้า ตอนเด็กๆ แม่ของคุณก็ไม่อยู่แล้ว คุณระเหเร่ร่อนอยู่ข้างถนน ถูกคนของสมาคมนั่นพาตัวกลับไป แล้วเริ่มสะกดจิตคุณตั้งแต่ยังเล็กๆ แต่ ‘แม่’ คนนั้นที่คุณพูดถึงคือก็เป็นเพียง…นักแสดงคนหนึ่งที่สมาคมใช้มาทำให้จิตใจของคุณสับสนเท่านั้นเอง”
“คุณหลอกฉัน!”
ลั่วชิวเดินมาถึงตรงหน้าเจสสิก้า ก่อนยื่นมือไปแตะบนหน้าผากของเธอเบาๆ แล้วพูดต่อว่า “ความจริงความทรงจำในตอนเด็กยังคงอยู่ เพียงแต่ถูกซ่อนไว้ในส่วนลึกสุดของสมอง…ถ้าแบบนี้ลูกค้าคงจะเชื่อได้แล้วนะครับ
ความทรงจำในสมองของเจสสิก้าค่อยๆ เผยออกมา
…
ตอนอายุยี่สิบปี
“แม่ แม่สบายใจได้นะ หนูจะต้องกลายเป็นสาวกที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งให้ได้ หลังจากผ่านวันเกิดไปแล้ว หนูก็จะกลายเป็นสมาชิกภาคสนาม ต่อสู้เพื่อภารกิจของพระเจ้า! หนูจะต้องทำให้แม่มีชีวิตที่ดีให้ได้!”
“ลูกรัก อย่าทำงานหนักเกินไปล่ะ ดูแลสุขภาพด้วย ต้องมีแรงถึงจะไปทำทุกอย่างได้นะลูก”
“รู้แล้วค่ะ แม่!”
…
ตอนอายุสิบแปด
“ขอโทษนะคะแม่ การฝึกวันนี้ หนูยังทำไม่ได้ตามเป้าหมาย…”
“ลูกรัก อย่าหักโหมเกินไปนัก ต้องดูแลสุขภาพด้วย ต้องมีแรงถึงจะทำทุกอย่างได้ดี ลูกต้องเชื่อมั่น ว่าพระเจ้าของพวกเราจะเห็นความมุ่งมั่นของลูก”
“แม่คะ…หนู พรุ่งนี้หนูกินพายแอปเปิลที่แม่ทำได้ไหม?”
“ถ้าพรุ่งนี้พยายามเต็มที่ แม่ก็จะทำให้ลูกกินนะ ต้องตั้งใจเข้าล่ะ!”
“ได้ค่ะ! แม่!”
…
ตอนอายุสิบสามปี
“แม่ ฝั่งตรงข้ามกับทะเลคือที่ไหนเหรอคะ? หนู…หนูไม่รู้เลย แต่เคยเห็นฝั่งนั้นที่ข้ามทะเลไปผ่านทางวิดีโอและเทปบันทึกภาพ ที่นั่นก็มีคนเยอะแยะเหมือนกันเหรอคะ?”
“แน่นอน แต่ฝั่งนั้นของทะเลก็เป็นสถานที่อันตรายมากเช่นกัน ลูกต้องจำไว้ว่า มีเพียงที่นี่เท่านั้นพวกเราถึงจะมีความสุขได้”
“ค่ะแม่”
…
สิบขวบ
“แม่…แม่ แม่อยู่ที่ไหน หนู หนูกลัวมาก…”
“ลูกรัก แม่อยู่นี่ไง! ได้ยินเสียงแม่ไหม? เด็กดี หยิบกริชในมือลูกขึ้นมา เห็นสุนัขล่าสัตว์ตัวนั้นไหม? มา เชื่อมั่นในตัวเองนะลูก ฆ่ามันให้ตาย มันเป็นร่างจำแลงของปีศาจร้าย พวกเราในฐานะสาวกของพระเจ้า มีหน้าที่ต้องกำจัดทิ้ง! ฟังนะลูก เพื่อปกป้องสวรรค์ที่พวกเราอาศัยอยู่แห่งนี้ บางครั้งเราจำเป็นต้องใช้กำลังบ้าง นี่เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้…แม่จะทำพายแอปเปิลที่อร่อยที่สุดให้ลูก เป็นเด็กดีนะ…”
แต่ว่า…ก็ยังคงหวาดกลัวมาก
แม่ หนูไม่อยากฆ่าสุนัขล่าสัตว์ตัวนี้เลย…
…
หกขวบ
“นี่คือ…นี่คือที่ไหน”
“ที่นี่น่ะเหรอ? ที่นี่คือสวรรค์ ที่นี่คือสถานที่ที่ไร้ความเจ็บปวดและความโกรธแค้นชิงชังไงล่ะ”
“คุณ…คุณคือใคร?”
“ลูกรัก ลืมแล้วเหรอ? แม่เป็นแม่ของลูกไงล่ะ…”
“แม่…”
“เป็นเด็กดีจริงๆ”
…
ห้าขวบ
“ไสหัวไปๆๆ เจ้าเด็กมอมแมมเนื้อตัวสกปรก อย่ามาอยู่หน้าร้านพ่อฉัน!”
“หนู…หนูหิว…”
“เธออยากกินเหรอ? ขนมปังของที่นี่? ถ้าเธอทำท่าเป็นหมาน้อยคลานสองรอบที่นี่ ฉันก็จะให้เธอกิน”
“โฮ่งๆ…โฮ่งๆ…”
“กินสิ! เจ้าหมาน้อย!”
…
สามขวบ
“แม่ หนูอยากฟังนิทานเรื่องเจ้าหญิงซินเดอเรลล่า!”
“ได้สิ แต่ว่าฟังจบแล้วก็ต้องเข้านอนนะ?”
“อืมๆ!”
“กาลครั้งหนึ่ง มีครอบครัวนายพรานครอบครัวหนึ่ง…”
…
…
เจสสิก้าพิงไปกับผนังกำแพง แล้วค่อยๆ ไถลตัวลงช้าๆ นั่งลงบนพื้นที่เย็นเฉียบ
“ฉัน…เพื่ออะไร…ทำไปเพื่ออะไรกันแน่…”