ราชันเร้นลับ 463 : ถามเองตอบเอง

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 463 : ถามเองตอบเอง โดย Ink Stone_Fantasy

ปาฏิหาริย์คือการคืนชีพจากความตาย?

ไคลน์พลันหวนนึกถึงเรื่องราวรอบตัว

ชายผู้ยิงสมองตัวเองจนทะลุแต่บาดแผลกลับสมานติดกันภายในเวลาอันสั้น ชายผู้ถูกทำลายหัวใจจนแหลกละเอียดและถูกวินิจฉัยว่าเสียชีวิต แต่กลับคลานออกจากหลุมศพได้ในตอนกลางคืนของวันเดียวกัน สิ่งเหล่านี้ต้องเป็น ‘ปาฏิหาริย์’ ในความหมายของผู้นำลัทธิเร้นลับ ซาราธ อย่างไม่ต้องสงสัย!

ไม่เพียงเท่านั้น ลำดับสองของเส้นทางนักทำนายยังมีชื่อว่า ‘ผู้ชี้นำปาฏิหาริย์’ …

ในวินาทีนี้ ไคลน์รู้สึกคล้ายกับตนสามารถจับประเด็นสำคัญได้ แต่ยังมิอาจนำข้อมูลทั้งหมดมาปะติดปะต่อให้เกิดภาพชัดเจน

ไปเป็นตามทฤษฎีของเราก่อนหน้านี้ การตัดสินใจเลือกเส้นทางนักทำนายของเรา ถูกปัจจัยภายนอกรบกวน… อา… ห้วงมิติเหนือสายหมอกสนับสนุนพลังของนักทำนายได้อย่างเหมาะเจาะ โดยเฉพาะพลัง ‘ขจัดการแทรกแซง’ ผลทำนาย… บางที การเกิดใหม่ของเราก็อาจเป็นผลมาจากห้วงมิติเหนือสายหมอกด้วยเช่นกัน…

หลังจากเดินทางมายังเบ็คลันด์ได้ไม่นาน นักเชิดหุ่น โรซาโก้ ก็ถูกบางสิ่งชักจูงให้มาพัวพันกับเราทันที นี่คงเป็นกฎการดึงดูดระหว่างพลังพิเศษในเส้นทางเดียวกัน…

ยิ่ง ‘ระดับ’ ของพลังสูงเท่าไร แรงดึงดูดก็ยิ่งมากเท่านั้น และมิติเหนือสายหมอกคงมีแรงดึงดูดมหาศาล…รวมถึงเหตุการณ์พิสดารของสมุดบันทึกอันทีโกนัส มันควบคุมให้ตุ๊กตาอัปมงคลแสดงสัญลักษณ์เกี่ยวกับเทือกเขาโฮนาซิสต่อหน้าเรา นี่ก็คงเป็นอิทธิพลจากกฎข้อดังกล่าวด้วย…

เมื่อนำทุกปัจจัยมารวมกัน เราสามารถอนุมานได้ว่า ห้วงมิติพิสดารแห่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเส้นทางนักทำนายอย่างลึกซึ้ง…

หรือจะเป็นสมบัติปิดผนึกประจำเส้นทาง? หรือจะเป็นอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ของลำดับ 0 แห่งเส้นทางนักทำนาย?

รวมถึงยังมีโอกาสเป็น ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางนักทำนายด้วยเช่นกัน…

ไคลน์เบือนหน้าออกจากไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ มันเริ่มเกิดความกระหายอยากเป็นครึ่งเทพยิ่งกว่าเก่า เนื่องจากกำลังสงสัยว่า ดินแดนเบื้องบนเหนือ ‘ขั้นบันไดแสง’ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่

ภายในนั้นอาจมีความลับการเดินทางข้ามโลกของเรา รวมไปถึงวิธีกลับบ้าน…

ชายหนุ่มข่มความตื่นเต้นพร้อมกับสลายไดอารีจักรพรรดิโรซายล์ทิ้ง

ใจเริ่มหวาดระแวงหัวหน้าใหญ่แห่งลัทธิเร้นลับ ซาราธ ยิ่งกว่าเดิม

ชายคนนั้นคือบุคคลทรงพลัง และยังเป็นผู้ชี้นำปาฏิหาริย์มานานหลายปีแล้ว!

บางที ซาราธอาจกำลังแอบวางแผ่นชั่วร้ายอยู่ในเงามืด รอคอยให้ถึงเวลาอันเหมาะสมหรือเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น!

แม้ว่าเรื่องราวตึงเครียดจะกำลังผุดเต็มสมองไคลน์ แต่สีหน้าและแววตาภายนอกกลับมิได้เผยอาการผิดปรกติ

“พวกเจ้าเริ่มได้”

ฟอร์สรีบหันไปมองจัสติส ผู้นั่งเก้าอี้ฝั่งเดียวกันกับตน พลางซักถามด้วยสีหน้าแกมคาดหวัง

“อาจารย์ของดิฉันตอบกลับมาแล้ว เขาบอกว่ายินดีขายดวงตามังกรกระจกหนึ่งคู่ในราคาหนึ่งพันปอนด์”

เมื่อกล่าวจบ หญิงสาวพลันรู้สึกผิดในใจ เพราะอาจารย์ของตน โดเรียน·เกรย์ ได้ตั้งราคาให้เธอสูงถึงแปดร้อยปอนด์ นับเป็นราคาสูงกว่าตลาดราวสองสามร้อยปอนด์ และเพื่อตัวเธอเอง ฟอร์สจำเป็นต้องหักค่านายหน้าเพิ่มอีกสองร้อยปอนด์ กลายเป็นหนึ่งพันปอนด์ถ้วน

ด้วยประสบการณ์จากชุมนุมลับมากมาย เราจึงเข้าใจสัจธรรมอย่างถ่องแท้หนึ่งข้อ…เฉกเช่นคำกล่าวของจักรพรรดิโรซายล์ :

“เงินไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา แต่ทุกปัญหาแก้ไขได้ด้วยเงิน”

แม้ว่าเราจะมีรายรับค่อนข้างแน่นอนจากการขายนิยายเรื่องใหม่ และยังมีเงินออมประมาณสามร้อยห้าสิบปอนด์ แต่ค่าใช้จ่ายของเราก็ไม่น้อยเช่นกัน ยังเหลือถุงกระเพาะของผู้กลืนวิญญาณให้ต้องซื้อ ยังเหลือค่าใช้จ่ายสำหรับโอสถลำดับ 7 6 5 และ 4…

มิสเตอร์ฟูลเคยบอกใบ้ว่า เราจะหลุดพ้นจากคำสาปจันทร์เต็มดวงก็ต่อเมื่อกลายเป็นครึ่งเทพแล้วเท่านั้น… จริงอยู่ บางส่วนอาจหาได้จากอาจารย์ แต่เราไม่ควรพึ่งพาตระกูลอับราฮัมไปเสียทั้งหมด…

ดังนั้น ลำพังเงินจากการเขียนนิยายย่อมไม่เพียงพอต่ออนาคต เราต้องมีช่องทางทำเงินด้านอื่นควบคู่…

ราคาหนึ่งพันปอนด์นับว่าค่อนข้างสูง ถ้ามิสจัสติสต้องการต่อรอง เราจะกลับไปขอให้อาจารย์ช่วยลดค่านายหน้าลงสักหนึ่งร้อยปอนด์ จากนั้นค่อยกลับมาเสนอราคาใหม่…

ขณะรอคำตอบจากอีกฝ่าย ฟอร์สกำลังปลอบใจตัวเองไม่ให้รู้สึกผิด

“หนึ่งพันปอนด์?” ออเดรย์คาดไม่ถึงว่าตนจะได้รับข่าวคราวของวัตถุดิบโอสถนักจิตบำบัดเร็วขนาดนี้ จึงต้องถามย้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้ฟังผิด

แต่เด็กสาวไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ เธอรีบเสริมอย่างตื่นเต้นยินดี

“ตกลง!”

แม้ว่าจะยังติดเงินผ่อนงวดสุดท้ายกับไวเคาต์กายลินอยู่ และยังติดเงินผู้รับใช้เดอะฟูลอีกสองพันปอนด์ แต่ออเดรย์ก็ไม่ตระหนี่การใช้จ่ายมากนัก เพราะในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ เธอกำลังจะถูกประกาศให้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

การเป็นผู้ใหญ่ไม่เพียงจะได้รับสิทธิ์บริหารสมบัติของตัวเองมากขึ้น แต่ยังจะได้รับของขวัญราคาแพงอีกหลายชิ้น เช่น เอิร์ลฮอลล์ให้สัญญาไว้แล้วว่า จะโอนหุ้นของธนาคารเบ็คลันด์มูลค่าห้าหมื่นปอนด์ให้เป็นในนามของบุตรสาว รวมถึงเงินสดอีกไม่ต่ำกว่าสองพันปอนด์ ดังนั้น กับสิ่งสำคัญอย่างวัตถุดิบหลักโอสถแสนหายาก การใช้จ่ายหนึ่งพันปอนด์จึงแทบไม่ต้องคิดให้ปวดหัว

โดยก่อนหน้านี้ออเดรย์ได้ขอเลื่อนจ่ายเงินสองพันปอนด์ให้ข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูลไปเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคมแล้ว

ขณะเดียวกัน เธอวางแผนเร่งสะสางหนี้สินของไวเคาต์กายลินให้เสร็จ ไปพร้อมกับการแอบเก็บเงินก้อนหนึ่งสำหรับซื้อวัตถุดิบโอสถนักจิตบำบัด คนในครอบครัวจะได้ไม่เคลือบแคลงการใช้เงินของเธอ

และนี่คือเวลาเหมาะสมสำหรับใช้เงิน!

อย่างน้อย ถ้าเรารัดเข็มขัดให้เหมือนกับช่วงก่อนหน้า ก็คงไม่มีใครเอะใจว่าเราแอบใช้เงินมากผิดปรกติ รอจนกระทั่งมีนาคม อิสระทางการเงินก็จะกลับคืนมาสักที!

เธอตอบตกลงทันที…? ใช่แล้ว เราฟังไม่ผิด เธอตอบตกลงทันที! ฟอร์สทั้งดีใจและสับสน

จากนั้น เธอขอให้เดอะฟูลเป็นสักขีพยานการแลกเปลี่ยน และนัดแนะให้มิสจัสติสจ่ายเงินมาก่อน ตนจะได้นำเงินก้อนดังกล่าวไปซื้อสินค้า และส่งมอบกลับคืนให้ในวันพุธ

ภายในใจฟอร์สกำลังวางแผนว่า เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ เธอจะตรงดิ่งไปยังท่าเรือพริสต์ทันทีเมื่อได้รับเงินหนึ่งพันปอนด์ หลังจากครุ่นคิดจนพึงพอใจ หญิงสาวหันไปจ้องสามสุภาพบุรุษ เดอะซัน แฮงแมน และเดอะเวิร์ล

“มีใครพบเบาะแสถุงกระเพาะของผู้กลืนวิญญาณบ้างไหม”

ในรอบสัปดาห์ผ่านมา หลังจากเริ่มใจเย็นลงและตั้งสมาธิกับการสวมบทบาท ฟอร์สพบว่าตนสามารถย่อยโอสถได้เร็วกว่าช่วงก่อนหน้าถึงสองเท่า หนึ่งสัปดาห์ใหม่มีค่าเท่ากับสองสัปดาห์เก่า

ขอเวลาอีกสิบวัน เธอมั่นใจว่าโอสถผู้ฝึกหัดของใหม่จะถูกย่อยโดยสมบูรณ์

หญิงสาวยังเชื่อด้วยว่า หากเธอสามารถรวบรวมวัตถุดิบหลักของโอสถนักตุกติกได้เองจนครบ ตนจะผ่านบททดสอบแรกของอาจารย์โดเรียน·เกรย์ด้วยคะแนนประเมินสูง นั่นจะทำให้อีกฝ่ายมองตนในมุมใหม่ ไม่ใช่การเป็นศิษย์เพียงเพราะความสงสารหรือหนี้บุญคุณอีกต่อไป

เดอร์ริคพยักหน้ารับ

“ผมกำลังจะบอกคุณอยู่พอดี ทีมสำรวจในคราวนี้ได้รับถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณติดมาแล้ว และผมสามารถแลกเปลี่ยนได้ในราคาต่ำกว่าปรกติ แต่คงต้องรอให้กลับถึงเมืองก่อน แล้วก็ เอ่อ ผมต้องไม่ถูกจับตามองโดยสภาอาวุโส”

“ไม่มีปัญหา แต่ทางคุณไม่ได้ใช้หน่วยเงินทองปอนด์ใช่ไหม” ฟอร์สถามเถรตรง

หลังจากฟังเรื่องราวเกี่ยวกับวังวนกระแสเวลา หญิงสาวเริ่มเข้าใจธรรมชาติของเมืองเงินพิสุทธิ์มากขึ้น

โดยไม่รอให้เดอะซันตอบ อัลเจอร์ชิงแทรก

“คุณสามารถส่งเงินมาให้ผมได้โดยตรง สักสามร้อยปอนด์ก็แล้วกัน ถือว่าเป็นราคากลาง ส่วนผมจะมอบสูตรโอสถ ‘ข้ารับใช้สุริยัน’ ให้เดอะซันเอง”

“มิสเตอร์แฮงแมน คุณมีสูตรโอสถข้าใช้รับสุริยันแล้วหรือ” เดอร์ริคโพล่งถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นโดยไม่ปิดบัง

ในภารกิจปัจจุบัน เด็กหนุ่มเริ่มตระหนักอย่างแจ่มชัดว่า พลังของเส้นทางสุริยันเหมาะแก่การรับมือความมืดเป็นอย่างมาก

จริงอยู่ ลำดับ 6 ของเส้นทางคนยักษ์ อัศวินรุ่งอรุณ สามารถสร้างแสงแรกของวันได้อย่างสว่างไสว แต่ยังเป็นคนละชั้นถ้านำมาเทียบกับความบริสุทธิ์ของแสงศักดิ์สิทธิ์จากเส้นทางสุริยัน

แฮงแมนพยักหน้ารับ

“ถูกต้อง”

ในความเป็นจริง คลังเก็บเอกสารของโบสถ์วายุสลาตันประจำหมู่เกาะรอสต์มีสูตรโอสถข้ารับใช้สุริยันเก็บรักษาไว้ แต่มันเพิ่งมีสิทธิ์เข้าไปอ่านเมื่อไม่กี่วันก่อน โดยอัลเจอร์อาศัยความเจ้าเล่ห์ ฉกฉวยโอกาสบางอย่างอ้างตัวเข้าไปอ่านสูตรผ่านสายตาหนึ่งรอบ

มันให้เหตุผลกับทางโบสถ์ว่า ตนพบเบาะแสของนักบวชของโบสถ์สุริยันเจิดจรัสในทะเลโซเนีย และเมื่ออีกฝ่ายไม่สามารถกลับอินทิสได้ในช่วงนี้ การจะซื้อสูตรโอสถจึงต้องเกิดขึ้นภายในทะเลโซเนีย ดังนั้น หากต้องการจะจับตัวมาสอบสวน อัลเจอร์ใช้ข้ออ้างว่า ตนจำเป็นต้องทราบวัตถุดิบทั้งหมดของโอสถข้ารับใช้สุริยันเสียก่อน

พฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นเหตุการณ์ปรกติ เพราะโบสถ์วายุสลาตันและโบสถ์สุริยันเจิดจรัสขัดแย้งกันอย่างรุนแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เดอร์ริคโล่งใจในตอนต้น แต่จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วน

“สูตรโอสถลำดับ 7 มีค่ามากกว่าถุงกระเพาะของผู้กลืนวิญญาณหลายเท่า ล…และผมก็ไม่มีทองปอนด์จะมอบให้คุณ”

“ไม่ต้องห่วง คุณสามารถเพิ่มเติมด้วยวัตถุดิบโอสถมูลค่าใกล้เคียงกันได้” แฮงแมนตอบเสียงเรียบ ท่าทีเป็นไปอย่างคล่องแคล่วราวกับเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว “แต่ผมยังไม่ทราบว่าทางคุณมีวัตถุดิบประเภทใดบ้าง… ก่อนอื่น ช่วยจดรายชื่อสัตว์ประหลาดรอบเมืองเงินพิสุทธิ์อย่างละเอียดรวมถึงวัตถุดิบโอสถเกี่ยวข้องมาให้ผม จากนั้น ผมจะเลือกให้เหมาะสมกับราคาเอง”

“ไม่มีปัญหา ไว้ภารกิจสำรวจคราวนี้จบลงเมื่อไร ผมจะรีบจัดการให้ทันที” เดอร์ริคถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย

ไม่ห่างออกไป ไคลน์อยากเลื่อนมือขึ้นมาปิดหน้าเมื่อเห็นว่าเดอะซันหลงกลแฮงแมนเข้าอีกแล้ว ว่ากันตามตรง มันเองก็อยากทราบว่าสัตว์ประหลาดรอบเมืองเงินพิสุทธิ์ประกอบไปด้วยสายพันธุ์ใดบ้าง และมอบวัตถุดิบโอสถแบบใด แต่ข้อมูลดังกล่าวมีราคาต้องจ่าย จึงไม่เคยหยิบยกขึ้นมาพูด

ขณะออเดรย์กำลังถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แฮงแมนกวาดสายตาหนึ่งรอบและบอกข้อเรียกร้องกับทุกคน

“ผมต้องการดวงตาของอินทรีทะเลตามังกรหนึ่งคู่ จะจ่ายให้อย่างเหมาะสม”

ในคราวนี้ เขาเอ่ยเพียงดวงตาของอินทรีทะเลตามังกร…หรือก็คือ มิสเตอร์แฮงแมนพบเบาะแสของผลึกขนเหยี่ยวเงาฟ้าแล้ว…รวดเร็วมาก เขามีช่องทางและเครือข่ายข้อมูลกว้างขวางแค่ไหนกัน…

ออเดรย์ ผู้ทราบสูตรผลิตโอสถข้ารับใช้วายุอย่างคร่าว กำลังนั่งประเมินสถานการณ์

เมื่อช่วงเวลาแลกเปลี่ยนจบลง ถัดไปเป็นการพูดคุยอิสระ แต่ละคนเริ่มเล่าถึงสถานการณ์ในละแวกใกล้เคียงของตัวเองไปตามปรกติ ชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์ดำเนินเข้าใกล้จุดยุติเต็มที

ระหว่างนั้น เดอะเวิร์ลพยายามถามถึงเบาะแสของนางเงือก แต่ก็ได้รับคำตอบแบบเดียวกับชารอน คือ ชาวประมงมากประสบการณ์ของหมู่เกาะการ์กัสเคยได้ยินพวกหล่อนร้องเพลงในวันพายุโหมกระหน่ำ

เมื่อใกล้ยุติชุมนุม ไคลน์ ผู้จับตามองทุกคนอย่างเงียบงันมาสัก ตัดสินใจตักเตือนมิสจัสติสและมิสเมจิกเชี่ยน

วัตถุทรงพลังซึ่งต้องสงสัยว่าจะเป็นสมบัติปิดผนึกระดับ 0 ปรากฏตัวใกล้กับองค์ชายเอ็ดซัค และบางที สิ่งนี้อาจเกี่ยวพันกับสมบัติปิดผนึกรหัส 0-08 จึงต้องเตือนให้ระวังตัวมากเป็นพิเศษ เพราะในอดีตเคยมีเรื่องราวคล้ายคลึงกันเกิดขึ้นมาแล้ว เมืองทิงเก็นต้องเผชิญกับการคืนชีพทายาทของพระผู้สร้างแท้จริง จนเกือบถูกลบชื่อไปออกจากทวีป!

ดังนั้น เมื่อเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันอาจเกิดขึ้นในเบ็คลันด์ มันกังวลว่าสองสาวชาวเมืองหลวงอาจติดร่างแหไปด้วย จึงบังคับให้เดอะเวิร์ลกล่าวกับทุกคนด้วยเสียงแหบพร่า

“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน ผมได้รับข้อมูลมาว่า ในเบ็คลันด์กำลังจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น อาจเป็นเหตุการณ์ใหญ่ระดับภัยพิบัติซึ่งสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง”

“เป็นเหตุการณ์ใหญ่แบบไหน” ออเดรย์ซักถามอย่างกังวล

คิ้วของเธอขมวดชนกันโดยไม่รู้ตัว

“ผมเองก็ไม่ทราบ” เดอะเวิร์ลส่ายหน้า

“แล้วปัจจัยใดคือสาเหตุของเรื่องร้ายแรงดังกล่าว” ฟอร์สถามในอีกหนึ่งมุม

จากประวัติในอดีต ข้อมูลของเดอะเวิร์ลค่อนข้างน่าเชื่อถือ

เดอะเวิร์ลยังคงส่ายหน้าพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

“ข้อมูลในมือผมค่อนข้างขัดแย้ง จึงไม่สามารถระบุคำตอบอย่างชัดเจนได้”

เมื่อกล่าวจบ เดอะเวิร์ลเงยหน้าขึ้นพลางมองไปยังสุดขอบโต๊ะทองแดงฝั่งตรงข้าม

“ท่านเดอะฟูลผู้ยิ่งใหญ่ ข้ารับใช้ของท่านในเบ็คลันด์คงสัมผัสถึงบางสิ่งได้ใช่ไหม”

สายตาทุกคนพลันหันไปทางเดอะฟูลโดยมิได้นัดหมาย อารมณ์พวกมันหลากหลายแตกต่างกันไป บ้างใครรู้ บ้างกังวล บ้างคาดหวัง และบ้างตึงเครียด

เมื่อตระหนักว่าทุกคนกำลังสนใจ ไคลน์เอนกายพิงพนักเก้าอี้ด้วยมาดสง่างาม

ตามด้วยการกล่าวเสียงเรียบ

“เอ็ดซัค·ออกัสตัส”

……………………