แดนนิรมิตเทพ บทที่ 703
ซุนบาเทียนที่อยู่กลางอากาศเบิกตากว้าง และรู้สึกตกใจมาก “นี่มันเป็นพลังอะไรกันแน่? นึกไม่ถึงว่ามันจะสามารถทะลวงพลังปราณป้องกันกายของผมได้โดยตรง!”

“ถึงแม้ว่าผมจะเป็นปรมาจารย์แดนคุ้มกาย แต่ผมก็ใกล้เข้าสู่แดนมองขวัญแล้ว และแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์แดนคุ้มกายทั่วไป เมื่อเทียบกับอาจารย์ที่เข้ามาหัวเซี่ยตอนนั้นแล้ว ผมยังแข็งแกร่งว่าเขาอีกระดับ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาแล้ว ผมไม่สามารถต้านได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว!”

“เจ้าเด็กคนนี้มีความแข็งแกร่งขนาดไหน? หรือว่าเขาฝึกไปจนถึงแดนเทพแล้ว?”

“ไม่ ไม่ว่าพลังบำเพ็ญของเขาจะอยู่ที่แดนไหน เด็กคนนี้ก็ไร้เทียมทานอย่างแน่นอน!”

ขณะนี้ ซุนบาเทียนคิดอยู่คำเดียว หนี!

ทันทีที่เขาเกิดความคิดที่จะหลบหนี ซุนบาเทียนพลิกตัวกลางอากาศทันที อาศัยแรงกระแทกแล้วพุ่งไปที่ประตูทันที

เมื่อทุกคนเห็นเจตนาของซุนบาเทียนแล้ว สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“อะไรกันนี่! เขาคิดจะหลบหนี! ซุนบาเทียนที่ยโสโอหัง เขาคิดจะหนีหลังจากต้านพลังหมัดของเฉินไต้ซือไปได้สองหมัด!”

ความเร็วของซุนบาเทียนนั้นเร็วมาก บวกกับความคิดที่จะหลบหนี ทำให้สามารถระเบิดศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัด พริบตาเดียวเขาก็มาถึงประตูใหญ่แล้ว

สีหน้าของเฉินโม่ยังคงสงบ และกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คิดจะหนีตอนนี้ มันสายเกินไปแล้ว!”

ติง!

เสียงกระบี่ดังขึ้น ดูเหมือนจะดังมาจากใจของทุกคน

กระบี่สับสวรรค์ประกายแสงสีทอง เพียงชั่วพริบตา มันก็ทะลุหน้าอกของซุนบาเทียน

ร่างของซุนบาเทียนหยุดอยู่ที่ประตูใหญ่ของอาคารสีฝ่าย เนื่องจากเขาหันหลังให้ทุกคน ดังนั้นตอนนี้ทุกคนจึงไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของซุนบาเทียนได้

“เป็นไป…….ได้อย่างไร!” ซุนบาเทียนเห็นเลือดไหลออกมาจากหน้าอกของตนเอง ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

เพียงแต่ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว ร่างกายของซุนบาเทียนล้มอยู่ตรงประตูใหญ่ด้วยเสียงดังสนั่น

ซุนบาเทียนวีรบุรุษรุ่นใหญ่ที่สามารถเอาชนะปรมาจารย์ด้วยสามหมัด เขาเพียงคนเดียวสามารถสยบผู้ทรงอิทธิพลของเจียงหนาน เจียงเป่ย ไห่ตง และไห่ซีทั้งสี่มณฑลได้ แต่กลับถูกเฉินไต้ซือฆ่าตายด้วยสามกระบวนท่า!

ขณะที่ร่างกายของซุนบาเทียนล้มอยู่บนพื้น ดูเหมือนมีของบางอย่างที่อยู่ในใจของทุกคนจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

ทุกคนเงียบ!

สายตาของทุกคนจับจ้องชายหนุ่มที่เอามือไพล่หลังที่ยืนอยู่บนเวที

ขณะนี้ ตอนแรกชายหนุ่มที่ไม่เด่น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะปกคลุมด้วยแสงสีทอง ส่องแสงเป็นประกาย ทำให้คนไม่กล้ามองเขาโดยตรง!

“ห๊ะ!” ฉีเยว่หยูลุกขึ้นอย่างกะทันหัน และตะโกนด้วยความตื่นเต้น “เฉินโม่ นายเก่งมาก!”

ตอนนี้มู่หรงยานเอ๋อร์รู้สึกผ่อนคลาย แล้วรอยยิ้มที่พึงพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่สวยงามของเธอ

มู่หรงเค่อและลุงสุ่ยต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก ซุนบาเทียนเสียชีวิตแล้ว ตระกูลมู่หรงพ้นวิกฤตอีกครั้ง

เฉินโม่ยืนอยู่บนเวที เหลือบมองมู่หรงเค่อเบา ๆ และไม่เร่งรีบที่จะลงมาจากเวที เขาเชื่อว่าตอนนี้มู่หรงเค่อที่เจ้าแผนการ น่าจะเข้าใจเจตนาของเขา

ก่อนที่ทุกคนจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง มู่หรงเค่อลุกขึ้นทันทีและตะโกนว่า “หวงเจิ้นหลง การเดิมพันเมื่อสักครู่ ยังรักษาสัญญาอีกไหม?”

หวงเจิ้นหลงซึ่งยังไม่หายจากความตกใจ ตอบรับคำหนึ่ง เขามองเฉินโม่ที่ยืนอยู่บนเวทีโดยเอามือไพล่หลัง ขาของเขาเริ่มสั่นอีกครั้ง

แรงกดดันของเฉินโม่เมื่อสักครู่ ได้ทิ้งเงามืดไว้ในใจของเขาแล้ว และเกรงว่าชาตินี้เขาคงต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้เงามืดของเฉินโม่แล้ว

“รักษาสัญญา รักษาสัญญา! ผมยินยอมมอบไห่ตงให้เฉินไต้ซือ!” หวงเจิ้นหลงคุกเข่าข้างหนึ่งทันที ประสานมือทั้งสองข้างแล้วยกขึ้นเหนือศีรษะ และรู้สึกเลื่อมใสเฉินโม่เป็นอย่างมาก

มู่หรงเค่อหันไปมองเสิ่นฉีเซิ่ง และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เสิ่นฉีเซิ่ง สิ่งที่คุณเอาไปจากผม ตอนนี้ควรจะคืนมาให้ผมได้แล้ว?”

เสิ่นฉีเซิ่งเหลือบมองเฉินโม่อย่างเงียบ ๆ และพบว่าสายตาของเฉินโม่ก็มองมาที่เขาเช่นกัน