บทที่ 925 ว่านอนสอนง่ายจนน่าปวดใจ / บทที่ 926 คุณแม่ทำได้ดีมาก

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 925 ว่านอนสอนง่ายจนน่าปวดใจ

ในเวลาเดียวกัน บ้านเก่าตระกูลเยี่ย

ในสวน เหลียงเหม่ยซวนที่กำลังจิบชายามเช้าตามสบายวางถ้วยชาในมือลงอย่างตกใจอย่างยิ่ง “อีอี ลูกพูดจริงเหรอ สวีหลินขายบทนั้นให้เยี่ยมู่ฝานไปแล้ว? ลูกไม่ได้เข้าใจผิดแน่นะ…”

“คุณแม่ไม่ต้องห่วง หนูให้คนไปยืนยันโดยเฉพาะแล้ว ไม่ผิดแน่นอน”

เหลียงเหม่ยซวยพลันตาวาว “งั้นก็หมายความว่า ครั้งนี้พวกเราก็สามารถใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ มาจัดการเจ้าเด็กเหม็นนั่นเด็ดขาดสินะ!”

เยี่ยอีอีจิบชาด้วยท่วงท่าสง่างามก่อนเอ่ยปาก “สวีหลินใช้บทละครเหรียญทองของบริษัทพวกเราโดยมิชอบ พวกเขาก็ถ่ายหนังไม่ได้ เงินที่จ่ายออกไปทั้งหมดก็ต้องเสียเปล่า”

เหลียงเหม่ยซวยได้ยินก็อารมณ์ดีมาก “ไม่กี่วันก่อน คุณปู่คุณยาลูกยังโม้ต่อหน้าแม่ว่าเยี่ยมู่ฝานได้กำไร เริ่มมีพัฒนาการแล้ว!”

“หึ เจ้าเด็กเหม็นนั่นก็แค่เปิดบริษัทรูหนูเท่านั้น น่าภูมิใจตรงไหน ตอนนี้ก็ดีเลบ ถ้าคุณปู่คุณย่าลูกรู้ว่าเยี่ยมู่ฝานขมโยบทของพวกเราหวงเทียนมาถ่ายหนัง ลูกว่า คุณปู่คุณย่าจะคิดยังไง”

เยี่ยอีอีตาวับวาว “คุณปู่คุณย่าต้องไม่เชื่อเขาอีกแน่”

เหลียงเหม่ยซวนยิ้มเย็น “หึ ครั้งก่อนเด็กบ้านั่นปากหวานหลอกลวงคนอื่น กลับดำเป็นขาว ถึงกับหลอกจนคุณปู่คุณย่าเชื่อใจมัน ทำเอาพ่อลูกสุดท้ายได้แต่ต้องหาคนลวกๆ มารับบาป อีอี เรื่องนี้ลูกต้องใช้ประโยชน์เรื่องนี้ให้เต็มที่นะ แม่จะดูว่าเจ้าเด็กนั่นคราวนี้จะยังเล่นลิ้นยังไง!”

เยี่ยอีอีเอ่ยอย่างคิดถี่ถ้วน “ทุกอย่างหนูส่งคนไปเตรียมพร้อมแล้ว หลักฐานไม่ขาดสักอย่างเดียว การฟ้องร้องนี้พวกเราต้องชนะอย่างไม่ต้องสงสัย คุณแม่ค่ะ หนูพูดก่อนนะว่า พวกเราต้องรอคอยโอกาสอย่างเงียบๆ ด้วยนิสัยของเยี่ยมู่ฝาน เขาทำตัวเองตายได้อยู่แล้ว”

เหลียงเหม่ยซวนได้ยินก็มีสีหน้าภูมิใจ “อีอีลูกพูดถูกต้อง ลูกสาวของแม่ฉลากที่สุด! สองพี่น้องหน้าโง่นั่นรวมกันยังไม่เท่านิ้วเท้าเดียวของลูก! จำเป็นต้องใส่ใจที่ไหนกัน!”

คฤหาสน์เล็กในสวนดอกไม้

หลังเยี่ยหวันหวั่นฆ่าเยี่ยมู่ฝานในประโยคเดียวแล้ว ท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เยี่ยหวันหวั่นรีบเร่งลงชั้นล่าง เห็นเพียงว่าถังถังนั่งอยู่หน้าโต๊ะอาหารทานข้าวเช้าแล้ว

เด็กน้อยนั่งอยู่ยนเก้าอี้เล็ก กินข้าวเป็นจังหวะราวกับเครื่องจักรยังไงยังงั้น

เมื่อคืนเยี่ยหวันหวั่นกังวลทั้งคืน กลัวว่าตัวเองจะดูแลเด็กไม่ดี

หลังเธอค้นหาในอินเตอร์เน็ต เห็นหัวหน้าครอบครัวมากมายค่อนแค่ะว่าลูกตัวเองบกพร่องอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งยังเลี้ยงยาก เธอค้นพบว่าการดูแลเด็กจำต้องสนใจเรื่องมากมาย การเลี้ยงเด็กยากเย็นขนานแท้ ทำเอาเธออ่านจนนอนไม่หลับ…

เยี่ยหวันหวั่นคิดแผนที่แย่ที่สุดและเตรียมทำใจรับมือเรื่องที่อาจเกิดขึ้นฉับพลันไว้แล้ว

แต่เธอไม่คาดคิดสักนิดเดียวว่า เช้าวันแรกของการเริ่มเลี้ยงเด็ก เธอไม่ได้ยุ่งมือไม้เป็นพัลวันอย่างที่คิดแม้แต่น้อย

เด็กน้อยตื่นนอนเอง แต่งตัวเอง ล้างหน้าแปรงฟันเอง นั่งหน้าโต๊ะกินข้าวกินข้าวเอง ส่วนเรื่องอาหารก็ไม่เลือกกินสักนิดเดียว เตรียมอะไรให้ก็กินอันนั้น

เด็กคนนี้ว่านอนสอนง่ายจนน่าปวดใจจริงๆ…

เยี่ยหวันหวั่นเดินเข้าไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน ถามเสียงอ่อนโยน “ถังถัง ชินกับอาหารการกินหรือยัง”

เด็กน้อยวางตะเกียบ หลังเคี้ยวของในปากเสร็จก็เอ่ยตอบ “ชินแล้ว”

———————————————————————–

บทที่ 926 คุณแม่ทำได้ดีมาก

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ถ้าไม่ชินตรงไหน ต้องบอกแม่เลยนะ!”

เนี่ยถังเซียวตอบ “ตกลง”

จากนั้นเยี่ยหวันหวั่นก็ไม่รู้ว่าตัวเองครพูดอะไี ควรทำอะไรแล้ว

แม่อย่างเธอ ทำหน้าที่ได้ไม่ค่อยดีไปหรือเปล่า

“จริงสิ ถังถัง แม่ไปเอาผลไม้มาให้ลูกนะ!”

เยี่ยหวันหวั่นรีบเดินไปที่ห้องครัว

“เจ้านาย ไม่เห็นจำเป็นต้องทำเรื่องพวกนี้เลย ให้ผมเตรียมให้ก็ได้!” เจ้าอ้วนเอ่ยอย่างสุภาพนอบน้อมเต็มที่

เยี่ยหวันหวั่นเอ่ย “ไม่ต้องหรอก เอาแอปเปิ้ลให้ฉันลูกเดียวก็พอ”

“ครับๆ” เจ้าอ้วนเลือกแอปเปิ้ลลูกที่สวยที่สุดให้เยี่ยหวันหวั่นหนึ่งลูก

เยี่ยหวันหวั่นรับแอปเปิ้ลมา หยิบมีดปอกผลไม้หนึ่งเล่ม จากนั้นก็กลับไปที่ห้องทานอาหาร

“ถังถัง เดี๋ยวแม่ปอกแอปเปิ้ลให้นะ!”

เยี่ยหวันหวั่นพูดจบก็เริ่มปอกแอปเปิ้ลเป็นรูปกระต่ายน้อยน่ารักตามวิธีที่จำมาจากในอินเตอร์เน็ต จากนั้นก็วางลงบนชามพอร์ซเลน

กระต่ายน้อยแต่ละตัวล้อมกันเป็นวงกลม ดูน่ารักดึงดูดเด็กเป็นอย่างมาก

“ถังถัง กินผลไม้กัน!”

เนี่ยถังเซียวมองผลไม้ที่ถูกตัดเป็นรูปกระต่ายด้วยอารมณ์ซับซ้อนอย่างเห็นได้ชัด “คุณแม่ ผมไม่ใช่เด็กอายุสองสามขวบแล้ว”

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออก

เอ่อ…งั้น เด็กสี่ห้าขวบก็ไม่ใช่เด็กเล็กแล้วเหรอ…

“โอ้ ถังถังไม่ชอบเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นผิดหวังเล็กน้อย

เนี่ยถังเซียวตอบ “ก็แค่ไม่จำเป็น”

“โอ้…” เยี่ยหวันหวั่นผิดหวังจนแม้แต่คอก็ลู่ตกแล้ว

เห็นท่าทางผิดหวังของเยี่ยหวันหวั่น เนี่ยถังเซียวก็มีสีหน้าทะมึนทึน

เยี่ยหวันหวั่นฟุบโต๊ะอย่างห่อเหี่ยว “จู่ๆ แม่ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์เลย…ทำอะไรเพื่อลูกไม่ได้สักอย่าง…”

ท่าทางของเด็กน้อยยิ่งหนักอึ้งแล้ว เสมือนกับว่าเจอปัญหายากที่แก้ไม่ได้

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เด็กน้อยเม้มปาก จากนั้นจึงยื่นมือเล็กไปลูบหัวเยี่ยหวันหวั่นเบาๆ “คุณแม่ทำได้ดีมาก”

“จริงเหรอ” เยี่ยหวันหวั่นพลันเงยหน้าขึ้นมาราวกับดอกทานตะวันบาน

เนี่ยถังเซียวหยิบแอปเปิ้ลกระต่ายขึ้นหนึ่งตัว “อืม ผมชอบมาก”

เยี่ยหวันหวั่นเหมือนฟ้าหลังฝนไม่ปาน “งั้นก็ดีแล้ว กินเยอะๆ เลยนะ กินเยอะดีต่อร่างกาย!”

เห็นยยหกลับมาร่าเริงแล้ว เด็กน้อยก็ถอนหายใจอย่างยากสังเกตเห็น “อืม”

เมืองหลวงที่ห้องอาหารแห่งหนึ่ง

ถานเจิ้นซินดื่มชาอย่างสำราญไปพลาง เอ่ยชี้แนะอย่างจริงใจใปพลาง “สวีหลิน ผมเคยบอกแล้วว่าไม่ช้าเร็วคุณก็จะต้องกลับมาหาผม”

ผู้ชายตรงข้ามโต๊ะอาหารใต้เปลือกตาเขาคือดวงตาสีดำสนิท สีหน้าเต็มไปด้วยความอิดโรย “ผมเขียนบทละครให้คุณอีกบทก็ได้ แต่ได้โปรดคืน ‘เป็นหรือตาย’ ให้ผมเถอะ”

ถานเจิ้นซินหัวเราะเสียงเบา “ฮะๆ ถ้าเมื่อก่อนคุณพูดขนาดนี้ก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่ตอนนี้ เงื่อนไขเห็นทีว่าไม่ได้คุยงานขนาดนั้นแล้ว!”

สวีหลีกำหมัดแน่น เขากัดฟันเอ่ย “ผมยอมทำงานฟรีตลอดชีวิต ไม่เซ็นสัญญารับสิทธิ์ด้วย ได้โปรดคืน ‘เป็นหรือตาย’ ให้ผมเถอะ บทเรื่องนี้ผมเซ็นสัญญากับบริษัทอื่นแล้ว ผมจะสร้างความเสียหายให้พวกเขาไม่ได้!”

ถานเจิ้นซินส่ายหน้า เผยสีหน้าเห็นใจ “สวีหลินอา คุณช่างยังไร้เดียงสาเหมือนเดิม ตอนนี้คุณยังไม่รู้อีกเหรอ

“‘เป็นหรือตาย’ เป็นของผม งานทุกงานหลังจากนี้ของคุณก็เป็นของผม…ส่วนคุณ ไม่มีอำนาจต่อรองกับผมเลยแม้แต่น้อย!”

ถานเจิ้นซินมีสีหน้าไร้ความเกรงกลัว ถ้าสวีหลินไม่อยากเสียจุดยืน ชั่วชีวิตนี้ก็มีแต่ต้องเป็นวัวให้เขาขี่เท่านั้น…

………………