ภาคที่ 24 ผู้เคารพที่แข็งแกร่งที่สุด ตอนที่ 3

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตระกูลเทพอากาศเชื้อเชิญ โดย Ink Stone_Fantasy

 

ขณะที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสอบถามผ่านเขตลวง กลางฟากฟ้านอกดวงดาราแห่งนี้ก็มีเรือรบลำหนึ่งมาถึง

ภายในเรือรบ บุรุษผู้มีเกล็ดสีเขียวปกคลุมทั่วร่างซึ่งสวมเกราะสีเงินคนหนึ่งกำลังมองภาพที่ปรากฏขึ้นภายในเรือรบด้วยสายตาเย็นชา ในภาพนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังสอบถามอยู่

“สิ่งมีชีวิตจากจักรวาลภายนอกหรือ ช่างบังอาจนัก กล้าลงมือกับชนรุ่นหลังของข้า ‘ซานตาน’ ด้วย” ดวงตาสีทองของบุรุษผู้นี้เต็มไปด้วยแววเย็นเยียบ ทว่าเขาก็ยังคงตรวจสอบพลังของอีกฝ่ายด้วยความเคยชินต่อไป

วิ้ง!

เรือรบมีระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างกวาดผ่านดวงดาราดวงนั้นไป

“อะไรกัน” เดิมทีบุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินยังเยือกเย็น แต่ยามนี้กลับหน้าถอดสี “กลิ่นอายวิญญาณเป็นระดับผู้เคารพอย่างนั้นหรือ”

เรือรบลำนี้เขาได้รับเป็นของประทานจากการติดตามท่านชาย มันเชี่ยวชาญด้านการทะลุกาลมิติและการตรวจสอบกลิ่นอายวิญญาณเป็นอย่างมาก แม้จะไม่เยี่ยมยอดเท่าวิญญาณอาวุธน้ำเต้าสีดำที่สามารถตรวจดูได้แม้แต่ระดับความแข็งแกร่งของวิญญาณก็ตามที แต่อย่างน้อยก็สามารถรู้ระดับพลังของอีกฝ่ายได้อย่างคร่าวๆ!

“คิดไม่ถึงว่าข้าแค่ออกมาตามอำเภอใจครั้งหนึ่ง จะได้พบกับผู้แกร่งกล้าจากต่างจักรวาลเข้า ทั้งยังเป็นระดับผู้เคารพอีกด้วย” บุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินพยักหน้าเล็กน้อย

“วิ้ง”

ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งเดิมทีกำลังทำความเข้าใจกับข้อมูล  และติดต่อกับวิญญาณอาวุธโดยผ่านร่างจริงในบ้านเกิดไปพร้อมกันก็พลันสัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างที่พาดผ่านตนไป ระลอกคลื่นนี้อ่อนนัก แต่ไม่ว่าจะเป็นฟ้าดินโลกเทียมหรือการควบคุมอากาศ ก็พบระลอกคลื่นอันเร้นลับนี้ด้วยกันทั้งสิ้น

“เอ๊ะ” สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงพลันเปลี่ยนแปรไป เขาอดหันไปมองมิได้ สายตาของเขามองทะลุผ่านกำแพงของตำหนักที่อยู่ ก็เห็นเรือรบที่อยู่กลางฟากฟ้าลำนั้น สายตาของเขาถึงขั้นมองทะลุอากาศและเห็นบุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินภายในเรือรบคนนั้นด้วย

ทั้งสองสบสายตากันอยู่ห่างๆ

“น้องชายต่างเผ่าคนนี้ช่างความรู้สึกไวนัก สามารถพบข้าได้ด้วย” เสียงหนึ่งดังก้องขึ้น บุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินปรากฏกายขึ้นในโถงตำหนักแห่งนี้แล้ว “ดูจากท่าทางของเจ้า คงจะมิใช่สิ่งมีชีวิตจากแปดจักรวาลใหญ่ที่พวกข้าพิชิตได้หรอกกระมัง”

ตงป๋อเสวี่ยอิงมองอีกฝ่าย

เมื่อครู่เขาได้ล่วงรู้ข้อมูลไปไม่น้อย และได้รู้ว่าในฐานะที่จักรวาลแห่งนี้เป็นระบบการบำเพ็ญสายเลือด จึงชมชอบสงครามนัก! จักรวาลนี้ยังสร้าง ‘ทางเชื่อมจักรวาล’ ขึ้นมาเป็นประจำ และได้อาศัยทางเชื่อมจักรวาลพิชิตจักรวาลอื่นไปแล้วถึงแปดแห่ง การจะพิชิตจักรวาลหนึ่งได้นั้น ต้องมีทางเชื่อมจักรวาลระดับสูงสุดจึงจะสามารถทำให้บรรดาผู้ปกครองบุกเข้าไปได้ อย่างทางเชื่อมจักรวาลที่ตงป๋อเสวี่ยอิงใช้เข้ามานั้น  มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่ยังมิได้หลุดพ้นจึงจะเข้าออกได้ เห็นได้ชัดว่ามิอาจส่งทัพใหญ่เข้าไปพิชิตได้

แน่นอนว่าแม้พวกเขาจะพิชิตจักรวาลทั้งแปดแล้ว แต่กลับดีกว่าลัทธิจอมมารดามากทีเดียว

พวกเขาปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตในจักรวาลเดิมอย่างโอบอ้อมอารี เพียงแค่ให้ชนเผ่าของตนไปยังจักรวาลอื่นแล้วทำการวิวัฒน์เท่านั้น พวกเขาถึงขั้นปฏิบัติต่อชนต่างเผ่าอย่างเท่าเทียมกับที่ปฏิบัติต่อผู้แกร่งกล้าของเผ่าตน

“ข้ามีนามว่าตงป๋อเสวี่ยอิง มายังจักรวาลนี้เป็นครั้งแรก” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย

“ข้ามีนามว่าซานตาน” บุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินปรายตามองชนรุ่นหลังสองคนด้านข้างที่กำลังตกอยู่ในเขตลวง “นับได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของเจ้าหนุ่มสองคนนี้ พวกเขาล้วนเป็นชนรุ่นหลังตามสายเลือดของข้า”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพลันรู้สึกกระอักกระอ่วนใจขึ้นมา

ตนสำแดงเขตลวงออกมาใส่ชนรุ่นหลังของอีกฝ่ายเข้าพอดี

“ฮ่าฮ่าฮ่า…เจ้าอาจจะไม่รู้กระจ่างนัก ว่าพวกเราสามารถสัมผัสรับรู้ถึงชนรุ่นหลังตามสายเลือดของตนได้ตลอดเวลา และย่อมจับตามองคนที่มีพลังแข็งแกร่งเป็นธรรมดา” บุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินเอ่ย “และข้าก็รับรู้ได้ว่าสิ่งมีชีวิตรุ่นหลังของข้ามีสภาพไม่ค่อยชอบมาพากลนัก จึงเร่งมาหา”

“น่าละอายนัก ข้ามาครั้งแรก ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งสิ้น จึงได้กระทำการเช่นนี้ลงไป” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว ขณะเดียวกันเขาก็เก็บเขตลวงลงไป

ชนรุ่นหลังตามสายเลือดสองคนที่หลับใหลอยู่ก็ฟื้นขึ้นมาทันที พวกเขามองคนทั้งสองที่เพิ่งปรากฏขึ้นใหม่ในโถงตำหนักด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองเห็นบุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงิน พวกเขาก็รีบลุกพรวดขึ้นมา แล้วตะโกนด้วยความตื่นเต้นและบ้าคลั่งว่า “ท่านประมุขตระกูล!”

สายเลือดภายในกายทำให้พวกเขาเข้าใจว่า คนตรงหน้าผู้นี้ก็คือบรรพบุรุษต้นตระกูลของตน

ผู้ก่อตั้งตระกูล ผู้แกร่งกล้าเป็นที่สุด ท่านประมุขตระกูล…ซานตาน!

“อืม” บุรุษเกล็ดสีเขียวเกราะสีเงินพยักหน้าเนือยๆ “ที่ข้ามาก็เพื่อมาหาสหายของข้าคนหนึ่ง พวกเจ้าทำธุระของพวกเจ้าต่อไปเถิด”

“น้องตง พวกเราออกไปคุยกันหน่อยดีไหม” ซานตานเกรงอกเกรงใจเป็นอันมาก

“ได้สิ ทว่าพี่ซานตาน ท่านเรียกข้าว่าตงป๋อเหมือนเดิมเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบพึมพำ น้องตงหรือ คำเรียกขานเช่นนี้ตนเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก

สวบๆ

ไม่นานนักพวกเขาทั้งสองก็มาถึงกลางท้องฟ้านอกโลก

“ฮ่าฮ่าฮ่า ตงป๋อ เจ้าเพิ่งมายังจักรวาลของพวกเรา ยังเข้าใจอะไรไม่มาก แต่ก็คงจะรู้จักตระกูลระดับจักรพรรดิทั้งสามกระมัง นั่นก็คือตระกูลเทพอากาศทั้งสาม” ซานตานเอ่ย

“ข้าเพิ่งจะเคยได้ยิน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย

“ตอนนี้ข้าอุทิศตนให้แก่ ‘ตระกูลเจียวอวิ๋น’ หนึ่งในตระกูลระดับจักรพรรดิทั้งสามอยู่” ซานตานกล่าว “จักรพรรดิเจียวอวิ๋นมีบุตรสามคน ซึ่งก็คือท่านชายทั้งสาม สายเลือดของพวกเขาไม่ธรรมดา และมีความสามารถอันสูงส่งยิ่งซ่อนอยู่ บวกกับสถานะอันสูงศักดิ์ จึงสามารถโยกย้ายทรัพยากรจำนวนมากได้ ผู้แกร่งกล้ามากมายล้วนอยากติดตามท่านชาย บัดนี้ข้าติดตามท่านชายสาม ‘เจียวอวิ๋นหลิว’ อยู่”

ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วก็พยักหน้า เขาก็พอจะเดาได้

ในระบบการบำเพ็ญสายเลือด แน่นอนว่าบุตรของเทพอากาศย่อมมีสถานะอันสูงศักดิ์อย่างยิ่ง บวกกับความสัมพันธ์ระหว่างบิดาและบุตร ก็ย่อมเลี้ยงดูบุตรของตนด้วยความใส่ใจ แค่เทพอากาศเจียดทรัพยากรและสมบัติล้ำค่าที่ครอบครองออกมาเล็กน้อยให้บุตรของตน ก็เกินกว่าที่จะสามารถจินตนาการได้แล้ว“เจ้าคงจะรู้แล้วว่า จักรวาลของเราชมชอบการต่อสู้ ผู้ที่อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง! ผู้แกร่งกล้ารอด ผู้อ่อนแอก็ตายไป” ซานตานกล่าว “การแย่งชิงนั้นโหดร้ายนัก แม้แต่ในหมู่ท่านชาย ก็ยังมีการต่อสู้ห้ำหั่นกัน ขอเพียงชีวิตของร่างจริงมิได้ถูกคุกคาม บรรดาจักรพรรดิเทพอากาศก็จะไม่สอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว”

ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังดู

เขาก็รู้ว่า อย่าได้มองว่า ‘ซานตาน’ ผู้นี้เกรงอกเกรงใจตนเป็นอย่างมากเลย

แต่แม้จักรวาลแห่งนี้จะโอบอ้อมอารีเป็นอย่างมาก ทว่าการแก่งแย่งชิงดีกลับเหี้ยมโหดนัก ผู้ที่อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง พวกเขาต่างดูถูกดูแคลนผู้ที่อ่อนแอเป็นอย่างมาก และเคารพผู้ที่แกร่งกล้า! พวกเขาถึงขั้นนำผู้ที่อ่อนแอเหล่านั้นมาทำการซื้อขาย และการชมดูพวกเขาห้ำหั่นกันก็เป็นเรื่องสนุก!

แม้แต่บรรดาท่านชายผู้สูงส่งเหนือใครก็ยังมีอุปสรรคมากมายหลายชั้น เพราะถึงอย่างไรต่อให้สายเลือดสูงศักดิ์กว่านี้ ก็ต้องเคี่ยวกรำเพื่อให้ตื่นรู้อยู่ดี!

“ตอนนี้ท่านชายสามกำลังรับสมัครองครักษ์อยู่” ซานตานกล่าว “ตงป๋อ เจ้ามีพลังระดับผู้เคารพ สามารถเข้าไปอยู่ใต้บังคับบัญชาของท่านชายได้นะ”

“มีข้อดีอย่างไรหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม “แล้วต้องแลกมาด้วยอะไรบ้าง”

เขามาถึงจักรวาลแห่งนี้ ด้วยหมายที่จะทำให้พลังเพิ่มพูนขึ้น

“ข้อดีน่ะหรือ สิ่งที่ตามปกติแล้วเจ้ามิอาจได้ ท่านชายก็สามารถได้มาโดยง่ายแล้วประทานให้เจ้า” ซานตานกล่าว “ท่านชายให้ความสำคัญกับองครักษ์ของตนเป็นอันมาก ส่วนเจ้าต้องแลกมาด้วยอะไรบ้างน่ะหรือ ก็ไม่มีอะไรหรอก ท่านชายจะจัดที่พักให้กับเจ้า เจ้าสนใจแค่การบำเพ็ญก็พอ…โดยทั่วไปมีแต่เมื่อพบปัญหายุ่งยากหรืออันตรายเท่านั้น เหล่าองครักษ์จึงจะต้องลงมือปกป้องท่านชาย”

“บัดนี้ท่านชายก็เป็นระดับขั้นผู้เคารพ ระดับขั้นอย่างเขา พบอันตรายได้น้อยนัก” ซานตานกล่าว “ครั้งก่อนที่พบปัญหายุ่งยากก็ตั้งพันกว่าล้านปีก่อนโน่นแล้ว”

“จะได้เคล็ดวิชาระบบการบำเพ็ญของจักรวาลอื่นหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม

“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่มันเรื่องง่ายที่สุดแล้ว” ซานตานพูดพลางหัวเราะฮ่าฮ่า “มีมากมายถมไป!”

“ดี ข้าจะลองดูก็ได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

“ไป!”

ซานตานเบิกบานใจเป็นอันมาก

เขาเข้าใจดีมากว่า ในบรรดาท่านชายทั้งสามแห่งตระกูลเจียวอวิ๋น ท่านชายรองสำเร็จเป็นผู้ปกครองแล้ว! เนื่องจากท่านชายใหญ่กำเนิดก่อนใครเพื่อน จึงได้รับผลประโยชน์มามากมายอย่างยิ่ง แม้บัดนี้เป็นเพียงระดับผู้เคารพ แต่จำนวนผู้แกร่งกล้าที่ติดตามอยู่ข้างกาย แข็งแกร่งกว่าท่านชายสามมากนัก

ภายในตระกูลเจียวอวิ๋น ท่านชายสามเสียเปรียบมาก! ดังนั้นจึงต้องการกำลังคนอย่างเร่งด่วน ระดับผู้เคารพก็เป็นพลังรบที่สำคัญอย่างยิ่งแล้ว

“ฟิ้ววว…”

ซานตานพาตงป๋อเสวี่ยอิงโดยสารเรือรบออกเดินทางไปอย่างรวดเร็ว

……

“รวดเร็วนัก” ตงป๋อเสวี่ยอิงอ้าปากค้างเพราะเรือรบลำนี้ “แม้จะสู้เคล็ดการหลบหลีกในอากาศของข้ามิได้ แต่ก็เร็วกว่าการทะลุกาลมิติของผู้เคารพระดับเทพแท้โดยทั่วไปตั้งสิบเท่าได้กระมัง”

“ดูสิ”

ซานตานชี้ไปด้านหน้าอย่างกระตือรือร้น เมื่อมองผ่านเรือรบ ก็เห็นดวงดาราสีกากีดวงหนึ่งอยู่ไกลออกไป “ท่านชายสามพำนักเพื่อฝึกฝนอยู่ที่นี่ องครักษ์จำนวนมากก็อาศัยอยู่บนดวงดาราแห่งนี้เพื่อทำหน้าที่คุ้มครอง ข้านำเรื่องของเจ้าขึ้นทูลต่อท่านชายแล้ว พวกเรารีบไปพบท่านชายกันเถิด”

เขาพูดพลางเก็บเรือรบลงไป เขาพาตงป๋อเสวี่ยอิงบินมุ่งไปทางดวงดาราสีกากีดวงนั้น