ตอนที่ 679

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ราชันกระบี่น้อยตกตะลึง หุ่นเชิดเพชรมีพลังกายภาพที่น่าสะพรึงกลัว มือของมันปกคลุมไปด้วยอักขระทำลายล้างที่มองไม่เห็น ซึ่งสามารถทำลายการป้องกันของจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาได้อย่างง่ายดาย

แต่หลิงฮันกลับสามารถคว้าหมัดของหุ่นเชิดเพชรได้ด้วยมือเปล่าอย่างไม่สะทกสะท้าน

หุ่นเชิดเพชรไร้ความหวาดกลัว มันโจมตีใส่หลิงฮันเพื่อหวังสังหารทันที

ราชันกระบี่น้อยไม่หยุดนิ่งเฉย เขาใช้กระบี่โจมตีออกไปพร้อมกับหุ่นเชิดเพชร การโจมตีของเขาเป็นภัยคุกคามต่อหลิงฮันมากกว่าหุ่นเชิดเพชรเสียอีก เขามีทั้งอาวุธวิญญาณระดับเก้า รัศมีกระบี่ และพลังต่อสู้ของจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาขั้นปลาย แม้จะเป็นร่างกายที่ทนทานของหลิงฮันก็ยังถูกทำให้บาดเจ็บได้

หลิงฮันจำต้องยอมล่าถอย ร่างของเขาพุ่งหลบออกมาไกลร้อยฟุต ด้วยความเร็วของอัสนีบาตเก้าทิวา จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาจะไล่ตามเขาทันได้อย่างไร?

“เหอะ!” ราชันกระบี่น้อยแสยะยิ้ม แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมืดมน การที่เขาจำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือจากหุ่นเชิดเพชรเพื่อหลบหนีจากสถานการณ์เสียเปรียบนั้นทำให้เขารู้สึกเสียหน้าอย่างมาก ในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าเขาจะต่อสู้กับใครเขาจะเป็นฝ่ายเหยียบย่ำศัตรูอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด ซึ่งการต่อสู้กับหลิงฮันครั้งที่ผ่านๆมาเขาก็เป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอมาเช่นกัน

แต่เวลาเพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน หลิงฮันกลับมีพลังเพิ่มขึ้นจนสามารถต่อกรกับเขาได้อย่างสูสี

ทักษะอัสนีบาตเก้าทิวา!

ราชันกระบี่น้อยรู้สึกโกรธจนตาลุกเป็นไฟ ถ้าเขาได้ทักษะนั่นมา พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้จะเพิ่มขึ้นอีกห้าดาวและพลังของหลิงฮันก็จะลดลงมาห้าดาว! สถานการณ์ต่อสู้จะพลิกผลันทันที แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงสาปแช่งหลิงฮันเท่านั้น

ราชันกระบี่น้อยสาปแช่งในใจและตั้งกระบี่ไขว้หน้าอกเตรียมพร้อมจะใช้กระบวนท่าที่ทรงพลัง

ก่อนหน้านี้พวกเขาปะทะกันในระยะประชิดทำให้ออกกระบวนท่าได้ไม่มาก แต่เมื่อพวกเขาเว้นระยะห่างกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายจึงมีเวลาและพื้นที่ให้เตรียมใช้กระบวนท่าที่ทรงพลัง

หุ่นเชิดเพชรหลบซ่อนร่างของมันอีกครั้ง แม้มันจะมีร่างกายที่ทรงพลัง แต่ตั้งแต่แรกมันก็ถูกสร้างมาเพื่อทำหน้าที่ลอบสังหารอยู่แล้ว

หลิงฮันแสยะยิ้มและนำชามพลิกสวรรค์ออกมา “หุ่นเชิดเพชรเป็นสมบัติที่ล้ำค่ารึเปล่า?”

เขากระตุ้นใช้งานมันและโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า ชามพลิกสวรรค์แผ่ลำแสงออกมาปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าทันที

สิ่งนี้ไม่ใช่อาวุธวิญญาณทั่วไป มันคืออาวุธศักดิ์สิทธิ์!

“หืม ทำไมอาวุธของข้าถึงลอยขึ้นไปเอง!”

“อะไรกัน สร้อยคอของข้า!”

“เครื่องรางวิญญาณของข้า!”

ชามพลิกสวรรค์ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นว่าจะเป็นสมบัติประเภทใด ตราบใดที่สมบัติชิ้นนั้นมีค่าพอให้หลอมกลั่น มันก็จะดูดเข้ามาทั้งหมด ภายในพริบตา สมบัติของผู้คนมากมายเบื้องล่างก็ถูกดูดเข้ามาทันที

ดูเผินๆมันก็เหมือนเป็นสมบัติที่ใช้ชิงทรัพย์

ร่างของหุ่นเชิดเพชรถูกบังคับให้แสดงตัวออกมาพร้อมกับถูกดูดเข้าไปในชามพลิกสวรรค์

“บัดซบ แม้แต่แครอทของนายท่านกระต่ายก็ถูกดูดไปด้วย!” เจ้ากระต่ายกระโดดโลดเต้นด้วยความกระวนกระวาย มันกำลังเคี้ยวแครอทอยู่เพลินๆ ไม่คาดคิดเลยว่าจู่ๆแครอทของมันจะถูกชามพลิกสวรรค์ดูดขึ้นไป

ราชันกระบี่น้อยตกตะลึง นั่นมันเป็นสมบัติแบบไหนกัน ถึงได้สามารถดูดซับสมบัติชิ้นอื่นเข้าไปได้ แม้แต่อาวุธวิญญาณระดับเก้าในมือของเขาเองก็สั่นไหวราวกับกำลังถูกดึงดูดโดยชามพลิกสวรรค์ของหลิงฮัน

มุมปากของหลิงฮันชักกระตุกเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะลงมือเกินไปหน่อย

อำนาจของชามพลิกสวรรค์นั้นเกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้ เขาเพียงแค่ต้องการกำจัดหุ่นเชิดเพชรให้หายๆไปเท่านั้น ไม่เคยคาดฝันเลยว่าแม้แต่สมบัติของผู้คนที่อยู่ในระยะห่างไกลจะถูกดูดเข้ามาด้วย

“ตายซะ!” ราชชันกระบี่น้อยเตรียมกระบวนท่าจู่โจมเรียบร้อย กระบี่ของเขาตัดผ่านไปด้านหน้า เกิดเป็นคลื่นกระบี่อันเกรี้ยวกราดราวกับคลื่นสึนามิ

นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา มีคลื่นกระบี่สึนามิปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าจริงๆ เพียงแต่คลื่นที่เกิดขึ้นนั้นมาจากอำนาจกระบี่ที่หมุนพันกันอย่างรวดเร็วจนมองเห็นเป็นคลื่น

ในชั่วขณะหนึ่ง บนท้องฟ้าราวกับไร้วี่แววของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ทั่วทั้งท้องฟ้าถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างของกระบี่อันเกรี้ยวกราดแทน

“แม้พลังบ่มเพาะของราชันกระบี่น้อยจะยังไม่ถึงจุดสูงสุด แต่ในด้านวิถีกระบี่นั้นเขาเกือบจะเทียบเท่ากับผู้สืบทอดที่แท้จริงของกระบี่ทลายสวรรค์ได้เลย”

“ใช่แล้ว ปราณกระบี่สามสิบเล่มที่ควบแน่นกันเป็นรัศมีนับว่ายอดเยี่ยมจริงๆ”

“แต่ถึงนั้น หากยังไม่เข้าใจถึงแก่นแท้แห่งกระบี่ เขาก็ยังไม่นับว่าเป็นผู้ใช้กระบี่ที่แท้จริง”

“ข้าได้ยินมาว่าฉือชิ่วเหรินบรรลุแก่นแท้กระบี่ครึ่งก้าวแล้ว?”

“ฉือชิ่วเหรินคือผู้สืบทอดที่แท้จริงของกระบี่ทลายสวรรค์ ในหมู่รุ่นเยาว์อายุเท่ากันแล้ว เขาสามารถเทียบได้แม้แต่รุ่นเยาว์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์

“ข้าอยากเห็นหน้าของรุ่นเยาว์ผู้นี้จริงๆ”

“ยังพอมีโอกาสอยู่ เขาจะปรากฏตัวให้โลกได้เห็นก็คงเป็นตอนที่เขาสร้างแก่นแท้กระบี่ได้สำเร็จแล้ว และเมื่อถึงเวลาอันสมควร เขาก็จะขึ้นไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างเชิดฉาย”

“เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะได้กลับบ้านเกิดข้าเสียที!”

“ข้าที่เป็นถึงคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์กลับต้องมาอาศัยอยู่กับมดปลวกบนโลกเบื้องล่างนี้ แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว!”

เหล่าผู้อาวุโสสื่อสารกันทางจิตโดยไม่มีเสียงใดๆดังออกมา พวกเขาจึงไม่เกรงกลัวว่าจะมีใครได้ยินความลับของพวกเขา

หลิงฮันหัวเราะและพูด “สมองของเจ้าช่างกลวงโบ๋เสียจริง กล้าลงมือกับข้าในระยะไกลเช่นนี้ ช่างแส่หาความตายจริงๆ!”

ใบหน้าของทุกคนกระตุก เมื่อตอนที่ราชันกระบี่น้อยปะทะกับเจ้าระยะใกล้ เจ้าก็บอกว่าเขาแส่หาความตาย ตอนนี้พอราชันกระบี่น้อยสู้โดยเว้นระยะห่าง เจ้าก็ยังบอกว่าเขาแส่หาความตายอีก จะต้องทำยังไงถึงจะไม่เรียกว่าแส่หาความตายกัน?

หลิงฮันนำคันศรตะวันยอแสงออกมาพร้อมกับลูกศรที่ทำจากแร่เหล็กระดับแปด เนตรแห่งสัจธรรมของเขาเปิดใช้งานเต็มที่เพื่อเล็งเป้าหมาย หลิงฮันโคจรทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราและอัตสีบาตเก้าทิวาเข้าไปในลูกศร

การใช้งานทักษะศักดิ์สิทธิ์สามทักษะพร้อมกันคือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของหลิงฮัน พลังทำลายล้างของมันเหนือกว่าหมื่นแปรผันเป็นหนึ่งเสียอีก

อะไรคือทักษะศักดิ์สิทธิ์?

หลิงฮันคาดเดาว่ามันสมควรเป็นทักษะจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์

เมื่อเป็นทักษะของพระเจ้า แน่นอนว่ามันต้องน่าสะพรึงกลัว

‘ฟุบ’ ลูกศรพุ่งออกไปราวกับลำแสง มันพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ภายในพริบตามันก็ทะลวงผ่านคลื่นกระบี่ของราชันกระบี่น้อยไปได้ คันศรได้ไปปรากฏอยู่ด้านหน้าราชันกระบี่น้อยและทะลวงเข้าไปตรงบริเวณหน้าผากของอีกฝ่าย

‘ตูม!’

ร่างของราชันกระบี่น้อยส่องแสงสีม่วงออกมา ซึ่งแสงเหล่านั้นได้ทำหน้าที่เป็นโล่ป้องกันลูกศรเอาไว้

‘เพล้ง’ โล่แสงแตกสลาย แต่ลูกศรก็ตกจากท้องฟ้าลงมาสู่พื้นดินเช่นกัน

ราชันกระบี่น้อยแสดงสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา

เขาได้รับสมบัติลับมาจากห้องสมบัติของจักรวรรดิโบราณ มันคือสิ่งที่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้เมื่อครู่ มันคือแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีขีดสี่ขีดสลักเอาไว้ ก่อนหน้านี้ที่เขาพบเจอกับอันตรายจนถึงชีวิต แสงสว่างจากกระดาษแผ่นนี้ก็ช่วยเขาไว้ และขีดบนกระดาษก็กลายเป็นเหลือเพียงสามขีด

นั่นทำให้เขารู้ว่ากระดาษแผ่นนี้สามารถช่วยชีวิตเขาได้อีกสามครั้ง แต่ตอนนี้… มันเหลืออีกเพียงสองครั้งเท่านั้น

เหงื่อของเขาไหล่ท่วมตัวจากการที่พบเจอกับเหตุการณ์เฉียดตาย ถ้าเกิดหลิงฮันยังมีลูกศรอยู่อีกสามดอก เขาคงไม่สามารถยับยั้งลูกศรลูกสุดท้ายได้…

รวดเร็วเกินไป!

ตอนนี้ทั้งสองคนยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน แต่ด้วยความเร็วของลูกศรที่พุ่งมา อำนาจของมันจึงไม่ลดทอนลงไปแม้แต่น้อย

ทุกคนด้านล่างกลายเป็นไร้คำพูด ไม่แปลกใจเลยที่หลิงฮันกล่าวว่าราชันกระบี่น้อยกำลังแส่หาความตาย ที่แท้เขาก็มีทักษะยิงธนูที่น่าสะพรึงเช่นนี้อยู่นี่เอง ลูกศรที่หลิงฮันยิงออกไปนั้นรวดเร็วดั่งแสง แต่หนักแน่นราวกับขุนเขา

หลังจากลังเลอยู่ชั่วขณะ ราชันกระบี่น้อยก็ตัดสินใจที่จะสู้ให้ถึงที่สุด

ถ้าเขาไม่สังหารหลิงฮันในวันนี้ ความแตกต่างของระดับพลังระหว่างพวกเขาก็จะค่อยๆเล็กลง แต่ความแตกต่างของพลังต่อสู้จะยิ่งกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ วันหนึ่งเขาจะต้องถูกบดขยี้โดยหลิงฮันอย่างไม่มีวันตอบโต้ได้