ตอนที่ 642 การข่มขู่และเชิญชวน โดย ProjectZyphon
“อ๊าก…!”
หานอวิ๋นฉงส่งเสียงกรีดร้อง มือขวาของเขาเลือดอาบเนื้อหลุด เกือบจะพิการไปแล้ว ทำให้เจ็บปวดอย่างรุนแรง สีหน้าทั้งตกใจทั้งเดือดดาล แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เพียงแค่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาก็สามารถสลายการโจมตีของตนและทำร้ายตนได้?
หานอวิ๋นฉงฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ผ่านประสบการณ์มาโชกโชน เป็นคนโหดเหี้ยมอันตรายอย่างยิ่งยวด แต่เขากลับไม่เคยเห็นเรื่องเหลือเชื่อที่น่าสะพรึงกลัวเพียงนี้มาก่อน
เด็กหนุ่มที่ดูเรียบง่ายไม่ซับซ้อนคนนี้ราวกับกลายเป็นเทพสงครามในชั่วพริบตา เพียงแค่กลิ่นอายก็ทำให้ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงอย่างตนเสียเปรียบไม่น้อยแล้ว เรื่องนี้…ถ้าพูดออกไปคงไม่มีใครเชื่อ
ณ ที่นั้นเงียบกริบ
มีเพียงเสียงคำรามของพลังที่กำลังพวยพุ่งในร่างกายหลินสวิน
เขาในตอนนี้ราวกับมังกรยักษ์ที่ตื่นจากการหลับใหล ดวงตาสีดำราวกับเหวลึก ปลดปล่อยแสงประกายอันเย็นเยียบลึกล้ำ ร่างกายแผ่แสงแห่งท่วงทำนองมรรค ส่องสะท้อนให้เขาดูเหมือนเทพ บริสุทธิ์ไร้มลทิน
“ทำไม… ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งเพียงนี้” ความจริงเย่หลิงถงควรจะรู้สึกดีใจ แต่ตอนนี้นางกลับถูกความตื่นตะลึงที่ราวกับกระแสน้ำท่วมท้น
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ความรู้สึกแบบนั้น ราวกับเห็นเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็นเทพสงครามที่ตระหง่านอยู่บนเก้าชั้นฟ้าในชั่วพริบตา พลังกลืนกินสรรพสิ่ง อานุภาพทะลวงฟ้า
ความแข็งแกร่งระดับนี้เกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของเย่หลิงถงไปแล้ว ไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า เด็กหนุ่มคนนี้ใช้เพียงกลิ่นอายเอาชนะการโจมตีของหานอวิ๋นฉงได้อย่างไร
นั่นมันบุคคลระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงเชียวนะ! เป็นผู้อาวุโสผู้เหี้ยมโหดที่ชื่อเสียงโด่งดังและทะยานอยู่ในทะเลตะวันออกมาหลายทศวรรษ!
แต่กลับเกิดเรื่องที่เหนือความคาดหมายเช่นนี้
หากไม่ใช่เพราะมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้เสียสติ เย่หลิงถงก็เกือบจะคิดว่าตนฝันอยู่
“ที่แท้ เด็กหนุ่มคนนี้ก็เป็นยอดฝีมือที่อำพรางฝีมืออย่างแนบเนียน!” เย่ตงเคอที่อยู่อีกด้านเองก็หวั่นไหว
นี่… คือสิ่งที่เรียกว่าคนจริงไม่แสดงตนกระมัง!
ส่วนผู้ติดตามกลุ่มนั้นอึ้งค้างอยู่กับที่ไปตั้งนานแล้ว อ้าปากหวอ เบิกตาโพลงพูดอะไรไม่ออก
นี่ก็คืออานุภาพของหลินสวินในตอนนี้
ด้วยพลังการต่อสู้ในตอนนี้ของเขา เพียงพอที่จะเรียกว่าเป็นราชันแห่งระดับหยั่งสัจจะ สามารถเหยียดหยันทุกสิ่ง สยบศัตรูในระดับเดียวกันทั้งมวล!
สำหรับหานอวิ๋นฉง ถ้าอยู่ในจักรวรรดิจื่อเย่าอาจจะเรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดที่มีชื่อเสียงลือลั่นฝั่งหนึ่ง แต่สำหรับหลินสวิน เจ้าหมอนี่ยังเทียบบุตรเทพธรรมดาอย่างชิงอวิ๋นหยางไม่ติดด้วยซ้ำ!
“เจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้ายุ่งเรื่องตระกูลหานของข้า”
สีหน้าของหานอวิ๋นฉงคล้ำเขียวจริงจัง เขาไม่กล้าลงมือโดยพลการอีก ตอนนี้ในสายตาของเขา เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็นศัตรูอันดับหนึ่งไปแล้ว
หลินสวินมุ่นคิ้ว “ตระกูลหานอะไร ข้ารู้เพียงว่าวันนี้เจ้าต้องการจะฆ่าคนปิดปากไม่ใช่หรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ยังจะพูดมากอยู่ทำไม”
เขาคับแค้นใจอยู่บ้างจริงๆ ความเงียบสงบเพียงชั่วครู่ที่ได้มาอย่างยากลำบากกลับถูกผู้อื่นทำลาย
สิ่งที่หลินสวินทนไม่ได้ที่สุดคือ เขาเป็นเพียงคนนอกเท่านั้น หานอวิ๋นฉงก็ยังจะลงมือกับเขา เช่นนี้เห็นจะเผด็จการและทำเกินเหตุมากไปแล้ว
เขาถึงขั้นสามารถจินตนาการได้ว่า ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นถูกดึงเข้าไปข้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ไล่ล่านี้โดยไม่ได้ตั้งใจ คงถูกหานอวิ๋นฉงสังหารทันทีโดยไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลง!
“นี่อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ขอเพียงแค่สหายแสดงตัวตน สามารถยืนยันได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ข้าขอรับรองด้วยเกียรติของตระกูลหานแห่งทะเลตะวันออกว่าจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจอีก”
หานอวิ๋นฉงสูดหายใจเข้าลึกๆ พูดเสียงขรึมว่า “คิดว่าสหายท่านนี้คงรู้ดีว่าในอาณาเขตทะเลตะวันออกนี้ ยังไม่มีใครกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับตระกูลหานของข้า”
คำพูดนี้ใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็ง ทั้งแฝงการตักเตือนและข่มขู่ หากไม่โง่ก็คงรู้ความหมายที่ซ่อนอยู่
“คุณชายท่านนี้ โจรเฒ่านี้โกหกชัดๆ ในทะเลตะวันออกตระกูลเย่ของข้าเองก็ไม่เคยกลัวตระกูลหาน”
ทันใดนั้นเย่ตงเคอพลันประสานหมัดพูดกับหลินสวิน “แต่จากที่ข้าดู เมื่อครู่โจรเฒ่าคนนี้กล้าเสียมารยาทกับคุณชาย ตอนนี้ยังข่มขู่ท่านด้วยวาจา กริยาช่างหยิ่งผยอง หวังว่าคุณชายจะไม่ออมมือ ฉวยโอกาสสังหารโจรเฒ่าคนนี้เสียตอนนี้!”
“คุณชายไม่ต้องเป็นห่วง หลังจากฆ่าเขา ตระกูลเย่ของข้าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง อีกทั้งภายใต้การคุ้มครองของตระกูลเย่ของข้า จะไม่ยอมให้คุณชายถูกตระกูลหานแก้แค้นเด็ดขาด!”
เห็นได้ชัดว่าเย่ตงเคอต้องการให้หลินสวินลงมือสังหารหานอวิ๋นฉง อีกทั้งยังรับประกันด้วยเกียรติของตระกูลเย่แห่งทะเลตะวันออก ว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้หลินสวิน
สีหน้าของหานอวิ๋นฉงเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดพร้อมสีหน้าอึมครึมอย่างที่สุด “สหายท่านนี้ ตระกูลเย่คุ้มครองเจ้าได้เพียงชั่วขณะ แต่ไม่สามารถคุ้มครองเจ้าไปได้ทั้งชีวิต หวังว่าเจ้าจะไตร่ตรองให้รอบครอบ!”
“จะยากอะไร ด้วยความสามารถของคุณชายท่านนี้ ย่อมสามารถเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในตระกูลเย่ของข้า รับตำแหน่งผู้ดูแลอาวุโสต่างสกุลได้ ถึงตอนนั้นเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกัน ดูซิว่าตระกูลหานของเจ้าจะกล้าแก้แค้นอีกหรือไม่!”
เย่ตงเคอคืนสู่ความเยือกเย็นอีกครั้ง ถึงขั้นที่ฉวยโอกาสนี้ทอดสะพาน จะเชิญชวนหลินสวินเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเย่แห่งทะเลตะวันออก
นี่ไม่ใช่เพราะเขาอวดดี แต่เพราะสำหรับเขาแล้ว ด้วยเส้นสายและอิทธิพลของตระกูลเย่ในตอนนี้ หากยกตำแหน่งผู้ดูแลอาวุโสต่างสกุลขึ้นมา ย่อมสามารถดึงดูดผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะมากมายในใต้หล้าให้แย่งกันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง
และถ้าสามารถใช้ตำแหน่งผู้ดูแลอาวุโสต่างสกุลดึงตัวเด็กหนุ่มผู้แข็งแกร่งชั้นยอดอย่างหลินสวินเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเย่ได้ ค่าตอบแทนนี้ย่อมคุ้มค่า
เย่ตงเคอเชื่อว่า ด้วยสติปัญญาของหลินสวิน ขอเพียงแค่เขารู้จักตระกูลเย่แห่งทะเลตะวันออก ก็จะเข้าใจความจริงใจที่ตนแสดงออกไป
“เจ้าคิดว่าที่ข้าลงมือเมื่อครู่นี้ เพราะต้องการผลประโยชน์จากตระกูลเย่แห่งทะเลตะวันออกของเจ้าหรือ” หลินสวินคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม นัยน์ตาดำเย็นเยียบ
เย่ตงเคอหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย กล่าวว่า “ไม่ได้หมายความเช่นนี้อย่างแน่นอน ข้าน้อยเพียงอยากสร้างโอกาสให้คุณชายก็เท่านั้น ถึงอย่างไรการฝึกปราณก็ต้องการทรัพยากร ถ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเย่ของข้า เชื่อว่าด้วยความสามารถของคุณชาย จะต้องได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเย่ของข้าอย่างเต็มกำลังแน่นอน”
สีหน้าของหลินสวินเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย เย่หลิงถงที่อยู่ข้างๆ เห็นภาพนี้แล้วหัวใจกระเพื่อมไหวอย่างไม่ทราบสาเหตุ
นางรีบเอ่ยขึ้นมา “ท่านพี่ตงเคอ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!”
เย่ตงเคอชะงักและรับรู้ได้อย่างมีไหวพริบว่าท่าทีของหลินสวินดูเย็นชาขึ้น ทำให้เขาเงียบไปทันที ใบหน้าเผยความรู้สึกผิด ไม่กล้าปริปากพูดอะไรอีก
ตอนนี้พวกเขายังต้องพึ่งพลังของหลินสวิน เพิ่งหลุดพ้นจากความยากลำบาก ย่อมไม่กล้าทำให้หลินสวินไม่พอใจ
“ในเมื่อสหายท่านนี้ไม่อยากข้องเกี่ยวกับตระกูลเย่ คงคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งในครั้งนี้”
ในยามนั้นจู่ๆ หานอวิ๋นฉงระบายยิ้ม ราวกับเรียกความมั่นใจกลับมาแล้ว “ตอนนี้ขอเพียงสหายออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ข้าก็รับรองว่า ในทะเลตะวันออกแห่งนี้ ตระกูลหานจะไม่ทำให้เจ้าลำบาก!”
ประโยคเดียวทำให้สีหน้าของพวกเย่ตงเคอเปลี่ยนไปตามๆ กัน
ท่าทีเมื่อครู่นี้ของหลินสวินดูเย็นชาอยู่บ้าง ราวกับต่อต้านข้อเสนอของเย่ตงเคออย่างมาก ยามนี้เขาจะเลือกเอาตัวรอดโดยการหลีกหนีออกจากความขัดแย้งในครั้งนี้อย่างที่หานอวิ๋นฉงพูดหรือไม่
เย่หลิงถงยิ่งร้อนรนจนยากจะสงบได้ มองหลินสวินอย่างเว้าวอน ในใจนึกตำหนิความบ้าบิ่นของเย่ตงเคอ
ในสถานการณ์เช่นนี้ยังคิดจะเอาตำแหน่งผู้ดูแลอาวุโสต่างสกุลมาเชิญชวนคุณชายท่านนั้น นี่มันสร้างปัญหาเพิ่มชัดๆ
ยิ่งไปกว่านั้นเด็กหนุ่มที่ราวกับมังกรเทพเช่นนี้ จะสามารถเชิญชวนได้ด้วยเพียงตำแหน่งผู้ดูแลอาวุโสต่างสกุลของตระกูลเย่ได้อย่างไร
โง่เขลายิ่งนัก!
หลินสวินไม่ได้สนใจสายตาของเย่หลิงถง เขามองหานอวิ๋นฉงที่มั่นใจเต็มประดาแล้วจู่ๆ ก็รู้สึกตลกขึ้นมา
ตระกูลหานแห่งทะเลตะวันออกหรือ
เขาหลินสวินล่วงเกินขุมอำนาจตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงในนครต้องห้ามมาแล้วมากมายขนาดนั้น ทำไมต้องกลัวขุมอำนาจในทะเลตะวันออกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ในทะเลกลืนวิญญาณ บุคคลระดับบุตรเทพจากบรรดาเผ่าใหญ่ก็ถูกเขาฆ่าไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เคยเห็นเขาหลินสวินกลัวอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังบุตรเทพเหล่านั้นด้วยหรือ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หลินสวินในตอนนี้แตกต่างไปจากในอดีต เขาเคยเห็นอริยะที่แท้จริงและเคยเห็นซากศพอริยะมากมายที่ร่วงหล่นอยู่ในแดนลับอสูรมารอริยะ ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยถูกราชันระดับสังสารวัฏมากมายตามฆ่า แต่ก็ยังคงมีชีวิตอยู่อย่างอิสระเสรีจนถึงทุกวันนี้
มีประสบการณ์เช่นนี้ ตอนที่ได้ยินข้อเสนอของเย่ตงเคอ รวมทั้งคำข่มขู่ของหานอวิ๋นฉง หลินสวินจึงรู้สึกว่า…ไร้สาระมาก
ถูกสายตาอันเย็นชาและลึกล้ำของหลินสวินจับจ้อง จู่ๆ หานอวิ๋นฉงก็รู้สึกประหม่าและกังวลอย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาอดพูดไม่ได้ “ทำไม หรือสหายดึงดันจะทำตามใจ ไม่เห็นตระกูลหานของข้าอยู่ในสายตา? อย่าลืมว่าในทะเลตะวันออกนี้ แม้แต่มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติก็ไม่กล้าเสียมารยาทกับตระกูลหานของข้า”
“งั้นหรือ”
เสียงของหลินสวินค่อนข้างเย็น
จนตอนนี้คนผู้นี้ก็ยังคงยกอิทธิพลของ ‘ตระกูลหาน’ มาข่มขู่เขา ช่างรนหาที่ตายจริงๆ
“สหาย เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่” สีหน้าของหานอวิ๋นฉงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับตระหนักได้ถึงความไม่เข้าที
“ง่ายมาก ตาต่อตา ฟันต่อฟัน”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ เผยฟันขาวดั่งหิมะ “เมื่อครู่นี้เจ้าโจมตีข้าไปหนึ่งฝ่ามือ ตอนนี้ข้าก็จะโจมตีเจ้าหนึ่งฝ่ามือ หากรับไว้ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
“เจ้า…”
สีหน้าของหานอวิ๋นฉงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ขณะจะพูดอะไรบางอย่างก็เห็นหลินสวินยื่นมือขวาออกมาแล้ว
ฝ่ามือนี้เรียวยาวขาวกระจ่าง แผ่ท่วงทำนองแห่งมรรคสีเขียวอยู่รางๆ ราวกับหลอมขึ้นด้วยหินหยกสีเขียว
อันตรายอันยากจะพรรณนาพรวดพราดขึ้นในใจ หานอวิ๋นฉงคำรามอย่างเดือดดาลตามจิตใต้สำนึก เลือดลมในกายพลุ่งพล่าน เสื้อผ้าระเบิดแหลกฉับพลัน เผยให้เห็นร่างกายแข็งแกร่งที่ราวกับหล่อขึ้นด้วยน้ำทองแดง พลังวิญญาณแรงกล้าแผ่ขยาย ทำให้เขาเปลี่ยนเป็นดุดันถึงที่สุดในทันที
นี่คือเคล็ดมหามารวิญญาณทองแดง มีชื่อด้านการปกป้องอันสุดยอด สามารถเขย่าภูผา ไม่กลัวดาบทวน แม้จะถูกอาวุธวิญญาณกระแทกใส่ ก็ประหนึ่งเป็นการเกาแก้คัน
“คิดว่าข้ากลัวเจ้าจริงๆ หรือ” หานอวิ๋นฉงตะคอกเสียงดังราวกับอสนีบาต ร่างกายประหนึ่งเทพเถื่อนโบราณ ทำให้มหาสมุทรแห่งนี้สั่นไหว
สีหน้าของพวกเย่หลิงถงและเย่ตงเคอล้วนเปลี่ยนไป แม้ว่าจะมั่นใจในตัวหลินสวินอย่างมาก ทว่ายามนี้เมื่อเห็นพลังอันน่าสะพรึงกลัวของหานอวิ๋นฉง ก็ยังคงทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวและไร้ที่พึ่ง ราวกับมดซึ่งเงยหน้ามองเทพที่กำลังเกรี้ยวโกรธ!
ตูม!
หลินสวินสะบัดฝ่ามือออกไปแทบจะในเวลาเดียวกัน เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นกลางอากาศฉับพลัน ราวกับเทพวิญญาณยักษ์บรรพกาลยกภูเขาเทพขึ้นมา และเหมือนอริยะกำลังผลักเคลื่อนดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
นี่คือวิชาลับร่างที่สามของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร… ประทับปี้อั้น!
ทันใดนั้นรอยมือสีเขียวเรืองข้างหนึ่งพลันถูกสะบัดออกมา จู่โจมสังหารกลางอากาศ เมื่ออยู่ต่อหน้ารอยประทับฝ่ามือใหญ่ยักษ์นี่ หานอวิ๋นฉงพลันดูตัวเล็กขึ้นมาทันที
…………………