กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 836
กู้ชูหน่วนวิ่งรวดเร็วนักแต่ผู้ไล่ล่าตามหลังมารวดเร็วยิ่งกว่า

ทหารไล่ล่าเหล่านั้นไม่รู้ว่าห่างไกลจากพวกเขาอยู่ไกลเพียงใด พลกำลังอันแข็งแกร่งได้บีบบังคับให้เหงื่ออันเย็นของกู้ชูหน่วนแตกออกมา

นางกัดฟันวิ่งต่ออย่างบ้าบิ่นไม่หยุดไม่กล้าหยุดเลยแม้แต่ครู่เดียวและก็ยิ่งไม่กล้าหันไปดูด้านหลัง นางกลัวว่าจะทำให้ความเร็วของตนเองจะล่าช้า

“เซี่ยวอวี่เซวียน เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว หากรู้จักยอมจำนนให้จับเอง พวกเราก็ยังสามารถไว้ศพนี้ของเจ้าได้”

เสียงอันเยือกเย็นผ่านผืนป่าอันหนาแน่นเข้ามาในหูของกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆได้อย่างชัดเจน

กู้ชูหน่วนเหลือบมองไปโดยรอบจากนั้นก็วิ่งไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้อย่างบ้าคลั่ง

นางด้านหนึ่งวิ่งด้านหนึ่งถามว่า “เจ้าไปทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองกันแน่ เหตุใดยอดฝีมือระดับห้าถึงได้ตามไล่ล่าสังหารเจ้า?”

“ไม่รู้”

เขาอยู่ที่ดินแดนผืนนี้ไม่น่าจะมีศัตรูถึงจะถูก

นอกเสียจากว่า……

นี่คือฝ่ายที่เหลืออยู่ของเผ่าเพลิงฟ้า

แต่เผ่าเพลิงฟ้าได้หายตัวไปตั้งแต่การต่อสู้ในครั้งนั้นแม้แต่เหวินเส่าอี๋ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แม้ว่าเหวินเส่าอี๋จะมายังดินแดนแห่งนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีลูกน้องเป็นยอดฝีมือระดับห้ามากมายเช่นนี้

“พวกเขากำลังจะตามมาทันแล้ว เจ้าวางข้าลงแล้วรีบหนีไป”

ลมหายใจอันน่ากลัวยิ่งอยู่ก็ยิ่งใกล้เข้ามา

กู้ชูหน่วนกระอักเลือดออกมา

นี่คือการบีบบังคับของผู้แข็งแกร่ง

พวกเขานั้นคนยังมาไม่ถึงโดยที่ตัวคนอยู่ที่ห่างไกลก็สามารถบีบบังคับให้กู้ชูหน่วนได้รับบาดเจ็บสาหัสอาเจียนออกมาเป็นเลือด

หากว่ายังการบีบบังคับยังเพิ่มต่อไปเกรงว่าชีวิตอันน้อยของนางจะจบลงแล้วจริงๆ

“ไม่ไป ตายก็ไม่ไป”

แล้วก็ควบม้าไปอีกหลายลี้ประตูโครงกระดูกก็ได้ปรากฏขึ้นตรงหน้า

ในประตูโครงกระดูกมีพลังอิ๋นอันรุนแรงซึ่งกระจายลมหายใจของความตายออกมา

กู้ชูหน่วนไม่ได้คิดเลยก็พุ่งเข้าไปเลยโดยตรง

เซี่ยวอวี่เซวียนสูดหายใจเข้าลึก “ด้านในเป็นซากปรักหักพังโบราณซึ่งอันตรายยิ่งนัก เข้าไปไม่……เข้าไปไม่ได้”

“ไม่เข้าไปรอให้พวกเขาถลกหนังหรือ? ที่ที่ยิ่งอันตรายก็ยิ่งปลอดภัย”

ชู่ว์……

เพิ่งก้าวเข้าไปลมแรงก็ได้พัดโชยมากู้ชูหน่วนก็ถูกพัดปลิวไปเลยโดยตรงโดยที่เซี่ยวอวี่เซวียนก็ล้มกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง

อิ่นเฟิงถือใบมีดแหลมคม

แค่ถูกพัดผ่านร่างกายของกู้ชูหน่วนและเซี่ยวอวี่เซวียนก็รู้สึกราวกับถูกฟันด้วยมีดนับพันเล่มโดยที่ถูกฟันเป็นแผลเป็นทางๆ

เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลลงมาตามเสื้อผ้าของพวกเขา

เมื่อกู้ชูหน่วนเห็นเข้าโดยที่ไม่ต้องคิดก็ขวางไว้ตรงหน้าเซี่ยวอวี่เซวียนเลยโดยตรงและขวางกั้นใบมีดลมของผู้ที่บับคั้นผู้นั้น

ในใจเซี่ยวอวี่เซวียนไม่ประทับนั่นเป็นเท็จ

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? หลีกไปซะ……”

“ไม่หลีก”

กู้ชูหน่วนเคลื่อนย้ายพละกำลังต้องการใช้กำลังภายในป้องกันใบมีดลมเหล่านั้น

แต่นางไม่คิดเลยว่ากำลังภายในของนางดูเหมือนว่าจะหายไปตั้งแต่ก้าวเข้ามาที่นี่ นางจะเคลื่อนกำลังเช่นไรก็ไม่สามารถทำได้

ความรู้สึกเช่นนี้เป็นเช่นเดียวกับหุบเขาเจียงเจ๋อซานไม่ผิดเพี้ยน

ที่นี่ไม่มีที่หลบลมและกำลังภายในก็ไม่สามารถใช้ได้ กู้ชูหน่วนเพียงแค่กอดเซี่ยวอวี่เซวียนเอาไว้โดยที่ปกป้องเขาให้ปลอดภัยด้วยเนื้อเลือดของตนเอง

มีดหนึ่งเล่ม สองเล่ม สามเล่ม หนึ่งร้อยเล่ม หนึ่งพันเล่ม……

กู้ชูหน่วนกระอักเลือดออกมาแต่ว่าแววตาของนางแน่วแน่ ไม่ว่าจะเจ็บปวดทรมานเพียงใดก็ไม่ได้ยอมแพ้เลย

ใจของเซี่ยวอวี่เซวียนถูกทำให้ประทับใจไปจริงๆแล้ว

ดวงตางดงามคู่นั้นก็แดงขึ้นแล้วเช่นเดียวกัน

“เจ้าเด็กโง่ เจ้าจะตายได้”

“ตายโดยมีบุรุษงดงามอยู่ในอ้อมกอดถึงเป็นภูตผีก็เป็นอิสระนัก”

เสียงกัดฟันของกู้ชูหน่วนดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด คิ้วอันสวยงามของก็ขมวดเข้าหากันแน่น

ช่างเจ็บปวดมากมายนัก

หากไม่ใช่เพื่อเซี่ยวอวี่เซวียนผู้ใดจะอยู่ที่นี่รับมีดหล่ะ

ฉึกๆๆ……

ร่างทั้งห้าปรากฏขึ้นพร้อมกัน

คนเหล่านี้ล้วนแต่งกายด้วยชุดดำและสวมหน้ากากโดยที่ในร่างกายก็มีลมหายใจอันสูงส่งของตน

ทันทีที่พวกเขาเข้ามาก็ต้องการจะสังหารเซี่ยวอวี่เซวียน แต่กลับถูกใบมีดลมขวางเอาไว้

ใบมีดลมช่างรุนแรงนัก ชายชุดดำทั้งห้าคนจึงได้ถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับใบมีดลมก่อน

ที่คาดคิดไม่ถึงคือวรยุทธ์ของพวกเขาก็หายไปเหมือนของกู้ชูหน่วนซึ่งไม่สามารถเคลื่อนกำลังภายในได้เลยแม้แต่น้อย

ในช่วงเวลาที่สํญเสียสมาธิชายชุดดำทั้งห้าคนต่างถูกใบมีดลมทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเลือดไหลริน

ชายชุดดำทั้งห้าคนไม่เต็มใจที่จะล้มเลิกการสังหารเซี่ยวอวี่เซวียน

ทั้งห้าคนตั้งเป็นสองแถวขึ้น แถวหน้าสามคนต่อกรกับใบมีดลม แถงที่สองด้านในถือโอกาสฆ่าสังหารเซี่ยวอวี่เซวียน

อย่างไรก็ตามเรื่องราวก็ได้ทำลายจินตนาการของพวกเขาลงอีกครั้ง

ยิ่งพวกเขาต้านทานมากเท่าใด ใบมีดลมก็จะยิ่งมีกำลังมากขึ้นเท่านั้น

ร่างของชายชุดดำสามคนนั้นระเบิดออกเลยโดยตรงกลายเป็นละอองเลือด

ชู่ว์……

เมื่อเห็นเช่นนี้ทุกคนก็อ้าปากค้างกันหมด

ปราศจากการคุ้มกันจากพวกเขาทั้งสามคน อีกสองคนที่เหลือก็แบกรับความหนักหน่วงและถูกฟันด้วยใบมีดลมนับพันเล่ม

ครั้งนี้พวกเขาหัดเชื่อฟังเสียแล้วจึงไม่ปะทะกับใบมีดลม เพียงแค่หลีกเลี่ยงให้ได้มากที่สุด

แต่ว่าที่นี่ไม่มีสถานที่ที่สามารถหลบได้เลยแม้แต่น้อย แม้ว่าพวกเขาจะหลบเช่นไรก็ไม่สามารถหลบพ้นได้ จึงทำได้เพียงกัดฟันอย่างขมขื่นและหาโอกาสที่จะออกจากซากปรักหักพังโบราณ

กู้ชูหน่วนและเซี่ยวอวี่เซวียนถูกใบมีดลมพัดจนไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ ความเจ็บปวดบนร่างกายทำให้พวกเขาแทบหมดสติไป

ด้วยการฝืนทนเห็นเพียงแอ่งเลือดอันน่าตกใจอยู่ไม่ไกลนัด

คิดว่าแม้ว่ายอดฝีมือระดับห้าสองคนนั้นจะจากไปก็น่าจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย

จากนั้นพวกเขาก็ตามจากไป จู่ๆใบมีดลมได้หันไปทางทิศหนึ่งและก็ไม่รู้ว่าใบมีดลมนั้นถูกพวกเขาดึงดูดไปหรือเปล่า

กู้ชูหน่วนอดทนต่อความเจ็บปวดแล้วกัดฟันกล่าวว่า “เจ้าเสือน้อยนิ่งเฉยอยู่ทำไม ยังไม่รีบพาพวกเราออกไปจากที่นี่อีก”

“โฮกโฮก……”

เจ้าเสือน้อยในอ้อมแขนตอบรับ จากนั้นร่างกายก็ใหญ่ขึ้นในทันใดแล้วให้กู้ชูหน่วนกับเซี่ยวอวี่เซวียนขี่หลังออกไป

เพื่อหลีกเลี่ยงใบมีดลมเจ้าเสือน้อยขยับไปขยับมา ขยับซ้ายขยับขวา กู้ชูหน่วนและคนอื่นๆเดิมทีก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจะทนต่อการถูกแกว่งไปมาเช่นนี้ได้อย่างไรจึงถูกแกว่งจนหมดสติลงไปเลย

ในขณะที่พวกเขาตื่นขึ้นมาก็ได้อยู่ในถ้ำถ้ำหนึ่งแล้ว ถ้ำปลอดภัยมากและใบมีดลมไม่สามารถพัดเข้ามาได้

เจ้าเสือน้อยนอนหมอบอยู่ตรงหน้ากู้ชูหน่วนใช้กรงเล็บน้อยสองกรงเล็บหนุนหัวเสือจ้องมองนางอยู่

ส่วนเซี่ยวอวี่เซวียนก็ได้ช่วยนางพันแผลเรียบร้อยพอดี

ใบหน้าซีดเซียวของเขาบังเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนอย่างหนึ่งซึ่งนางมองไม่ออก

กู้ชูหน่วนขมวดปวดจนคิ้วเลย

เมื่อก้มมองลงไปบนร่างกายแทบจะไม่มีเนื้อดีเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ทั้งร่างได้รับบาดเจ็บจากใบมีดลม

นางยิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าได้รับบาดเจ็บภายในส่วนข้าได้รับบาดเจ็บภายนอก เราสองคนนับว่าเป็นพี่น้องกันที่ยากลำบากกันทั้งสิ้นเลย”

“คนที่พวกเขาต้องการสังหารคือข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”

“พี่น้องมีภัย ผู้เป็นพี่่ใกหญ่จะเพิกเฉยได้อย่างไรกัน”

ความเคลื่อนไหวของมือของเซี่ยวอวี่เซวียนชะงักไปชั่วขณะและความคิดก็ได้ลอยออกไปไกลเล็กน้อย

กู้ชูหน่วนก็ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ เพียงแค่ถอนหายใจแล้วค่อยๆกล่าวว่า “ที่ข้าต้องการจะกล่าวก็คือหากรู้แต่แรกว่าเจ็บปวดมากเช่นนี้ต่อให้ถูกตีตายข้าก็คงจะไม่ไปช่วยเจ้า”

“พรึ่บ……”

เซี่ยวอวี่เซวียนสวมเสื้อผ้าไว้บนร่างของนางแล้วหันข้างมองไปยังด้านนอกท่ามกลางความมืดมิด

“มู่หน่วน หากเจ้ามั่นใจว่าคนผู้หนึ่งเป็นพี่น้องของเจ้า ขณะที่ครอบครัวของพี่น้องเจ้าถูกฆ่าล้างทั้งตระกูล เจ้าจะช่วยเขาโดยไม่ลังเลเลยหรือไม่?”

“แน่นอน ข้ามีสหายไม่มาก เมื่อมั่นใจแล้วก็เป็นผู้ที่คบหาด้วยใจ”

หรือบางทีอาจจะรู้สึกถึงความโศกเศร้าของเขา กู้ชูหน่วนจึงไม่พูดเล่นอีกทว่ากล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“หากว่า……หากว่าผู้ที่ฆ่าล้างพี่น้องตระกูลของเจ้าเป็นสหายอีกคนหนึ่งที่ปกป้องเจ้าด้วยชีวิตหล่ะ?”

“งั้นก็ยิ่งควรจะปกป้อง ถูกฆ่าล้างทั้งตระกูลสำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเพียงใด”

“ขณะที่พี่น้องทั้งสองของเจ้าเข่นฆ่ากันเจ้าจะช่วยใคร?” เซี่ยวอวี่เซวียนมองนางอย่างแน่วแน่โดยที่มือทั้งสองกำเอาไว้แน่น

กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว

คำถามนี้ก็ช่างซับซ้อนเกินไปกระมัง

“ข้าไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนข้าก็ไม่รู้ว่าตนเองจะช่วยใคร แต่ข้าคิดว่าหากว่าคนๆนั้นเห็นว่าข้าเป็นสหายที่แท้จริงๆก็จะไม่เข่นฆ่าสังหารพี่น้องทั้งตระกูลของข้าเป็นแน่”