ตอนที่ 647

The Divine Nine Dragon Cauldron

ในความคิดของวู่เหิง นอกจากห้าศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามีใครคิดจะสู้กับเด็กหนุ่มสัตว์ประหลาดคนนี้ คนผู้นั้นก็ไม่ต่างกับขุดหลุมฝังตัวเอง

 

“วู่เหิง เจ้าตกต่ำจริงๆ เจ้าไม่ละอายใจที่ต้องถูกคนแบบนี้จับตัวเลยรึ? เจ้ายินดีก้มหัวให้มันได้ยังไง?”

 

เซี่ยหวู่ดูถูกเขาอย่างมาก

 

“ทวีปเฉินหลงมันก็แค่ดินแดนบ้านนอกที่มีแต่พวกป่าเถื่อน แต่เจ้าก็เลือกข้างอยู่กับมัน พอฆ่ามันแล้วข้าจะต้องรายงานเรื่องนี้กับห้าศักดิ์สิทธิ์”

 

วู่เหิงเพียงถอนหายใจแต่ไม่พูดอะไร เขาพูดสิ่งที่พูดได้ไปหมดแล้ว

 

“เจ้าหนู ขอข้าดูพลังของเจ้าหน่อย”

 

จิตสังหารฉาบแววตาเซี่ยหวู่ เขากำหอกเมฆาเลือดในมือแน่น

 

“ท่านเจ้าพันธมิตร ให้พวกข้าจัดการมันเถอะ เราจะร่วมมือกันฆ่าไอ้ชั่วนั่น”

 

หนึ่งในองครักษ์สิบหกคนจากหน่วยกวาดล้างพูดขึ้นมา พวกเขาหลายคนเคยถูกเซี่ยหวู่ทำร้ายมาก่อน

 

“ถอยออกมา!”

 

ซือหยูยื่นแขนบังเหล่าองครักษ์ ทุกคนถอยทันที ความเชื่อฟังอย่างเข้มงวดเช่นนี้ทำให้เจ้าตำหนักหนานกวงงุนงง เพราะซือหยูเพิ่งจะได้เป็นเจ้าพันธมิตร แต่เจ้าก็ยังได้รับความนับถืออย่างมาก!

 

เซี่ยหวู่เลียริมฝีปากและตาลุกวาว

 

“นี่สินะ เจ้าพวกไร้กระดูกสันหลังพวกนี้ถึงได้กล้าหาญขึ้นมา? ดูเหมือนเจ้าจะเป็นแกนนำของพวกมัน ถ้าข้าดูดเลือดเจ้าจนแห้งเหือดต่อหน้าพวกมัน พวกมันก็คงยืนขึ้นมาไม่ไหวอีกแล้วสินะ!”

 

เซี่ยหวู่หายตัวไป เขาปรากฏตัวอีกครั้งเหนือศีรษะของซือหยู ดูเหมือนว่าเขาจะยักย้ายตัวเองมาทันทีที่พูดจบโดยไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีเวลาตั้งตัว!

 

“ท่านเจ้าพันธมิตร ระวัง!”

 

มีคนร้องเตือนซือหยู พวกเขาตกใจมาก! เซี่ยหวู่แข็งแกร่งยิ่งกว่าที่พวกเขาคิด!

 

ฉั่วะ!

 

ร่างของซือหยูถูกหอกเมฆาเลือดทะลวงเสียก่อนที่เขาจะรู้สึกเจ็บเสียอีก! ทันใดนั้น ร่างของเขาได้ระเบิดออกเป็นสายฟ้านับไม่ถ้วน

 

เปรี๊ยะ!

 

สายฟ้าได้ซัดลงไปใกล้กับกลุ่มคนพร้อมกับมีคนปรากฏตัวออกมาจากสายฟ้านั้น เขาคือซือหยูที่ยังคงยืนมือไพล่หลังตามเดิม ร่างกายของเขาไม่ได้มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของเขาเยือกเย็นไม่ยี่หระ

 

“เลี่ยงสายฟ้ารึ?”

 

เซี่ยหวู่เดา เขาค่อนข้างตกใจ นี่คือวิชาหลบหนีที่ยิ่งใหญ่! และวิชาระดับนี้ใช้ได้จากจ้าวเทวะเท่านั้น แต่มันกลับถูกใช้อย่างง่ายๆโดยกึ่งภูติอย่างซือหยู!

 

“เจ้าตอบสนองทัน แต่เจ้าไม่ประมาทไปหน่อยรึ?”

 

เซี่ยหวู่จ้องมองซือหยูอย่างเย็นชา เขาสะบัดนิ้วหนึ่งครั้ง

 

หอกเมฆาเลือดละลายกลายเป็นกองโลหิตที่กลิ่นเหม็นเน่า โลหิตนั้นได้แตกกระจายและพุ่งเข้าใส่ซือหยูดั่งพิรุณ

 

ซือหยูเพิ่งจะใช้เลี่ยงสายฟ้า ยากที่เขาจะใช้วิชาเดิมอีกครั้ง เซี่ยหวู่จึงใช้โอกาสนี้โจมตีเขาในเวลาวิกฤติ แค่เรื่องนี้อย่างเดียวก็บอกได้ว่าเซี่ยหวู่ผ่านการต่อสู้มามากมายแค่ไหน

 

แม้ว่าพิรุณโลหิตจะไม่ถึงตัวซือหยู ทุกคนก็คิดว่าซือหยูกำลังจะพลาดท่า! ทุกคนรู้สึกถึงจิตอันชั่วร้ายจากพิรุณโลหิต พวกเขายังรู้สึกว่าโลหิตนั้นมีชีวิตและมีวิญญาณชั่วร้ายอยู่ด้วย ทุกคนรู้ว่าคนที่ถูกโลหิตนี้สัมผัสจะต้องตาย!

 

ฮั่วฉีหลานหน้าซีด นางตะโกนร้อง

 

“ซือหยู ระวัง! ถ้าเจ้าถูกเลือดนั้น มันจะซึมผ่านตัวเจ้าแล้วดูดโลหิตทั้งหมดของเจ้าออกมา”

 

นางเคยเห็นวิชานี้มาก่อน มีมากกว่าพันคนที่ถูกมันสูบโลหิตจนแห้ง!

 

แกร๊ง!

 

ลูกแก้วสีครามปรากฏหน้าซือหยู มันหมุนรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว พิรุณโลหิตได้ถูกสะท้อนกลับไปอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่มีแม้แต่หยดเดียวที่ได้เข้าใกล้ซือหยู

 

เซี่ยหวู่สีหน้าหม่นหมอง เขากำมือเรียกพิรุณโลหิตกลับมา ในตอนนั้น มันได้อัดแน่นกลับเป็นหอกเมฆาเลือด

 

ส่วนซือหยู เขายังคงยืนมือไพล่หลังอยู่เหมือนเดิม เขายังไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยจนถึงตอนนี้ และเมื่อลูกแก้วสีครามสลายไปก็พบว่ามีไม้สีครามที่ปล่อยแรงดันวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน

 

“สมบัติวิญญาณระดับกลาง?”

 

เซี่ยหวู่ตกใจเมื่อเห็นมัน เขาอยากจะได้มันขึ้นมาทันที

 

“ดีล่ะ! ข้าอยากได้มัน วายุเมฆาเลือด!”

 

เซี่ยหวู่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและแกว่งหอก เมฆาและหมอกได้พุ่งออกมาและกลายเป็นวายุโลหิตลูกใหญ่! มีกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนโชยออกมาปนกับกลิ่นเลือด

 

“ทุกคนถอย! หมอกเลือดนั่นมีพิษ แก้วพลังวิญญาณของกึ่งภูติยังปนเปื้อนได้เพราะมัน! จุดกำเนิดพลังจะแตกสลาย ร่างกายจะเริ่มเน่า!”

 

วู่เหิงปัดมือกระจายหมอกโลหิตไม่ให้ถูกกองทัพ เขายังบอกให้ทุกคนถอย

 

ในตอนนั้น วายุโลหิตได้ล้อมตัวซือหยูไปแล้ว เขาไม่มีทางให้หนีเลย แต่ซือหยูนั้นไม่ไหวติง เพียงรอให้มันเข้าใกล้

 

เมื่อแสงสีครามหายไป เกราะทมิฬก็ปรากฏแทนที่ ที่อกมีแก้วที่กลายเป็นเศษเถ้า พลังชีวิตของมันถูกดูดจนหมด!

 

ม่านที่เหมือนกับวารีปล่อยออกมาจากชุดเกราะของซือหยู วายุโลหิตอันทรงพลังมิอาจเจาะทะลวงชั้นเกราะเข้าไปได้!

 

“เป็นไปได้ยังไง?”

 

เซี่ยหวู่ตกตะลึง ไม่มีเคยเลยที่มีฐานพลังเท่าเขา เขาไม่รู้เลยว่าทำไมซือหยูถึงกล้าดูถูกวายุเมฆาเลือดของเขา! แต่ซือหยูก็ป้องกันมันได้อย่างง่ายดาย!

 

เพียงไม่นาน วายุเมฆาเลือดได้สลายไปด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นเซี่ยหวู่ถึงได้รู้…ว่าศัตรูของเขาเพียงแค่ป้องกันตัวเอง แต่ยังไม่เคยจู่โจมเขาเลยสักครั้ง!

 

ซือหยูลดมือและเก็บชุดเกราะทมิฬ ความเยือกเย็นฉาบดวงตา

 

“เจ้าจบแล้วสินะ ต่อไปก็ตาข้า…”

 

เซี่ยหวู่ตกใจ แต่เขาก็ยังหยาบกร้านตามเดิม

 

“ข้ายังไม่จบ อย่าเพิ่งได้ใจไปนัก…”

 

เขาตะโกน

 

“เมฆาเลือดกระชากมิติ!”

 

เซี่ยหวู่ที่ถือหอกได้ถูกล้อมด้วยหมอกสีแดง ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาหลอมรวมไปกับหอก!

 

ฉึก!

 

เมื่อร่างกายของเขาหายไป รอยแยกมิติตรงยาวเกิดขึ้น ในกระโจมเทพสวรรค์ที่เป็นเพียงสมบัติภูติ มิตินั้นไม่หนาแน่นเท่าใดนัก แต่กับในดินแดนของจริงเช่นนี้ พลังนี้จะต้องน่ากลัวอย่างมาก!

 

วู่เหิงใจเต้นแรง เขาจำคำของห้าศักดิ์สิทธิ์ที่เคยพูดไว้…ว่าไม่มีใครที่มีพลังต่ำกว่าภูติระดับสี่จะรับมือกระบวนท่านี้ได้!

 

วู่เหิงเองรู้สึกว่าแม้แต่ซือหยูเอง เขาก็อาจจะรับมือไม่ไหว

 

แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าซือหยูไม่คิดจะป้องกันตัวเลย เขากลับก้าวไปข้างหน้า

 

“นี่น่ะรึ ท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า? อ่อนแอนัก…”

 

ต่อหน้าสายตาอันตกตะลึงของทุกคน ซือหยูกลับยื่นมือออกไปคว้าแสงสีแดงเอาไว้ เอาสัมผัสมันด้วยมือเปล่า!