ตอนที่ 469: ค่าความชั่วสูงเกินไป

Crazy Leveling System

“ติ๊ง ท่านสังหารหลิวหลงสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 44,000, ค่าความคลั่ง 4,400, ค่าความชั่ว 500….”

 

ในระหว่างที่พวกเขากำลังรออยู่นั้น เสียงรายงานว่าหลิวหลงได้ตายลงไปแล้วก็ดังขึ้นมา ทำให้อี้เทียนหยุนได้รับค่าประสบการณ์ เพราะว่าเขาไม่ได้เปิดโหมดคลั่ง ทำให้ค่าประสบการณ์ที่ได้จึงไม่สูง

 

ยังไงก็ตาม เรื่องนี้สำหรับเขาแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่ ค่าประสบการณ์ 1 ล้านสำหรับเขาเปรียบได้กับหยาดฝนที่ร่วงลงมา สิ่งสำคัญคือการทำภารกิจให้สำเร็จ หากในรังฟีนิกซ์ได้รับสมบัติอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็หญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ นั่นก็เท่ากับได้รับการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่แล้ว

 

เขาไม่เชื่อว่าในรังฟีนิกซ์จะไม่มีแม้กระทั่งหญ้าเพิ่มพูนจิตวิญญาณ

 

หลังจากครึ่งวันผ่านไป ในที่สุด หมอกแห่งความตายก็เริ่มส่งสัญญาณว่าจะเกิดการสลายตัว

 

“ดูเร็ว หมอกแห่งความตายนี้ในที่สุดก็เริ่มแยกตัวแล้ว…..”

 

พวกเขาพากันตื่นเต้นขึ้นมา เพราะรออยู่ที่นี่มานาน ในที่สุดก็เริ่มสลายตัว หากต้องรออยู่ที่นี่ต่อ พวกเขาคงถูกดูดจนแห้ง พลังงานสีดำของที่นี่ร้ายกาจมาก ทำให้ผลาญพลังวิญญาณสูงกว่าก่อนหน้า

 

“จริงด้วย ในที่สุดก็สลายตัวสักที” อี้เทียนหยุนพยักหน้า แต่นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น หากว่าเดินช้าเกินไป หมอกแห่งความตายก็จะเข้ามารวมตัวกันอีกครั้ง

 

ทำให้ความยากของมันเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี การจะไปถึงโลกวิญญาณได้นั้น ช่างยากลำบากจริงๆ แต่หลายคนก็ต้องการไปยังโลกวิญญาณนี้ เพื่อสภาพแวดล้อมในการฝึกฝนที่ดีกว่า แน่นอนว่ามันย่อมสุดยอดกว่าที่นี่เป็นไหนๆ

 

นอกจากพื้นที่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณระดับปกติแล้ว ที่อื่นล้วนแต่สูงกว่าที่นี่ แต่จะสูงกว่าเท่าไหร่นั้น จำเป็นต้องไปดูถึงจะรู้

 

อย่างรวดเร็ว หมอกก็พากันสลายตัวอย่างไว พริบตาก็เบาบางลงมาก แต่ยังคงมีหมอกชั้น 1 ปกคลุมอยู่ ไม่ได้สลายไปจนหมด

 

ยังไงก็ตาม แค่นี้ก็สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องส่งสัมผัสวิญญาณออกไปเหมือนแต่ก่อน ที่ถึงส่งออกไปก็ไม่สามารถสำรวจได้อย่างชัดเจนและง่ายดายอย่างนี้

 

“พวกเรารีบไปกันเถอะ หากช้ากว่านี้จะไม่ทันกาลได้” เริ่นเหลียงเฉินพยักหน้า พร้อมกับเรียกแผนที่ออกมาจากแหวน บนนั้นมีรายละเอียดเกี่ยวกับแผนที่บอกเอาไว้ อธิบายว่าควรจะเดินไปทางไหน ถึงจะสามารถผ่านหมอกแห่งความตายนี้ไปได้

 

อี้เทียนหยุนมองดูแผนที่ฉบับนี้อย่างคร่าวๆ และก็พบว่ามันคล้ายกับแผนที่ทางผ่านใต้พิภพที่เขามี โดยที่มีความต่างไม่มากเท่าไหร่นัก ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะมีแผนที่ของจริง ที่ไม่ใช่ของปลอม แต่นี่อาจจะเพราะพวกเขาทำการหาข้อมูลจากหลายๆ ที่เพื่อจัดสร้างเป็นแผนที่ฉบับนี้ จนสุดท้ายก็ได้เส้นทางที่แน่นอนออกมา

 

จากนั้น หลังจากที่เริ่นเหลียงเฉินดูเส้นทางแล้ว เขาก็เดินนำเข้าไปทันที พร้อมกับพูดกับอี้เทียนหยุนด้วยรอยยิ้มว่า “ก่อนหน้านี้เป็นน้องอี้ลงมือ คราวนี้ถึงตาพวกเราบ้าง นี่เป็นสิ่งที่พวกเราลงแรงไปมาก จึงทำให้ได้แผนที่ฉบับนี้มา มั่นใจว่าจะต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน!”

 

“ทำไมถึงได้มั่นใจขนาดนั้นล่ะ?” อี้เทียนหยุนถาม

 

“ก็ต้องมั่นใจอยู่แล้ว นี่เป็นเพราะพวกเราลงทุนไปมาก ซื้อมาจากผู้เชี่ยวชาญที่กลับมาจากโลกวิญญาณในราคาสูง แล้วแบบนี้จะเป็นของปลอมได้ยังไง?” เริ่นเหลียงเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “หากไร้ซึ่งการเตรียมตัว อาจจะนำมาซึ่งความตายได้ พวกเราไม่อยากตายอยู่ที่นี่ ทั้งเรายังไม่มีศัตรูอะไรอีกด้วย ในทวีปเทียนจิ่ง พวกเราต่างก็ใช้ชีวิตกันอย่างชื่นมื่น พวกเราไม่คิดเข้ามาหาที่ตายที่นี่หรอก!”

 

อี้เทียนหยุนสีหน้าสว่างวาบ “ผู้เชี่ยวชาญที่กลับมาจากโลกวิญญาณ….. มีผู้เชี่ยวชาญที่กลับมาจากโลกวิญญาณจริงๆ?”

 

นี่ถือเป็นข่าวดีจริงๆ เขาสนใจเกี่ยวกับผู้ฝึกตนที่กลับมาจากโลกวิญญาณมาก ตอนนี้จึงได้ถามออกไป

 

“ใช่แล้ว เหรียญตราโลกวิญญาณของเขาไม่มีอยู่ในทวีปเทียนจิ่งอย่างแน่นอน!” เริ่นเหลียงเฉินพูดอย่างมั่นใจ

 

“แล้วเขากลับมาทางไหน พอจะรู้หรือเปล่า?” อี้เทียนหยุนถาม

 

“เรื่องนี้เขาไม่ยอมพูด ไม่ว่าจะถามยังไงก็ตาม เหมือนกับเขาได้พบเจอกับเรื่องที่น่าสะพรึงอะไรบางอย่างงั้นแหละ…..” เริ่นเหลียงเฉินส่ายหัว แล้วพูดต่อว่า “ข้าเองก็อยากรู้ข้อมูลมากกว่านี้ หรืออยากจะรู้ว่ามีเส้นทางอื่นไหม แต่หากอยากจะเข้าไปยังโลกวิญญาณแล้วล่ะก็ เหมือนว่าจะเป็นเส้นทางนี้เท่านั้น”

 

“…..” อี้เทียนหยุนพยักหน้า แม้จะไม่รู้ว่าเขากลับมาจากทางไหน แต่แค่รู้ว่าหมิงเฉินกับพวกไม่ได้ออกมาจากที่นี่ก็พอแล้ว

 

อย่างน้อยเขาก็สามารถขจัดการเฝ้าระวังที่แห่งนี้ออกไปได้ แต่หากไม่ใช่ที่นี่ แล้วพวกเขาออกมาจากที่ไหนกัน?

 

จากนั้น พวกเขาก็พากันจากไปอย่างรวดเร็ว ส่วนผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณสองคนนั้นยังนอนอยู่บนพื้นไม่ได้สติ เพราะถูกพิษมากเกินไป หากคิดจะขจัดพิษออกไป จำเป็นต้องใช้พลังจำนวนมาก แต่สุดท้ายจะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้หรือเปล่า เรื่องนี้อี้เทียนหยุนไม่สนใจ

 

ถึงยังไงเขาก็ได้ให้โอกาสไปแล้ว หากไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้ เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเขาอีก

 

ภายใต้การนำของเริ่นเหลียงเฉิน พวกเขาก็คืบหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเลี้ยวซ้ายป่ายขวาตามที่แผนที่บอก เพราะเบื้องหน้าของเขาในตอนนี้ไม่ใช่ป่า แต่เป็นกำแพงหินที่เหมือนกับเขาวงกต ซึ่งแยกออกเป็นหลายเส้นทาง ไม่รู้ว่าทางไหนถึงจะเป็นทางที่ถูกต้อง

 

แต่เนื่องเพราะมีแผนที่อยู่ ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงสถานการณ์เดินเข้าเส้นทางผิดไปได้

 

“เดินไปทางนี้” เริ่นเหลียงเฉินพาพวกเขาเดินไปทางซ้าย พร้อมกับเอ่ยเตือนขึ้นว่า “ระวังด้วยล่ะ แม้จะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย”

 

ที่นี่เป็นเขตอันตรายตามธรรมชาติ ไม่ใช่มหาค่ายกลที่ผู้เชี่ยวชาญคนไหนจัดสร้างขึ้น ดังนั้นมันจึงมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

 

ในขณะที่พวกเขากำลังเดินเข้าไปตามแผนที่อยู่นั้น อยู่ๆ ก็มีเงาพุ่งเข้ามาใส่อี้เทียนหยุน พุ่งใส่ใครไม่พุ่ง ดันพุ่งเข้าใส่เขา

 

กระบี่ในมืออี้เทียนหยุนก็เร็วนัก หมุนตัวตวัดกระบี่เข้าใส่เงานั้น จนแยกออกเป็นสองส่วน

 

พร้อมกันนั้นก็ได้มีเลือดสีดำฉีดพุ่งออกมา เขารีบยกโล่ขึ้นกัน ป้องกันเลือดสีดำนี้เอาไว้ ยังไงก็ตาม ยามเมื่อเลือดสีดำปะทะเข้ากับโล่ของเขา ก็พลันมีเสียง “ฉี่” ออกมา ต้องการเผาโล่ของเขา แต่พลังวิญญาณของอี้เทียนหยุนก็ไม่อ่อนแอ เป็นธรรมดาที่เลือดนี้จะไม่สามารถเผาโล่ของเขาได้

 

“น้องอี้ เกิดอะไรขึ้น?” พวกเขารีบหันกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเห็นว่าที่พื้นมีศพอยู่ เป็นเหมือนกับท่อนแขนสีดำ ดูแล้วน่าขยะแขยงอย่างยิ่ง

 

“นี่คือหนอนใต้พิภพ…. หากว่าถูกกัดเข้า มีสิทธิ์ถูกพิษรุนแรง น่าขยะแขยงยิ่งนัก” เมื่อเริ่นเหลียงเฉินเห็น ก็พลันอธิบายออกมาอย่างรวดเร็ว “ดีแล้วที่น้องอี้มีปฏิกิริยาว่องไว ไม่อย่างนั้น คงไม่มีทางป้องกันเอาไว้ได้”

 

“เอาล่ะ พวกเรารีบไปต่อกันเถอะ” อี้เทียนหยุนบอกให้พวกเขารีบเดินทางต่อ

 

เริ่นเหลียงเฉินพยักหน้า จากนั้นก็นำพวกเขาเดินทางต่อ และในขณะที่ไปต่อนั้น ก็ได้พบว่ามีหนอนใต้พิภพอยู่มากมายตลอดทาง แต่พวกเขากลับไม่ถูกตั้งเป็นหมาย พวกมันทั้งหมดกลับพุ่งเข้าใส่อี้เทียนหยุนฝ่ายเดียว!

 

“แปลกมาก ทำไมพวกมันถึงเอาแต่โจมตีใส่น้องอี้ล่ะ….” พวกเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พวกเขาไมได้ให้อี้เทียนหยุนแยกไปเดินคนเดียวสักหน่อย ทำไมพวกมันถึงเอาแต่โจมตีใส่เขากัน

 

“ใช่ ฉลามใต้พิภพก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน…..”

 

“อาจจะเพราะเห็นว่ากลิ่นอายของข้าอ่อนแอที่สุด ดังนั้นจึงเลือกที่จะโจมตีใส่ข้าก่อน” อี้เทียนหยุนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ

 

ด้วยกลิ่นอายที่อ่อนแอของเขา ทำให้ง่ายที่จะดึงดูดสัตว์อสูรเข้ามาโจมตี ทั้งตัวเขายังมีค่าความชั่วอยู่สูงมาก ทำให้ดึงดูดความเกลียดชังเข้าใส่ตัวอย่างง่ายดาย!

 

และอันหลังนั่นแหละคือกุญแจสำคัญ ตราบเท่าที่มีความเป็นปรปักษ์ มันก็จะเล็งเป้ามาที่เขาในทันที นี่เป็นเพราะว่าเขามีค่าความชั่วสูงเกินไป