“ต-ตระหนักรู้ อย่างงั้นรึ” รอยคิ้วขมวดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูหยิน “ท่านเล่นตลกกับข้ารึ พี่สาวหง”
“ทำไมเจ้าจึงคิดอย่างนั้น ข้ามิมีเหตุผลที่จะโกหกเจ้า ในเมื่อข้าก็เพียงแค่พูดความจริง”
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ซูหยินก็ถามเธอว่า “ท่านจริงจังมากแค่ไหนกับพี่ชายของข้า”
“พูดได้แค่เพียงว่าเป็นระดับที่มิว่าใครในโลกนี้แม้แต่เจ้าจักเข้าใจได้”
“ข้ามิเชื่อท่าน ข้าจักเชื่อคนที่มิเคยแม้แต่น้อยที่จะพยายามค้นหาพี่ชายของข้าเมื่อเขาหายสาบสูญไปได้อย่างไร” ซูหยินตะโกน “ถ้าข้าเอาชนะท่านได้ในรอบนี้ ข้าต้องการให้ท่านลืมพี่ชายข้าไปซะ”
“ลืมเขาไปงั้นรึ… ข้าเกรงว่านั่นเป็นไปมิได้” หงอวี้เอ๋อร์ส่ายหน้าอย่างนุ่มนวล “และเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ามิได้ค้นหาซูหยาง”
หลังจากเงียบไปอีกชั่วขณะ หงอวี้เอ๋อร์ก็กล่าวต่อว่า “ปกติแล้วข้ามิทำอะไรเช่นนี้ แต่ในเมื่อเจ้าเป็นน้องสาวของซูหยาง ข้าจักให้เรื่องนี้เป็นข้อยกเว้นและยอมรับข้อเสนอที่ไร้เหตุผลของเจ้า”
“แต่ทว่า ถ้าข้าชนะ เจ้าต้องรับความสัมพันธ์ทุกอย่างที่ข้ามีต่อซูหยาง”
“ตกลง” ซูหยินไม่มีความคิดที่จะพ่ายแพ้ต่อหงอวี้เอ๋อร์ ไม่เช่นนั้นเธอก็คงไม่ตกลงโดยปราศจากความลังเล
“พวกเจ้าสองคนพร้อมที่จะต่อสู้กันแล้วหรือยัง” ซื่อตงถามพวกเธอด้วยสีหน้าประหลาด
เพราะว่ามีกลิ่นอายอันดุร้ายระหว่างพวกเธอ ซื่อตงจึงไม่กล้าที่จะขัดจังหวะพวกเธอในเวลานั้น และรอคอยอย่างอดทนจนพวกเธอเยือกเย็นลง
“ข้าพร้อมแล้ว” ซูหยินกล่าวขณะที่เธอตั้งท่า
“ข้าก็พร้อมแล้วเช่นกัน” หงอวี้เอ๋อร์พยักหน้าให้กับซื่อตง
“ถ้าเช่นนั้น… เริ่ม”
วินาทีที่การต่อสู้เริ่มต้น ซูหยินก็ใช้วิชาการเคลื่อนที่เข้าประชิด
“รูปแบบสวรรค์ที่สอง หมัดเกลียวสวรรค์”
ซูหยินต่อยหมัดที่กำแน่นไปยังหงอวี้เอ๋อร์ จนทำให้เกิดริ้วปราณไร้ลักษณ์แพร่กระจาย
อย่างไรก็ตาม หงอวี้เอ๋อร์หลบการโจมตีออกไปอย่างเยือกเย็นด้วยการขยับตัวไปด้านขวาเล็กน้อย หลบหมัดซูหยินไปอย่างฉิวเฉียด “รูปแบบสวรรค์ที่หนึ่ง ฝ่ามือแยกภูผา”
ทันทีที่พลาดการโจมตีครั้งแรก ซูหยินก็รีบปรับท่าทางเพื่อโจมตีอีกครั้ง
บูม
การโจมตีของซูหยินถูกหลบไปอย่างฉิวเฉียดอีกครั้ง แต่การโจมตีก็ได้ทำลายแผ่นกระเบื้องบนเวทีนับสิบแผ่น
“การโจมตีดุร้ายการตัดสินใจเฉียบขาด เจ้าเติบโตขึ้นมากนับตั้นแต่ที่ข้าเห็นเจ้าครั้งสุดท้าย” หงอวี้เอ๋อร์ชมเธอหลังจากที่หลบการโจมตี
“ข้ามิต้องการคำชมของท่าน รูปแบบสวรรค์ที่สอง หมัดเกลียวสวรรค์”
อีกครั้งที่หงอวี้เอ๋อร์หลบการโจมตี
“การโจมตีของเจ้ามิมีทางโดนตัวข้า ทำไมเจ้ามิยอมแพ้ล่ะ ข้าต้องการหลีกเลี่ยงการโจมตีน้องสาวซูหยางถ้าเป็นไปได้”
ซูหยินหน้าแดงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ “ข้ารู้ว่าท่านกำลังเย้ยหยันข้า”
หงอวี้เอ๋อร์ถอนหายใจและยกกระบี่พร้อมฝักในมือขึ้นเล็กน้อย
เมื่อซูหยินเห็นเช่นนั้นร่างของเธอก็มีปฏิกิริยาตอบโต้โดยสัญชาตญาณทำการถอยเข้าระยะปลอดภัยทันที
อย่างไรก็ตามในเวลาถัดไป ซูหยินก็สังเกตเห็นว่าร่างของเธอเบาขึ้นเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางประการ
ซูหยินตัดสินใจมองลงไป แต่เมื่อเธอเห็นว่าเสื้อคลุมช่วงล่างของเธอได้สั้นลงด้วยของมีคมบางอย่าง ร่างของเธอก็สั่นสะท้านลงด้วยความกลัว
“นั่นคืออะไรกัน ข้ามิเห็นแม้กระทั่งเธอชักดาบออกจากฝัก”
เสื้อคลุมของเธอแท้จริงแล้วได้ถูกตัดออกด้วยกระบี่ของหงอวี้เอ๋อร์ แต่เธอไม่สามารถที่จะสังเกตเห็นได้ อย่าว่าแต่จะตอบสนอง
“ประสาทสัมผัสของเจ้าค่อนข้างเฉียบคม ถ้าเจ้ามิล่าถอยเมื่อกี้นี้ ชุดชั้นในของเจ้าคงเผยให้สาธารณชนเห็นไปแล้วตอนนี้” หงอวี้เอ๋อร์พูดพร้อมกับรอยยิ้มซุกซนบนใบหน้า
“ข้าทำได้มิค่อยดีนักในการยั้งมือ แต่ข้ามิต้องการที่จะทำร้ายเจ้า ดังนั้นนี่จึงเป็นวิธีเดียวที่ข้าสามารถคิดได้ที่จักทำให้เจ้ายอมแพ้”
“จ-เจ้าชั่วร้าย เจ้าขี้ขลาด สู้กับข้าอย่างใสสะอาดสิ” ซูหยินกัดฟันด้วยความโกรธ
“เจ้าจักทำอะไรรึถ้าข้าปฏิเสธ รีบยอมแพ้เร็วเข้า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เจ้าจักต้องสู้กับข้าในขณะที่เปลือยเปล่า” “จ-จ-เจ้ามันเลว ข้าจักมิยอมปล่อยให้พี่ชายของข้าเข้าใกล้กับหญิงอย่างเจ้าไม่ว่าที่ไหนก็ตาม”
“บ้าสิ ถ้าข้ามิยอมแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ สุดท้ายเธอจักต้องเปลื้องข้าจนเปลือยเปล่าต่อหน้าคนจำนวนมากแน่ ข้าคงจะยอมตายดีกว่าปล่อยให้คนเหล่านั้นที่มิใช่พี่ชายสุดที่รักของข้าเห็นร่างข้า แต่ถ้าข้ายอมแพ้ ข้าจักต้องยอมให้นังจิ้งจอกนี่เข้าใกล้พี่ชายข้า และข้าก็มิต้องการเช่นนั้นเช่นกัน”
ซูหยินถูกผลักเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกหงอวี้เอ๋อร์คุกคามว่าจะเปลื้องผ้าเธอเปลือยเปล่าถ้าเธอไม่ยอมแพ้การต่อสู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“เหมือนที่ข้าคิดไว้ แม้ว่าเธอจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนพี่สาวหง แต่ลักษณะท่าทางของเธอแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าเธอถูกผีสิง” ซูหยินหรี่ตาไปยังหงอวี้เอ๋อร์
“โห นี่อะไรกัน เจ้ากำลังร้องไห้รึ” หงอวี้เอ๋อร์ปิดปากและทำท่าทางประหลาดใจขณะที่ดวงตาของซูหยินเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า
“ข้ามิได้ร้องไห้” ซูหยินกัดริมฝีปากและฝืนที่จะร้องไห้
“เช่นนั้นเจ้ารู้สึกต้องการยอมแพ้แล้วหรือยัง ข้ามิได้มีความอดทนที่จะรอคอยทั้งวัน”
“ข้าจักมิมีวันยอมแพ้” ซูหยินตะโกน
“ถ้าเช่นนั้น…”
ดวงตาของหงอวี้เอ๋อร์เปล่งแสงลึกลับ และกระบี่ในมือเธอก็สั่นสะท้านเล็กน้อย
วูดดด
“อา”
ซูหยินร้องเสียงดังเมื่อชายเสื้อของเธอพลันเลื่อนไถลออกจากแขน เผยให้เห็นแขนแบบบางเรียบเนียนของเธอ
“ช-ช่างไร้ยางอาย ช่างสกปรกนัก”
ศิษย์สำนักหงส์สวรรค์ต่างพากันงงงันกับกลยุทธ์ที่ไม่คาดคิดและสกปรกของหงอวี้เอ๋อร์ในการที่จะทำให้ซูหยินยอมแพ้ อย่างไรก็ตามการเล่นสกปรกประเภทนี้เป็นสิ่งที่คนมักจะคาดหมายว่าผู้ชายเป็นคนทำ ไม่ใช่หญิงสาวสวยเฉลียวฉลาดเหมือนดังเช่นหงอวี้เอ๋อร์
“เฮ้ย กูกว่านถิง นี่เป็นบ้าอะไรกัน นี่เป็นวิธีที่สำนักเมฆม่วงทำตอนนี้งั้นรึ” ไป่ลี่ฮัวตัดสินใจที่จะระบายความโกรธตรงไปยังกูกว่านถิง อาจารย์ของหงอวี้เอ๋อร์
แต่ทว่ากูกว่านถิงซึ่งก็ประหลาดใจเช่นเดียวกับทุกคนกับการเล่นตลกของหงอวี้เอ๋อร์ ก็ส่ายหน้าของตนเองอย่างรวดเร็ว และกล่าวว่า “อย่ากล่าวหาข้า ข-ข้ามิมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“สัส ข้าต้องการพูดกับเจ้าหลังจากนี้ กล้าดีก็อย่าหนีไปล่ะ” ไป่ลี่ฮัวตะโกนใส่อีกฝ่าย”
“ด-ได้…” กูกว่านถิงยอมจำนนต่อโชคชะตาและถอนหายใจเสียงดัง
“โอ หงอวี้เอ๋อร์… เจ้าคิดบ้าอะไรอยู่ แรกก็นิกายล้านอสรพิษและตอนนี้ก็… หรือว่าเจ้าต้องการจะให้ข้าถูกฆ่า” กูกว่านถิงรู้สึกเหมือนอยากร้องไห้