Dual Cultivation บทที่ 394: กลยุทธ์ไร้ยางอาย

 

“ต-ตระหนักรู้ อย่างงั้นรึ” รอยคิ้วขมวดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูหยิน “ท่านเล่นตลกกับข้ารึ พี่สาวหง”

 

“ทำไมเจ้าจึงคิดอย่างนั้น ข้ามิมีเหตุผลที่จะโกหกเจ้า ในเมื่อข้าก็เพียงแค่พูดความจริง”

 

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ ซูหยินก็ถามเธอว่า “ท่านจริงจังมากแค่ไหนกับพี่ชายของข้า”

 

“พูดได้แค่เพียงว่าเป็นระดับที่มิว่าใครในโลกนี้แม้แต่เจ้าจักเข้าใจได้”

 

“ข้ามิเชื่อท่าน ข้าจักเชื่อคนที่มิเคยแม้แต่น้อยที่จะพยายามค้นหาพี่ชายของข้าเมื่อเขาหายสาบสูญไปได้อย่างไร” ซูหยินตะโกน “ถ้าข้าเอาชนะท่านได้ในรอบนี้ ข้าต้องการให้ท่านลืมพี่ชายข้าไปซะ”

 

“ลืมเขาไปงั้นรึ… ข้าเกรงว่านั่นเป็นไปมิได้” หงอวี้เอ๋อร์ส่ายหน้าอย่างนุ่มนวล “และเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ามิได้ค้นหาซูหยาง”

 

หลังจากเงียบไปอีกชั่วขณะ หงอวี้เอ๋อร์ก็กล่าวต่อว่า “ปกติแล้วข้ามิทำอะไรเช่นนี้ แต่ในเมื่อเจ้าเป็นน้องสาวของซูหยาง ข้าจักให้เรื่องนี้เป็นข้อยกเว้นและยอมรับข้อเสนอที่ไร้เหตุผลของเจ้า”

 

“แต่ทว่า ถ้าข้าชนะ เจ้าต้องรับความสัมพันธ์ทุกอย่างที่ข้ามีต่อซูหยาง”

 

“ตกลง” ซูหยินไม่มีความคิดที่จะพ่ายแพ้ต่อหงอวี้เอ๋อร์ ไม่เช่นนั้นเธอก็คงไม่ตกลงโดยปราศจากความลังเล

 

“พวกเจ้าสองคนพร้อมที่จะต่อสู้กันแล้วหรือยัง” ซื่อตงถามพวกเธอด้วยสีหน้าประหลาด

 

เพราะว่ามีกลิ่นอายอันดุร้ายระหว่างพวกเธอ ซื่อตงจึงไม่กล้าที่จะขัดจังหวะพวกเธอในเวลานั้น และรอคอยอย่างอดทนจนพวกเธอเยือกเย็นลง

 

“ข้าพร้อมแล้ว” ซูหยินกล่าวขณะที่เธอตั้งท่า

 

“ข้าก็พร้อมแล้วเช่นกัน” หงอวี้เอ๋อร์พยักหน้าให้กับซื่อตง

 

“ถ้าเช่นนั้น… เริ่ม”

 

วินาทีที่การต่อสู้เริ่มต้น ซูหยินก็ใช้วิชาการเคลื่อนที่เข้าประชิด

 

“รูปแบบสวรรค์ที่สอง หมัดเกลียวสวรรค์”

 

ซูหยินต่อยหมัดที่กำแน่นไปยังหงอวี้เอ๋อร์ จนทำให้เกิดริ้วปราณไร้ลักษณ์แพร่กระจาย

 

อย่างไรก็ตาม หงอวี้เอ๋อร์หลบการโจมตีออกไปอย่างเยือกเย็นด้วยการขยับตัวไปด้านขวาเล็กน้อย หลบหมัดซูหยินไปอย่างฉิวเฉียด “รูปแบบสวรรค์ที่หนึ่ง ฝ่ามือแยกภูผา”

 

ทันทีที่พลาดการโจมตีครั้งแรก ซูหยินก็รีบปรับท่าทางเพื่อโจมตีอีกครั้ง

 

บูม

 

การโจมตีของซูหยินถูกหลบไปอย่างฉิวเฉียดอีกครั้ง แต่การโจมตีก็ได้ทำลายแผ่นกระเบื้องบนเวทีนับสิบแผ่น

 

“การโจมตีดุร้ายการตัดสินใจเฉียบขาด เจ้าเติบโตขึ้นมากนับตั้นแต่ที่ข้าเห็นเจ้าครั้งสุดท้าย” หงอวี้เอ๋อร์ชมเธอหลังจากที่หลบการโจมตี

 

“ข้ามิต้องการคำชมของท่าน รูปแบบสวรรค์ที่สอง หมัดเกลียวสวรรค์”

 

อีกครั้งที่หงอวี้เอ๋อร์หลบการโจมตี

 

“การโจมตีของเจ้ามิมีทางโดนตัวข้า ทำไมเจ้ามิยอมแพ้ล่ะ ข้าต้องการหลีกเลี่ยงการโจมตีน้องสาวซูหยางถ้าเป็นไปได้”

 

ซูหยินหน้าแดงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ “ข้ารู้ว่าท่านกำลังเย้ยหยันข้า”

 

หงอวี้เอ๋อร์ถอนหายใจและยกกระบี่พร้อมฝักในมือขึ้นเล็กน้อย

 

เมื่อซูหยินเห็นเช่นนั้นร่างของเธอก็มีปฏิกิริยาตอบโต้โดยสัญชาตญาณทำการถอยเข้าระยะปลอดภัยทันที

 

อย่างไรก็ตามในเวลาถัดไป ซูหยินก็สังเกตเห็นว่าร่างของเธอเบาขึ้นเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางประการ

 

ซูหยินตัดสินใจมองลงไป แต่เมื่อเธอเห็นว่าเสื้อคลุมช่วงล่างของเธอได้สั้นลงด้วยของมีคมบางอย่าง ร่างของเธอก็สั่นสะท้านลงด้วยความกลัว

 

“นั่นคืออะไรกัน ข้ามิเห็นแม้กระทั่งเธอชักดาบออกจากฝัก”

 

เสื้อคลุมของเธอแท้จริงแล้วได้ถูกตัดออกด้วยกระบี่ของหงอวี้เอ๋อร์ แต่เธอไม่สามารถที่จะสังเกตเห็นได้ อย่าว่าแต่จะตอบสนอง

 

“ประสาทสัมผัสของเจ้าค่อนข้างเฉียบคม ถ้าเจ้ามิล่าถอยเมื่อกี้นี้ ชุดชั้นในของเจ้าคงเผยให้สาธารณชนเห็นไปแล้วตอนนี้” หงอวี้เอ๋อร์พูดพร้อมกับรอยยิ้มซุกซนบนใบหน้า

 

“ข้าทำได้มิค่อยดีนักในการยั้งมือ แต่ข้ามิต้องการที่จะทำร้ายเจ้า ดังนั้นนี่จึงเป็นวิธีเดียวที่ข้าสามารถคิดได้ที่จักทำให้เจ้ายอมแพ้”

 

“จ-เจ้าชั่วร้าย เจ้าขี้ขลาด สู้กับข้าอย่างใสสะอาดสิ” ซูหยินกัดฟันด้วยความโกรธ

 

“เจ้าจักทำอะไรรึถ้าข้าปฏิเสธ รีบยอมแพ้เร็วเข้า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เจ้าจักต้องสู้กับข้าในขณะที่เปลือยเปล่า” “จ-จ-เจ้ามันเลว ข้าจักมิยอมปล่อยให้พี่ชายของข้าเข้าใกล้กับหญิงอย่างเจ้าไม่ว่าที่ไหนก็ตาม”

 

“บ้าสิ ถ้าข้ามิยอมแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ สุดท้ายเธอจักต้องเปลื้องข้าจนเปลือยเปล่าต่อหน้าคนจำนวนมากแน่ ข้าคงจะยอมตายดีกว่าปล่อยให้คนเหล่านั้นที่มิใช่พี่ชายสุดที่รักของข้าเห็นร่างข้า แต่ถ้าข้ายอมแพ้ ข้าจักต้องยอมให้นังจิ้งจอกนี่เข้าใกล้พี่ชายข้า และข้าก็มิต้องการเช่นนั้นเช่นกัน”

 

ซูหยินถูกผลักเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกหงอวี้เอ๋อร์คุกคามว่าจะเปลื้องผ้าเธอเปลือยเปล่าถ้าเธอไม่ยอมแพ้การต่อสู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน

 

“เหมือนที่ข้าคิดไว้ แม้ว่าเธอจะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนพี่สาวหง แต่ลักษณะท่าทางของเธอแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าเธอถูกผีสิง” ซูหยินหรี่ตาไปยังหงอวี้เอ๋อร์

 

“โห นี่อะไรกัน เจ้ากำลังร้องไห้รึ” หงอวี้เอ๋อร์ปิดปากและทำท่าทางประหลาดใจขณะที่ดวงตาของซูหยินเริ่มมีน้ำตาคลอเบ้า

 

“ข้ามิได้ร้องไห้” ซูหยินกัดริมฝีปากและฝืนที่จะร้องไห้

 

“เช่นนั้นเจ้ารู้สึกต้องการยอมแพ้แล้วหรือยัง ข้ามิได้มีความอดทนที่จะรอคอยทั้งวัน”

 

“ข้าจักมิมีวันยอมแพ้” ซูหยินตะโกน

 

“ถ้าเช่นนั้น…”

 

ดวงตาของหงอวี้เอ๋อร์เปล่งแสงลึกลับ และกระบี่ในมือเธอก็สั่นสะท้านเล็กน้อย

 

วูดดด

 

“อา”

 

ซูหยินร้องเสียงดังเมื่อชายเสื้อของเธอพลันเลื่อนไถลออกจากแขน เผยให้เห็นแขนแบบบางเรียบเนียนของเธอ

 

“ช-ช่างไร้ยางอาย ช่างสกปรกนัก”

 

ศิษย์สำนักหงส์สวรรค์ต่างพากันงงงันกับกลยุทธ์ที่ไม่คาดคิดและสกปรกของหงอวี้เอ๋อร์ในการที่จะทำให้ซูหยินยอมแพ้ อย่างไรก็ตามการเล่นสกปรกประเภทนี้เป็นสิ่งที่คนมักจะคาดหมายว่าผู้ชายเป็นคนทำ ไม่ใช่หญิงสาวสวยเฉลียวฉลาดเหมือนดังเช่นหงอวี้เอ๋อร์

 

“เฮ้ย กูกว่านถิง นี่เป็นบ้าอะไรกัน นี่เป็นวิธีที่สำนักเมฆม่วงทำตอนนี้งั้นรึ” ไป่ลี่ฮัวตัดสินใจที่จะระบายความโกรธตรงไปยังกูกว่านถิง อาจารย์ของหงอวี้เอ๋อร์

 

แต่ทว่ากูกว่านถิงซึ่งก็ประหลาดใจเช่นเดียวกับทุกคนกับการเล่นตลกของหงอวี้เอ๋อร์ ก็ส่ายหน้าของตนเองอย่างรวดเร็ว และกล่าวว่า “อย่ากล่าวหาข้า ข-ข้ามิมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

 

“สัส ข้าต้องการพูดกับเจ้าหลังจากนี้ กล้าดีก็อย่าหนีไปล่ะ” ไป่ลี่ฮัวตะโกนใส่อีกฝ่าย”

 

“ด-ได้…” กูกว่านถิงยอมจำนนต่อโชคชะตาและถอนหายใจเสียงดัง

 

“โอ หงอวี้เอ๋อร์… เจ้าคิดบ้าอะไรอยู่ แรกก็นิกายล้านอสรพิษและตอนนี้ก็… หรือว่าเจ้าต้องการจะให้ข้าถูกฆ่า” กูกว่านถิงรู้สึกเหมือนอยากร้องไห้