ตอนที่ 469: การเอาคืนจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 469: การเอาคืนจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์

“อาณาจักรฉินกาน แม้ว่าข้าจะได้โครงกระดูกเซียนผู้คุมกฎมาแล้ว แต่เจ้าก็สร้างปัญหาให้ข้า ข้าไม่จำเป็นต้องทำตามข้อตกลงก่อนหน้านี้แล้ว มารอดูกัน ถ้าข้ามีเวลา ข้าจะไปที่นั่นอีกครั้งเพื่อทวงความยุติธรรม” เจี้ยนเฉินพึมพำ ในขณที่เขาลอยอยู่กลางอากาศ ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกกังวลเรื่องตระกูลหวง แม้ว่าเขาจะเคยช่วยหวงหรวนเอาไว้ แต่โครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎนั้นก็ไม่ได้ด้อยและหาง่ายไปกว่ายุทธภัณฑ์คุมกฎเลย เจี้ยนเฉินไม่รู้ว่าหัวหน้าตระกูลของตระกูลหวงจะมาหาเรื่องเขาเพราะมันหรือไม่ ทั้งหมดที่เขารู้คือมันจะมีประโยชน์กับเขาอย่างมากถ้าเขาได้มันไป

อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวง เจี้ยนเฉินนั้นก็มีอำนาจที่เหนือกว่าตระกูลใหญ่หลายตระกูลในทวีป แม้แต่หัวหน้าตระกูลของตระกูลหวงยังต้องหลีกเลี่ยงที่จะก้าวล้ำขอบเขตมาจัดการกับเจี้ยนเฉิน

“ดูเหมือนว่าการที่ใช้พลังบรรพกาลได้นั้นจะสำคัญเหนือสิ่งใด ด้วยวิธีนี้ ข้าจะมีอาวุธที่ใช้ต่อกรกับระดับพวกเซียนผู้คุมกฎได้” เจี้ยนเฉินพึมพำในการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว หลังจากเขากลับไป เขาจะดูดซับพลังงานในโครงกระดูกเซียนผู้คุมกฎทันที

เจี้ยนเฉินกลายเป็นลำแสงสีม่วงและฟ้าและบินไปทิศทางของอาณาจักรเกอซุน ก่อนที่จะหายไปจากเส้นขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน ในอาณาจักรอินทรีสวรรค์ กองทหารหนึ่งได้เข้าไปในพระราชวัง ยามรักษาการทั้งหมดคุกเข่าลงทั้งสองข้างเพื่อต้อนรับการกลับมา

หลังจากที่เดินทางไปหลายวัน องค์ชายรองและอัครเสนาบดีก็กลับมาที่พระราชวังของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ในที่สุด

ในตอนที่พวกเขาเข้ามาในพระราชวัง องค์ชายรองและอัครเสนาบดีที่อยู่ในชุดธรรมดาก็ลงมาจากหลังม้าของพวกเขาทันทีและเดินตรงไปที่ท้องพระโรงเพื่อรายงานพระราชา

พระราชานั่งอยู่บนบัลลังก์และได้รับแจ้งถึงการมาถึงที่ท้องพระโรงในพระราชวังเพื่อที่จะพูดคุยแล้ว ทั้งสองข้าง มีจอมยุทธในชุดเกราะ 20 คนยืนอยู่อย่างไม่ไหวติง พวกเขาดูเหมือนเป็นรูปปั้นมากกว่ามนุษย์ แต่ละคนมีใบหน้าที่แข็งทื่อ แต่สายตาของพวกเขานั้นก็แหลมคม

องค์ชายรองและอัครเสนาบดีเดินเข้ามา ในตอนที่พวกเขาเห็นพระราชาที่นั่งอยู่สูงบนบัลลังก์ของเขา พวกเขาก็คุกเข่าลงอ่อนน้อม

“ข้ารับใช้ขอคารวะฝ่าบาท ! “

“ลูกขอคารวะเสด็จพ่อ ! “

พระราชารับเอาจอกชาที่นางกำนัลข้าง ๆ ส่งมาแล้วยิ้ม “อย่าพิธีรีตองเลย ลูกของข้า อัครเสนาบดี เรื่องข้อเสนอของพวกเราที่อาณาจักรเกอซุนเป็นไปอย่างราบรื่นหรือไม่ ? “

“เสด็จพ่อ อาณาจักรเกอซุนนั้นอวดดียิ่งนัก ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเห็นว่าตัวเองสูงส่งกว่าทุกคนเท่านั้น แต่พวกเขายังไม่เห็นว่าพวกเราอาณาจักรอินทรีสวรรค์เหนือกว่าอีก ไม่เพียงแต่พวเขาจะทำให้ผู้อาวุโสเจ๋อเจี้ยนได้รับบาดเจ็บ แต่พวกเรายังเกือบจะหนีออกมาจากพระราชวังไม่ได้อีก” องค์ชายรองบอกพระราชาถึงเรื่องที่เขาเจอมาที่อาณาจักรเกอซุนและเพิ่มเติมรายละเอียดเพื่อที่จะทำให้มันแย่ขึ้นไปกว่าเดิม

เมื่อได้ยินสิ่งที่องค์ชายรองพูด รอยยิ้มของพระราชาก็หุบลงไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งเขามองไปที่อัครเสนาบดีและถามอย่างช้า ๆ “อัครเสนาบดี สิ่งที่ลูกของข้าพูดเป็นความจริงงั้นหรือ ? อาณาจักรเกอซุนทำแบบนั้นจริง ๆ หรือ?”

“ฝ่าบาท องค์ชายรองตรัสความจริง อาณาจักรเกอซุนมองพวกเราอาณาจักอินทรีสวรรค์ต่ำต้อยกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย นอกเหนือไปจากนั้น เจ๋อเจี้ยนยังได้รับบาดเจ็บจากพวกเขาจริง และพวกเขาก็กำลังจะฆ่าพวกเราไปด้วยพะยะค่ะ” อัครเสนาบดีพูดอย่างเคารพ

“ช่างโอหังยิ่งนัก ! ” พระราชาคำรามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว ในขณะที่มือของเขาก็ตบไปที่ที่วางมือบนบัลลังก์ของเขา “ยาม ! เรียกผู้อาวุโสเจ๋อเจี้ยนมา”

“พะยะค่ะ ! ” ยามรักษาการณ์วิ่งออกไปทันที

เจ๋อเจี้ยนหน้าซีดวิ่งเข้ามาในโถงและคุกเข่าต่อหน้าพระราชาอย่างรวดเร็ว “ท่านสบายดีหรือไม่ เจ๋อเจี้ยน ? ” พระราชาถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเป็นเรื่องของคนที่เป็นเซียนสวรรค์แล้ว เขาต้องมั่นใจว่าเขาทำดีกับพวกนั้น

เจ๋อเจี้ยนพยักหน้า “ข้าจะฟื้นฟูในไม่ช้า”

หลังจากนั้น พระราชาก็ฟังที่เจ๋อเจี้ยนอธิบาย แม้ว่าจะมีความต่างเล็กน้อยจากสิ่งที่องค์ชายรองและอัครเสนาบดีพูด แต่ประเด็นหลักก็เหมือนกัน และประเด็นหลักเหล่านี้ก็ทำให้พระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ทำสีหน้าน่ารังเกียจออกมา

“เจ้าที่อยู่ตรงนั้น เอาโสมพันปีออกจากพระคลังของข้ามา” พระราชาสั่งหนึ่งในนางกำนับ

“เพคะ ฝ่าบาท” นางกำนัลตอบรับก่อนที่จะออกไป

“ผู้อาวุโสเจ๋อเจี้ยน ไม่นานมานี้ ข้าได้โสมพันปีมา ข้าจะให้มันกับเจ้าเพื่อที่หวังจะให้เจ้าฟื้นตัวเร็วขึ้น สำหรับเรื่องอาณาจักรเกอซุน พระราชาคนนี้จะทำให้มั่นใจถึงความยุติธรรมเอง” ในตอนที่เอ่ยถึงอาณาจักรเกอซุน สายตาของพระราชาก็เป็นประกายอันตราย

เจ๋อเจี้ยนเฉินยิ้ม “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา อย่างไรก็ตาม ท่านต้องระวังคนที่ชื่อเจียงหยาง เซียงเทียนของอาณาจักรเกอซุนไว้ให้ดี เขาไม่ใช่แค่อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะเท่านั้น แต่เขายังมีพลังที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อที่สามารถทำให้อาวุธเซียนของเซียนสวรรค์เสียหายได้ มันเป็นเพราะพลังนั้นถึงทำให้ข้าได้รับบาดเจ็บ”

“ถ้างั้นก็ยิ่งมีเหตุผลที่จะฆ่าเขาเพิ่มมากขึ้น ไม่เช่นนั้น มันจะเป็นภัยกับอาณาจักรอินทรีสวรรค์ของพวกเราในอนาคต” พระราชาตรัส

หลังจากที่เจ๋อเจี้ยนออกไป พระราชาก็กลับไปที่บัลลังก์และมองลงไปที่คนสองคนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา พระราชาพูดออกมา “อัครเสนาบดีเช่อ เจ้ามั่นใจในความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรเกอซุนกับอาณาจักรฉินหวงแล้วใช่หรือไม่ ? “

“ฝ่าบาท กระหม่อมได้สืบสวนเรื่องนี้มาแล้ว เหมือนที่ฝ่าบาทคิดไว้ ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้แน่นแฟ้นเลย ในตอนที่ข้าไปถึงที่พระราชวัง ที่ปรึกษาจักรพรรดิได้ออกไปแล้ว และหลังจาที่ข้าได้คุยกับพระราชาของอาณาจักรเกอซุน ข้าก็คาดเดาได้ว่า แม้แต่ตัวพระราชาเองยังไม่รู้ว่าจะให้อาณาจักรฉินหวงมาช่วยพวกเขาได้อย่างไร”

“หืม เป็นอย่างนั้นเองหรือ ? ! ” พระราชาของอาณาจักรอินทรีสวรรค์เผยยิ้มออกมา “ดูเหมือนความกังวลใหญ่ของพวกเราจะมีแค่เจียงหยาง เซียงเทียนเท่านั้น ถ้าเขาสามารถเป็นเป็นเซียนสวรรค์ด้วยอายุเท่านี้และมีความสามารถที่ทรงพลังที่สร้างความเสียหายให้กับอาวุธเซียนของเซียนสวรรค์ได้ เราจะปล่อยเขาไปไม่ได้ โชคร้ายที่เขาไม่ได้มาจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์ ดีละ เจ้าทั้งสองคงต้องเหนื่อยจากการเดินทางมาแน่ ไปพักเถอะ ที่เหลือข้าจะจัดการเอง”

“พะยะค่ะ ฝ่าบาท ! “

ครึ่งวันต่อมา เซียนสวรรค์ 8 คนก็รวมตัวกันอยู่ในส่วนลึกของพระราชวังของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ หลังจากที่คุยกับไปครึ่งชั่วยาม พวกเขาทั้งหมดก็ออกไป แต่ก็มีคน 2 คนมาร่วมกลุ่มของพวกเขาทำให้มีคนในกลุ่มทั้งหมด 10 คน

สองวันต่อมา บรรยากาศในพระราชวังก็แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ยามรักษาการณ์ในชุดเกราะสีดำก็เดินตรวจตราไปทั้งพระราชวัง ในขณะที่พระราชาก็เดินไปมารอบรอบด้วยอารมณ์ที่พึงพอใจ ในตอนนี้ เขากำลังเล่นหมากรุกกับเย่หมิง เขาไม่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นจากอาณาจักรเกอซุนอีกแล้ว นั่นเป็นเพราะในตอนนี้เขามีพลังอันยิ่งใหญ่คอยหนุนหลังทั้งอาณาจักรของเขาอยู่

“ปัง ! “

ทันใดนั้นเอง เสียงระเบิดก็ดังขึ้นไปทั่วทั้งพระราชวัง ทำให้เกิดการสั่นไหว แสงสีแดงจ้าเกิดขึ้นมาเต็มไปทั่วทั้งบริเวณ และกระจายออกไปทุกที่