ตอนที่ 373 แผนร้าย / ตอนที่ 374 เจ้าบ้าไปแล้ว

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 373 แผนร้าย 

 

 

 

 

 

เมื่อกำลังจะยกมือขึ้นตี แต่เมื่อเห็นอวี้อาเหราจ้องมองเขานิ่งงัน เป็นเพียงหญิงร่างบางที่อ่อนแอแท้ๆ แต่ว่าในช่วงเวลานี้ นางกลับดูเหมือนชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ ไม่ขลาดกลัวเลยแม้แต่น้อย จ้องมองเขาตรงๆ นิ่งๆ ราวกับสายตาของนางกำลังบอกว่า หากตีได้เจ้าก็ตีเลยสิ! ตีเลย! 

 

 

ช่างอวดดีเสียยิ่งนัก… 

 

 

มือของจวินฉางอวิ๋นหยุดค้างอยู่กลางอากาศ ไม่ใช่ว่าไม่กล้า แต่เขากลับชะงักเพราะท่าทีของนางจนลืมไปเสียแล้วว่าเขานั้นต้องการที่จะทำอะไร เห็นแต่หญิงอวดดีไม่กลัวตายตรงหน้าเท่านั้น 

 

 

เมื่อนางกำนัลอาวุโสและเมี่ยวอวี้เดินกลับเข้ามาดู เห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้เข้าก็รีบเข้ามาอย่างลนลาน 

 

 

เมี่ยวอวี้ยืนขวางอยู่ด้านหน้าของเตียง เพื่อปกป้องอวี้อาเหราที่นั่งอยู่บนเตียง จ้องมองจวินฉางอวิ๋นอย่างไม่เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย 

 

 

นางกำนัลอาวุโสเห็นดังนั้นแล้วก็ดึงมือของจวินฉางอวิ๋นที่ค้างอยู่ในอากาศ แล้วก็เรียกขึ้นด้วยเสียงสั่นเทา “รัชทายาทโปรดอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ อย่างไรก็ทรงอย่าทำร้ายคุณหนูรองเลย แม้ว่าพระองค์จะไม่โปรดนางแล้ว แต่ก็ไม่อาจลงไม้ลงมือตีนางได้ หากฮ่องเต้ทรงทราบเข้า แม้องค์ไทเฮาเองก็คงไม่อาจทรงปกป้องได้นะเพคะ…” 

 

 

เขาจะทำร้ายคนหรือ? จวินฉางอวิ๋นตีหน้าขรึม เป็นอวี้อาเหราที่ยั่วยุเขาก่อนแท้ๆ! 

 

 

เขาผ่อนลมหายใจอยู่ภายใน ไม่สูดลมหายใจเข้าก็ไม่ได้ จะถอนหายใจก็ไม่ได้ ทันใดนั้นก็สะบัดชายเสื้ออย่างโกรธเคือง แล้วยืนหันหลังให้เตียงโดยไม่พูดอะไร ช่างร้ายกาจยิ่งนัก เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสตรีปั่นหัวเล่นเช่นนี้ เมื่อครู่ยังเห็นว่านางไม่เห็นจะกลัว ยังเชิดหน้าเชิญชวนให้เขาตีอยู่เลยแท้ๆ 

 

 

อวี้อาเหรามองไปยังเมี่ยวอวี้และนางกำนัลอาวุโสที่เข้ามาในห้องอย่างโกรธๆ นางกำลังยั่วยุจวินฉางอวิ๋นให้เขาตีนางอยู่แท้ๆ เช่นนั้นนางจะได้สามารถรายงานต่อหลิงอ๋องได้ เมื่อถึงตอนนั้นก็สามารถใช้เรื่องนี้เพื่อรายงานต่อฮ่องเต้ กระดาษอย่างไรก็ไม่ทนไฟ แม้ว่าฮ่องเต้หรือไทเฮานั้นจะไม่อยากเลื่อนงานแต่งงานเพียงใด แต่ก็คงไม่อาจต้านทานขี้ปากชาวบ้านได้หรอก 

 

 

คนที่ตบตีและพยายามฆ่าภรรยาในอนาคตของตัวเองหลายครั้งหลายคราเช่นนี้ ใครจะกล้าแต่งงานด้วยเล่า? 

 

 

ฮ่องเต้จะไม่นึกถึงพระพักตร์ของตัวเองหน่อยหรือ? 

 

 

เมื่อถึงตอนนั้น นางก็ไม่ต้องแกล้งป่วยอีกต่อไป แต่ไม่คิดว่าจวินฉางอวิ๋นที่โกรธถึงเพียงนั้นแท้ๆ แต่กลับอดกลั้นไม่ลงไม้ลงมือกับนางได้ ยามนี้อวี้อาเหราอยากให้ฝ่ามือของเขาตบนางสักครั้ง แม้ว่าจะเป็นเพียงฝ่ามือเดียว แต่ก็สามารถทำให้งานแต่งงานของนางถูกยกเลิกได้แท้ๆ! 

 

 

แต่ว่ากลับถูกเมี่ยวอวี้และนางกำนัลอาวุโสเข้ามาขวางเอาไว้เช่นนี้ แผนนี้จึงไม่สามารถดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ได้… 

 

 

อวี้อาเหราขบริมฝีปากอย่างโกรธเคืองไม่หาย 

 

 

เมี่ยวอวี้จ้องมองคุณหนูของตัวเองอย่างแปลกใจ นางไม่เข้าใจเลย หรือว่านางเข้ามาไม่ถูกจังหวะกัน? 

 

 

อวี้อาเหราสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วกล่าวกัยเมี่ยวอวี้ว่า “เจ้าพาท่านอาวุโสผู้นี้ไปพักเถิด ข้าขอคุยอะไรกับรัชทายาทเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย” 

 

 

“แต่ว่าคุณหนู…” เมี่ยวอวี้มองไปยังจวินฉางอวิ๋นที่กำลังจะลงไม้ลงมือ ท่าทีของนางก็เปลี่ยนไปเป็นลังเล 

 

 

“ออกไปเถิด” อวี้อาเหราออกปากอีกครั้ง น้ำเสียงเฉียบขาดไม่ยอมให้ตั้งคำถามได้เลย 

 

 

เมี่ยวอวี้ไม่กล้าที่จะลังเล จากนั้นก็หันไปยิ้มแย้มกับนางกำนัลอาวุโส “เชิญตามบ่าวมาเจ้าค่ะ” 

 

 

นางกำนัลมองไปยังจวินฉางอวิ๋นและอวี้อาเหราอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ไทเฮามอบหมายหน้าที่ให้นางเปิดโอกาสให้คนทั้งสองพูดคุยกันตามลำพัง หากเป็นความต้องการของอวี้อาเหราเองก็ดีมากเลยทีเดียว แต่นางกลัวว่ารัชทายาทจะลงไม้ลงมือกับคุณหนูรองน่ะสิ… 

 

 

อวี้อาเหราช้อนตามองจวินฉางอวิ๋น ใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม “ขอรบกวนให้รัชทายาททรงเก็บไข่มุกให้หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ” 

 

 

“ก็ได้” จวินฉางอวิ๋นยืนหันหลังเพื่อสงบสติอารมณ์อยู่เป็นนาน แล้วจึงค่อยยอมรับปาก เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอวี้อาเหราต้องการจะทำอะไรกันแน่ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 374 เจ้าบ้าไปแล้ว 

 

 

 

 

 

ไข่มุกเม็ดเล็กยิ่งนัก เมื่อตกลงสู่พื้นก็ยากที่จะเก็บขึ้นมาได้ หากอยู่ข้างๆ เตียงก็สามารถที่จะกลิ้งเข้าไปอยู่ตรงมุม ดังนั้นเวลาค้นหาจึงต้องเปลืองแรงเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ก็เก็บมาสองรอบแล้วถึงรู้ว่าอวี้อาเหราจงใจที่จะทำตก เช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคือง เมื่อคิดว่านางกำลังวางแผนการอะไรบางอย่างอยู่ ก็จำต้องกล้ำกลืนความไม่พอใจลงไป 

 

 

วางลงไปในกล่องที่ละเม็ด อวี้อาเหราก็ถือกล่องไว้แต่ก็ไม่นับอย่างละเอียด รอจนกระทั่งจวินฉางอวิ๋นพยายามเก็บมาอย่างยากลำบากแล้วก็โยนกล่องลงพื้นอีกครั้ง นางลงมาจากเตียง แล้วยืนขึ้น ส่งสายตาเย็นชามองไปทางเขา 

 

 

“เจ้าบ้าไปแล้วหรืออย่างไร!” แม้ว่าในใจของจวินฉางอวิ๋นจะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่านางกำลังยั่วโมโหตัวเองอยู่ แต่เมื่อเห็นอวี้อาเหราโยนไข่มุกที่ตัวเองเก็บมาอย่างลำบากลงพื้นเหมือนขยะเช่นนี้ ทันใดนั้นก็โกรธขึ้นมา สองคิ้วเข้มหนาก็ขมวดแน่นอยู่บนดวงตาทั้งสองข้าง 

 

 

อวี้อาเหราหัวเราะเสียงเย็น “ขอบพระทัยรัชทายาทที่ทรงใส่พระทัย แต่สมองของหม่อมฉันยังคงปกติดี แต่หญิงที่หลงใหลพระองค์จนเสียสตินั่นแหละที่เป็นบ้า! หากไม่ใช่รัชทายาทที่ผลักหม่อมฉันตกหน้าผาในวันนั้น ก็คงไม่อาจจะฟื้นคืนสติมาได้ถึงเพียงนี้ จะว่าไปแล้วเรื่องทั้งหมดนี้คงต้องขอบพระทัยองค์รัชทายาทแล้วเพคะ” 

 

 

“วันที่เจ้าตกหน้าผา ข้านั้น…” จวินฉางอวิ๋นคิดอยากจะพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น สองคิ้วขมวดราวกับกำลังจะต้องการอธิบายอะไรบางอย่าง 

 

 

“หากองค์รัชทายาทต้องการจะอธิบายถึงเรื่องในวันนั้นก็ขอทรงอย่าได้พูดถึงเลย” แต่กลับถูกอวี้อาเหราตัดบทอย่างเย็นชา น้ำเสียงของนางราวกับถูกส่งมาจากท้องฟ้าอันห่างไกลอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งเต็มไปด้วยความเย็นชาเหน็บหนาว แล้วจึงมองมาที่เขาด้วยสายตาเยาะเย้ย “เมื่อครู่นี้องค์รัชทายาททรงตรัสกับหม่อมฉันเองว่าไม่ทรงสนใจเรื่องในอดีตของหม่อมฉัน ขอแค่หม่อมฉันทำตัวสงบเสงี่ยมพระองค์ก็ทรงยอมรับตัวตนใหม่ของหม่อมฉันมิใช่หรือ? แต่สิ่งที่หม่อมฉันต้องการจะพูดก็คือ ตัวพระองค์เองนั่นแหละที่เป็นบ้าสติไม่ดี!” 

 

 

“เจ้ากล้าว่าเราสติไม่ดีหรือ” จวินฉางอวิ๋นไม่อยากจะเชื่อ อวี้อาเหราที่เมื่อก่อนเอาแต่วิ่งตามหลังเขาตลอด กล้าที่ใช้น้ำเสียงเช่นนี้กับเขาหรือ? 

 

 

อวี้อาเหรายืดอกขึ้น “เมื่อครู่นี้เป็นหม่อมฉันที่ทำไข่มุกตกพื้น เป็นพระองค์เองมิใช่หรือที่ก้มลงเก็บให้หม่อมฉัน องค์รัชทายาทเพคะ หม่อมฉันอวี้อาเหราเป็นถึงธิดาเอกของจวนหลิงอ๋อง ไม่ใช่คุณหนูจากตระกูลเล็กๆ มีคนมากมายที่ต้องการหม่อมฉัน ไมใช่พระองค์เพียงผู้เดียวเสียหน่อย!” 

 

 

“เจ้า…” จวินฉางอวิ๋นถึงกับพูดไม่ออก ไม่เคยคิดเลยว่านางจะกล้าพูดจาเช่นนี้กับเขา ถึงขนาดกล้าที่จะพูดเรื่องแต่งงานออกมาตรงๆ หากเป็นหญิงธรรมดาๆ จะกล้าพูดเช่นนี้ออกมาได้หรือ? แล้วยังกล้าพูดออกมาต่อหน้าองค์รัชทายาทแห่งต้าเยี่ยนอีก! 

 

 

“ไม่ผิด อาเหราของเรานั้นมีคนมากมายต้องการที่จะแต่งงานด้วย มิได้มีเพียงองค์รัชทายาทเพียงผู้เดียวเสียหน่อย” ในยามนี้หลิงอ๋องก็ก้าวอาดๆ เข้ามา แล้ววางมือเอาไว้ที่หน้าอก อาจจะเป็นเพราะเดินทางมาอย่างเร็วจนเกินไป จนทำให้เกิดเสียงลมพัดผ่านทางเดิน จนทำให้ชายเสื้อหรูหราปลิวสะบัด 

 

 

เขากล่าววาจาสนับสนุนอวี้อาเหราขึ้นมาโดยไม่หวาดกลัว 

 

 

อวี้อาเหราตกใจ ทันใดนั้นก็หันมามอง “เสด็จพ่อ?” 

 

 

หลิงอ๋องยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน แล้วจึงค่อยผินหน้าไปทางจวินฉางอวิ๋น แสร้งทำทีเป็นคารวะอีกฝ่ายอย่างมพิธีรีตอง “องค์รัชทายาท จวนหลิงอ๋องของเราช่างเล็กนัก มิอาจรองรับพระองค์ผู้ทรงเกียรติได้ หวังว่าพระองค์จะทรงโปรดอภัย” 

 

 

หากพูดอีกอย่างหนึ่ง ก็คือพวกเราไม่ต้อนรับเจ้าเลยแม้แต่น้อย 

 

 

อวี้อาเหราอดไม่ได้ที่จะชื่นชมหลิงอ๋อง ใช้คำพูดเช่นนี้ก็เท่ากับทำให้จวินฉางอวิ๋นเสียหน้า ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปทำได้ สมแล้วที่เป็นหลิงอ๋อง หากไม่มีความสามารถก็คงไม่อาจมียศตำแหน่งสูงส่งถึงเพียงนี้ได้หรอก