ตอนที่ 664 กลัวจนเป็นบ้า

Apocalypse Meltdown โลกาวินาศล่มสลาย

“ปล่อยค่ายเถาจินนี่ไปตามทางของมัน รีบพาเด็กกลับไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า และให้กองทัพเขี้ยวหมาป่าพาทหารมาสองร้อยนายเพื่อรอรับคน” ทุกอย่างได้รับการแก้ไข ชูฮันตัดสินใจขั้นสุดท้ายเรียบร้อย

 

“รับคน?” เสี่ยวเคินงุนงง

 

ชูฮันส่งแววตาว่างเปล่าให้เสี่ยวเคิน “อย่าถามมาก”

 

ผู้หญิงพวกนั้นจะกลายเป็นสมบัติ สมบัติล้ำค่าที่จะช่วยเขาทำเงิน แน่นอนว่าจะต้องมีคนมารับสมบัติของเขาเพื่อความปลอดภัย!

 

แต่เขาจะให้ซางจิ่วตี้รู้ไม่ได้…

 

ค่ายเถาจินในตอนนี้มีแต่ซากศพและเลือดนอง ทุกอย่างถูกทำลายจนหมด ในตอนสายที่พระอาทิตย์เริ่มสาดแสง ชาวบ้านในค่ายเถาจินเริ่มค่อยๆลุกขึ้นมาเพื่อทำงาน ทันทีที่ชาวบ้านออกมาข้างนอกและเจอแต่ความว่างเปล่า ไม่มีที่อยู่หรูหราของพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ ทุกอย่างหายไป ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงแค่รอยเลือดบนพื้นเต็มไปด้วยให้เห็น เหมือนกับว่าจู่ๆเหล่ามนุษย์สายพันธุ์ใหม่ในค่ายเถาจินก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย รวมถึงตัวผู้นำค่ายอย่างเถาจินด้วย

 

เหล่ามนุษย์สายพันธุ์ใหม่ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านได้อยู่ในใจกลางของค่าย ชาวบ้านจะต้องอยู่รอบนอก ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องเหตุการณ์เมื่อคืนเลย

 

ชาวบ้านในค่ายเถาจินใช้ชีวิตกันเหมือนเดิม ถนนซ่องยังคงเปิดให้บริการอยู่ พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขและอิสระ หากในเวลาเดียวกันในใจของพวกเขาก็มีความกลัว ถ้าหากฝูงซอมบี้โจมตีค่ายขึ้นมาล่ะ?

 

พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา พวกเขาไม่มีพลังในการต่อสู้ และพวกเขาส่วนใหญ่สามารถรับมือได้แค่เพียงซอมบี้ระยะ 1 เท่านั้น ซึ่งมันจะต้องอาศัยความกล้าและคนจำนวนมากร่วมมือกัน

 

ในช่วงเวลาที่กำลังใจของทุกคนกำลังจาง และเริ่มเกิดความสับสนและกังวลใจ หลินหยูและลูกน้องของเธอก็เริ่มดำเนินการ เธอเริ่มดึงหญิงสาวมาจากร้านอื่น ล้างสมอง ใช้เงินเพื่อล่อ ใช้ความสามารถลิ้นทองของเธอเพื่อดึงดูดให้คล้อยตาม

 

ทหารกองทัพเขี้ยวหมาป่าสองร้อยคนก็มาตั้งค่ายรอที่ค่ายเถาจินทันทีที่ได้รับข่าวจากทีมกุ้งเสือดำ ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้อย่างสมบูรณ์แบบตามแผนการของชูฮัน

 

ในขณะที่ทุกคนกำลังยุ่งวุ่นวายกันอยู่ ชูฮันก็ทิ้งห่างออกมาจากค่ายเถาจินพร้อมกับฟานเจี้ยนแล้ว พวกเขามุ่งหน้าไปที่ส่วนที่ลึกที่สุดของเมืองอันลู

 

มันมีตึกสามชั้นที่ตกแต่งด้วยบรรยากาศเมดิเตอเรเนียน บริเวณล้อมรอบเต็มไปด้วยตึกสูงมากมาย มีดาดฟ้ากว้างใหญ่ที่สามารถสร้างสวนย่อมขนาดกลางได้

 

สาเหตุที่ชูฮันเลือกที่นี้…

 

“ช่วยด้วย! อย่าผลักฉันลงไป ไว้ชีวิตฉันด้วย!” เถาจินที่ถูกเชือกมัดห้อยตัวลงพื้นอยู่ที่ขอบดาดฟ้าโดยชูฮัน พยายามตะเกียจตะกายให้หลุดพ้น ด้วยหวาดกลัวว่าจะตกลงไปได้ทุกเมื่อ

 

ที่ขาทั้งสองข้างยังคงมีเลือดไหลซึมออกมาอยู่ หยดเลือดไหลย้อยไปตามกำแพงของตึกสามชั้นซึ่งมันดึงดูดซอมบี้มากมายที่อยู่ข้างล่างได้ พวกมันเกิดอาการคลั่งพยายามตะกายตัวขึ้นมาหาที่มาของเลือดอย่างหิวโหย ฝูงซอมบี้มหาศาลข้างล่างอัดแน่นกันจนเหมือนน้ำทะเลสีดำ

 

คนที่มองมาสามารถเห็นเขี้ยวของซอมบี้ได้ชัดเจน สีหน้าบิดเบี้ยวของพวกมันที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหิวโหยอย่างบ้าคลั่งสุดขีด

 

เสียงกระหึ่มและคำรามของพวกมันดังสนั่นก้องจนหูแทบหนวก

 

ซอมบี้หลายตัวพยายามกระโดดขึ้นมาหาเถาจิน พยายามเข้าใกล้กลิ่นเลือดอันเย้ายวนที่มันปรารถนา ซอมบี้บางตัวที่มีพละกำลังในการกระโดดสูงนั้นสามารถกระโดดขึ้นมาเกือบถึงตัวเถาจินแล้ว บางตัวที่เป็นระยะ 2 หรือ 3 นั้นเริ่มเรียนรู้ว่าต้องปีนไต่กำแพงขึ้นมา พวกมันทั้งหลายต่างหาทางที่จะขึ้นมาถึงตัวเถาจินกันให้ได้แต่เป็นเพราะกำแพงพิเศษนี้ทำให้พวกมันไม่สามารถมาถึงตัวเถาจินได้สักตัว ทิ้งไว้แต่เพียงรอยขีดข่วนบนกำแพงของกรงเล็บพวกมัน

 

เถาจินช็อคค้างไปแล้วหลายครั้ง จิตใจถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงจนไม่เหลือสภาพคนเดิม ความเจ็บปวดที่ขาดเทียบไม่ได้กับความกลัวตรงหน้า โดยเฉพาะเมื่อซอมบี้ระยะสูงๆที่เกือบจะปีนขึ้นมาถึงตัวเขา ความกลัวนั้นระเบิดจนหัวใจแทบหยุดเต้น ยิ่งครั้งล่าสุดที่เขี้ยวของซอมบี้อยู่ห่างจากหน้าเขาแค่ไม่กี่เซ็นติเมตรเท่านั้น ความตายที่ฉิวเฉียดอยู่ตลอดเวลาทำให้เถาจินนั้นแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว

 

แม้ตัวเขาจะเป็นวิวัฒนาการระยะ 5 แต่ถ้าเขาตกลงไปในทะเลซอมบี้ เขาต้องถูกจับกินจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแน่ๆ

 

กัก! คัก! กึก!

 

เสียงของซอมบี้ตัวใหญ่ที่กระแทกชนกันเพราะต่างพยายามจะปีนขึ้นมาหาเถาจิน

 

ในขณะที่เหตุการณ์แห่งความกลัวนี้ดำเนินมาได้หลายชั่วโมงแล้ว ชูฮันที่ยืนอยู่บนหลังคา ย่างเนื้อกินอย่างสบายอารมณ์

 

ฟานเจี้ยนที่อยู่ข้างๆนั้นไม่สามารถเข้าใจการกระทำที่ไร้ซึ่งเหตุผลของชูฮันได้เลย “ฉันไม่เข้าใจว่านายสามารถนั่งกินอย่างเอร็ดอร่อยได้ยังไงในบรรยากาศแบบนี้?”

 

ชูฮันหันกลับมามองฟานเจี้ยนด้วยแววตานิ่งลึก “นายยังไม่ได้ลิ้มรสของความหิวโหยที่ไม่มีอาหารจะกิน” ชูฮันหยิบเน้ือที่ย่างขึ้นมากัดและเคี้ยว “ฉันจะรู้สึกดีเมื่อเห็นความทุกข์ยากของคนอื่น”

 

ฟานเจี้ยนพูดอะไรไม่ออกทันที ทำได้แค่เพียงเปลี่ยนเรื่อง “ไอ้เถาจินนั่น นายอยากจะทำยังไงต่อกับมัน นี่มันกลัวจนขี้ราดมาหลายชั่วโมงแล้ว ตอนนี้มันน่าจะสติแตกจนเป็นบ้าไปแล้วมั้ง?!”

 

“นายกินน่องไก่มั้ย?” จู่ๆชูฮันก็ส่งน่องไก่ที่ย่างเสร็จแล้วมาต่อหน้าฟานเจี้ยน

 

“กิน” ฟานเจี้ยนรับมือและลงมือกินทันที หากยังไม่ลืมคำถามที่ถามไว้ “นายมีอะไรจะถามไอ้เถาจินเหรอไง? นายทำให้มันกลัวจนเป็นบ้าไปแล้ว สมองมันเอ๋อจนไม่รับรู้อะไรไปแล้วมั้ง”

 

ชูฮันนิ่งเฉย มันมีรอยยิ้มในนัยน์ตาของชูฮันอยู่ชั่วขณะ “ฉันอยากจะลองดูว่าสำหรับวิวัฒนาการที่ระยะ 5 อย่างเถาจินแล้วมันน่าจะมีอะไรที่น่ากลัวกว่าซอมบี้…”

 

ฟานเจี้ยนยังคงกัดน่องไก่กินต่อ “นายหมายความว่าไง?”

 

ในตอนนั้นหลังจากเผชิญกับความกลัวต่อเนื่องมาหลายชั่วโมงติดกัน เถาจินที่ตอนนี้สติหลุดจนไม่สามารถกู่กลับมาได้แล้วก็หยุดตะโกน เสียงร้องแหกปากหยุด สีหน้าเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า และเอ่ยขึ้นอย่างสิ้นหวัง “ชูฮัน ฮ่าฮ่าฮ่า ชูฮัน เปล่าประโยชน์น่า ต่อให้แกฆ่าฉัน ฆ่ามนุษย์สายพันธุ์ใหม่หมดทั้งค่ายเถาจิน มู๋เย๋ก็ไม่มีทางปล่อยแกไป มันมีค่ายเล็กๆแบบฉันอีกมากมาย รวมถึงกลุ่มผู้ลี้ภัยอีกมหาศาลรอบๆเมืองอันลูที่หาโอกาสจะฆ่าแก!”

 

ฟานเจี้ยนตะลึงค้าง มองไปที่ชูฮันอย่างประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน เขาไม่คิดเลยว่ามันจะมีอำนาจอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายทั้งหมดของเถาจิน?

 

ชูฮันเงียบสนิท แววตามีประกายวาวบางอย่าง เขาสัมผัสได้ตั้งแต่แรกว่าการเคลื่อนไหวของเถาจินมันไม่ได้บริสุทธ์ ความโกลากลที่สร้างขึ้นมันดูมีเจตนาซ่อนเร้น

 

กลายเป็นว่ามันคือฝีมือของพวกลูกผสม!