บทที่ 2 บทที่ 2 ตอนที่ 129

สมาคมแลกเปลี่ยนทราฟฟอร์ด

​พอเครื่องบินลดระดับลงจอดที่เกาะแห่งหนึ่งเหนือน้ำทะเล ชายหนุ่มที่ไม่มีเวลาเสวนากับพนักงานขับเครื่องบินก็รีบเดินลงมาอย่างร้อนรน 

 

ทีมหนึ่งมีห้าคน ชายซึ่งมือถือปืนกระบอกหนึ่งไว้ และยังสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวบริสุทธิ์ ได้รอคอยอยู่ที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้ว 

 

“หัวหน้าสาขา คุณกลับมาแล้ว” 

 

ผู้ที่เป็นหนึ่งในผู้นำคนนั้นพยักหน้า 

 

ชายหนุ่มก็พยักหน้า เขาทอดมองไปทางหุบเขาบนเกาะสวรรค์แห่งนี้ตามอารมณ์…ฝั่งนั้นเป็นที่อยู่ และเป็นสถานที่ที่บรรดาศิษย์สาวกอาศัยอยู่รวมกัน แต่ทางฝั่งนี้ถึงเป็นฐานที่ตั้งของสมาคมไมเคิล 

 

คุณซุนเป็นแค่ชื่อรหัสเท่านั้น คนในสมาคมที่รับผิดชอบดูด้านนอก ล้วนแล้วแต่ใช้ชื่อรหัส ‘คุณซุน’ นี้ได้ 

 

แต่เมื่อกลับมาถึงฐานที่ตั้งสมาคมจริงๆ แล้ว ชายหนุ่มกลับคืนสู่สถานะเดิมของตนเอง หนึ่งในสี่ผู้รับผิดชอบสาขาฝั่งยุโรปตะวันตก ‘ชื่อรหัสสกอร์เปียน’ 

 

ขนานนามตามจักรราศีสิบสองราศี หัวหน้าสาขาทุกคนล้วนมีชื่อรหัสที่สอดคล้องกัน 

 

ในตอนนี้สกอร์เปียนมองดูชายสวมชุดทหารตรงหน้า “เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ ฉันจะพูดคุยกับพวกสมาชิกสภาผู้นำสักหน่อย” 

 

ชายชุดทหารกลับพูดขึ้นทันทีว่า “หัวหน้าสาขาสกอร์เปียน ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้าที่คุณจะกลับมาถึง แฮงค์แมน เทมเพอร์แรนซ์ พระสังฆราช รวมทั้งเดอะ ไฮ พรีสเทส ทาวเวอร์ วงล้อแห่งโชคชะตา สมาชิกสภาผู้นำหลายท่านได้รออยู่แล้วครับ” 

 

สกอร์เปียนนิ่งอึ้ง ในสมาชิกสภาผู้นำร่วมยี่สิบเอ็ดคน มีหกคนมารอเขาล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว? เขากำลังครุ่นคิดถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ไปอย่างเผลอตัว 

 

“ฉันรู้แล้ว” 

 

… 

 

ในทางเข้าทางลับที่สร้างจากหินภูเขา สกอร์เปียนรีบเดินตามเส้นทาง ก่อนเข้าไปในลิฟต์ จนมาถึงพื้นที่ที่ลึกระดับหนึ่งของใต้ดินแล้ว 

 

ฐานที่ตั้งแห่งนี้ก่อสร้างมาเป็นเวลานาน ทุกวันนี้ใต้เกาะได้ขยายจนเรียกได้ว่าใหญ่โตโออ่าแล้ว 

 

ลิฟต์หยุดลง ก่อนสกอร์เปียนจะเดินผ่านประตูกั้นน้ำบานแล้วบานเล่า สุดท้ายก็มาถึงในห้องห้องหนึ่งเพียงลำพังคนเดียว 

 

ที่นี่มีสะพานยาวประมาณสี่เมตรมุ่งไปข้างหน้าเพียงทางเดียวเท่านั้น สกอร์เปียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยกเท้าก้าวไปจนสุดสะพานอีกด้านหนึ่ง แล้วทันใดนั้นเองรอบๆ ด้านก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้น 

 

ตอนนี้มองเห็นทั้งห้องชัดเจนแล้ว ที่นี่มีลักษณะเป็นทรงกลมที่ตั้งตรงอยู่ เหมือนส่วนเล็กๆ ที่ถูกตัดแยกออกมา 

 

ที่ปรากฏอยู่บนผิวกำแพงทรงกลมรอบทิศ ก็คือหน้าจอขนาดเท่าๆ กันจำนวนยี่สิบเอ็ดช่อง เวลานี้มีเพียงหกจอที่สว่างอยู่ ส่วนหน้าจอที่เหลือดำมืด 

 

แฮงค์แมน เทมเพอร์แรนซ์ พระสังฆราช เดอะ ไฮ พรีสเทส ทาวเวอร์ วงล้อแห่งโชคชะตา…สกอร์เปียนมองภาพแต่ละคนที่ปรากฏบนหน้าจอทั้งหกนี้ 

 

แต่กลับไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของสมาชิกสภาผู้นำพวกนี้ได้ เพราะบนหน้าจอพวกนี้ฉายเพียงตราที่สมาชิกสภาผู้นำทั้งหกคนนี้ครอบครองอยู่เท่านั้น 

 

ตราที่สอดคล้องกับไพ่ทาโร่ 

 

“สมาชิกสภาผู้นำทุกท่าน ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร ทำให้พวกท่านทั้งหกคนมาพบผมพร้อมกัน?” สกอร์เปียนถามด้วยเสียงดังก้อง 

 

ทันใดนั้นหน้าจอของแฮงค์แมนก็กะพริบๆ แล้วเสียงก็ดังขึ้นตามมา เป็นเสียงที่ผ่านการดัดแปลงมาแล้ว เสียงราวกับหยิบเหล็กออกมากระแทกใส่ ฟังแล้วเสียงก้องแปลกๆ “ก่อนหน้านี้หนึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจที่สมาคมจัดไปแทรกซึมในองค์กรตำรวจอาชญากรรมทั้งหมดห้านายถูกควบคุมตัวแล้ว” 

 

สกอร์เปียนตกใจไปชั่วขณะ “อะไรนะ? ไวขนาดนี้เลย?” 

 

แฮงค์แมนกล่าว “มีคนเปิดโปงข้อมูลของพวกเขาแล้ว พวกเราก็รู้ ว่าทางองค์กรตำรวจอาชญากรรมรู้การมีอยู่พวกเรา พวกเขากำลังทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อหาพวกเราให้เจอ ครั้งนี้ข้อมูลคนของพวกเราถูกเปิดเผยแล้ว ย่อมต้องถูกควบคุมตัวทันทีอยู่แล้ว” 

 

สกอร์เปียนขมวดคิ้ว พูดเสียงหนักแน่น “เจสสิก้าเปิดเผยข้อมูลของเธอออกมาแน่ๆ…สมควรตาย! หรือเธอไม่สนใจความปลอดภัยของแม่แล้วใช่ไหม?” 

 

แฮงค์แมนกล่าว “ช่วงที่เธอถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ก็ไม่ได้กลับมานานแล้ว หรือว่าความทรงจำจะกลับมาบ้างแล้ว?” 

 

สกอร์เปียนส่ายหน้าตอบ “เป็นไปไม่ได้ การสะกดจิตของผมไม่มีทางถูกทำลาย…” 

 

แต่เขาก็เงียบไปทันที 

 

สกอร์เปียนอดคิดถึงโทรศัพท์แปลกๆ สายนั้นไม่ได้ เจ้าคนแปลกๆ คนนั้นที่เคยพูดคุยกับเขา และยังระบุสถานที่ที่เขาซ่อนตัวได้อย่างง่ายดาย 

 

จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าหมอนั่นจะทำลายการสะกดจิตของตัวเขาได้? 

 

อันที่จริงระหว่างทางที่มาเขาก็ยังรอการติดต่อกลับของเจสสิก้าตลอด เพราะเขารู้ว่าขอเพียง ‘แม่’ ของเจสสิก้ายังอยู่ใน ‘สวรรค์’ เจสสิก้าก็คงจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม 

 

“สกอร์เปียน ทำไมคุณถึงเงียบไปล่ะ?” 

 

คราวนี้คนที่พูดกลับเป็นคนหนึ่งที่ใช้สัญลักษณ์ ‘เดอะ ไฮ พรีสเทส’ บนหน้าจอ 

 

สกอร์เปียนจำเป็นต้องจัดท่ายืนตนเองใหม่ ก่อนหันหน้าไปทางเดอะ ไฮ พลีสเทส สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดว่า “ก่อนกลับมาที่นี่ผมพบเรื่องแปลกมากเรื่องหนึ่ง” 

 

เขาเล่าเรื่องที่เขาพูดคุยกับชายแปลกๆ คนนั้นทางโทรศัพท์อย่างหมดเปลือก “ครั้งก่อน ‘ดวงตาปีศาจ’ ที่ สมาชิกสภาผู้นำ ‘เทมเพอร์แรนซ์’ ส่งให้ไปดำรงตำแหน่งข้างกายผมก็สังเกตการณ์รอบๆ ตัวผมแล้ว กลับไม่พบอะไรเลย แต่อีกฝ่ายเหมือนเห็นผมได้ทุกอิริยาบถ!” 

 

ทันใดนั้นภายในห้องทรงกลมพลันก็เงียบลง 

 

และตอนนั้นเอง หน้าจอช่องหนึ่งที่ดับอยู่พลันมีแสงสว่างขึ้นมา แล้วเสียงนั้นก็ดังมาจากหน้าจอว่า “สกอร์เปียน คุณต้องลำบากเลย เพิ่งกลับมาถึงบนเกาะ ไปพักผ่อนก่อนเถอะ” 

 

สกอร์เปียนหันกลับมาทางหน้าจอที่เพิ่งสว่างขึ้นจอนี้ แล้วพูดด้วยความเคารพมากเป็นพิเศษ “ครับ สมาชิกสภาผู้นำ ‘เดอะ ฟูล’ 

 

ทันใดนั้นห้องทรงกลมพลันเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง 

 

เนิ่นนานทีเดียว 

 

เสียงของทาวเวอร์ดังขึ้น “สกอร์เปียนบอกว่า คนนั้นเรียกตัวเองว่าเป็นนักธุรกิจ” 

 

วงล้อแห่งโชคชะตา “ไม่รับเงินทองใดๆ ทั้งสิ้น…แถมยังรู้ทุกความเคลื่อนไหวของเขา” 

 

พระสังฆราช “คิดจะดูว่าพวกเราทำได้ถึงระดับไหน?” 

 

ฉับพลันแฮงค์แมนก็เปล่งเสียงขึ้น ถึงแม้เป็นเสียงดัด แต่ก็แหบอย่างเห็นได้ชัด “ใช่ ที่แห่งนั้น” 

 

เดอะ ฟูล “เป็นสมาคม…” 

 

ทาวเวอร์ “ร้อยปีก่อน ไม่ใช่ว่า…มันโดน…” 

 

เสียงของเดอะไฮพรีสเทสกระวนกระวายน้อยๆ “ถ้าหากเป็นที่นั่นจริงๆ สิ่งที่ฉันเป็นกังวลคือ เจสสิก้าเคยทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนอะไรหรือเปล่า และไหนจะเนื้อหาในข้อตกลงอีก…” 

 

เดอะ ฟูล “ทุกท่าน อย่าเพิ่งเดาไปเรื่อยเลย สมมุติว่าสถานที่นั้นยังอยู่ก็จะไม่ทำอะไรพวกเรา  นั่นก็เป็นแค่สถานที่ค้าขายความปรารถนา ไม่ใช่ศัตรูของพวกเราอยู่แล้ว เพียงแต่เพื่อเห็นแก่ความปลอดภัย ช่วงเวลาต่อจากนี้พวกเราควรต้องระมัดระวังให้มาก” 

 

วงล้อแห่งโชคชะตา “ถ้าอย่างนั้นก็ให้ทุกสาขาหยุดความเคลื่อนไหวชั่วคราว พวกเราต้องการเวลาสังเกตการณ์” 

 

“เห็นด้วย” 

 

“เห็นด้วย” 

 

“เห็นด้วย” 

 

… 

 

… 

 

หนึ่งวัน สองวัน 

 

เวลาผ่านไปสองวันแล้ว เยี่ยเหยียนก็นำข้อมูลที่เจสสิก้าทิ้งไว้ส่งไปให้สำนักงานใหญ่ทันที และควบคุมตัวสายลับหลายคนในสำนักงานใหญ่ได้สำเร็จ 

 

หลังจากนั้นไม่นาน เยี่ยเหยียนก็ได้รับข่าวจากสำนักงานใหญ่ให้กลับมาดำรงแหน่งเดิมของเขา และร่วมทีมหน่วยปฏิบัติการพิเศษถาวร ให้สิทธิพิเศษเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด เพื่อเริ่มจัดการเนื้อร้ายที่น่ากลัวอย่างสมาคมไมเคิล 

 

“จะไปตอนไหน?” หม่าโฮ่วเต๋อถอนหายใจ 

 

“คืนนี้ก็ไปแล้ว” เยี่ยเหยียนยิ้มตอบ “พอคนที่สำนักงานใหญ่มาถึงก็จะนำตัวคิงคองกลับไปพร้อมกับฉัน หลังจากนี้เกรงว่าฉันคงจะยุ่งไปอีกนานสักระยะหนึ่งเลยล่ะมั้ง” 

 

หม่าโฮ่วเต๋อไม่ได้พูดอะไร แค่ออกแรงตบบ่าเยี่ยเหยียน เขาเชื่อว่า ในอนาคตคนเก่งคนนี้จะต้องพัฒนาฝีมือได้ไกลแน่ๆ 

 

“เหล่าเยี่ย! เหล่าหม่า!” 

 

เสียงเริ่นจื่อหลิงดังขึ้นฉับพลัน…ตอนนี้เองรองบรรณาธิการเริ่นกำลังตะโกนมาแต่ไกล ข้างๆ เธอก็มีลั่วชิวตามมาติดๆ 

 

วันที่สาม…ก่อนที่เริ่นจื่อหลิงจะมาสุสานของสามี 

 

แน่นอนว่า เยี่ยเหยียนกับหม่าโฮ่วเต๋อร่วมมือกันหาข้ออ้าง บอกว่าสถานที่ที่จดหมายนั่นระบุไว้ก็คือที่นี่ เยี่ยเหยียนแค่มารอใครคนหนึ่งที่นี่เท่านั้น 

 

แน่นอนว่าเริ่นจื่อหลิงรู้เรื่องที่เยี่ยเหยียนล้างมลทินได้แล้ว เธอจึงรู้สึกสบายใจ 

 

ทั้งสี่คนรวมตัวกันที่นี่ 

 

แจกเหล้าขาวคนละแก้วอย่างเงียบๆ 

 

หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไป