Sign in Buddha’s palm 271 ลงมือ ภายในตําหนักหินอ่อน ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่นั่งอยู่ด้านซ้ายยังคงต้อง มองรอยบนดาบไม้ที่อยู่เบื้องหน้า สีหน้าดูตื่นตาตื่นใจราวกับเห็นสมบัติล้ําค่า คนอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน มองดูตราประทับดาบ ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาทั้งหมดเป็นบรรพชนพรรคหมื่นดาบ และความสําเร็จในวิชาดาบของพวกเขาก็เหนือกว่าตํานานยุทธขั้นสูงสุดคนอื่นๆอย่างแน่นอน เป็นธรรมดาที่จะมองเห็นได้ว่ารอยดาบบนแผ่นไม้ชิ้นนี้น่ากลัวเพียงใด ไม่ใช่ว่าเจตจํานงดาบที่อยู่ภายในตราประทับ ดาบจะเหนือกว่าพรรคหมื่นดาบ พรรคหมื่นดาบเป็นนิกายใหญ่ที่สืบทอดมรดกมาจากเทพเจ้าแห่งวิชาดาบ ผู้ทําให้พรรคหมื่นดาบครองยุทธภพต่างแดนมาได้กว่าห้าร้อยปี จะนํามาเปรียบเทียบกับรอยดาบที่ซูฉินทิ้งไว้โดยไม่ตั้งใจได้อย่างไร? ที่บรรพชนพรรคหมื่นดาบตกตะลึงเป็นเพราะเจตจํานงในตราประทับดาบนั้นไม่ใช่เจตจํานงที่พวกเขารู้จัก และในแง่ของความเฉียบคมนั้นก็ เทียบเคียงหรืออาจจะมากกว่าเจตจํานงแห่งดาบสิบประการที่พรรคหมื่นดาบภูมิใจนักภูมิใจหนาเสียอีก สิ่งนี้น่ากลัวเป็นอย่างยิ่งแล้ว รู้หรือไม่ว่าเจตจํานงแห่งดาบสิบประการของ นิกายหมื่นดาบ ถูกทิ้งไว้โดยนักพรตหมื่นดาบ โดยอ้างว่าครอบคลุมวิชาดาบทุกประเภทบนโลกแล้ว แต่ตอนนี้ เจตจํานงดาบบนแผ่นไม้นี้กลับไม่ใช่หนึ่งในสิบเจตจํานงแห่งดาบอันยิ่งใหญ่ของ พรรคหมื่นดาบ อย่างไรก็ตามมันกลับเทียบเคียงวิชาในอดีตนั้นได้ทั้งในแง่พลังและความเฉียบคม นี่แสดงให้เห็นสิ่งใด? มันแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ทิ้งรอยดาบนี้เอาไว้มี ความเข้าใจเรื่องวิชาดาบอย่างมาก ถึงแม้จะไม่ได้เก่งกาจเท่ากับนักพรตหมั่นดาบเมื่อครั้งกระโน้น แต่เกรงว่าคงจะอยู่ไม่ห่างไกลกันมากนัก อย่างน้อยนักพรตหมื่นดาบก็ไม่ได้คาดคิดถึงเจตจํานงดาบประเภทนี้ แน่นอนว่าความเข้าใจในเชิงดาบก็คือความเข้า ใจในเชิงดาบ ความแข็งแกร่งของฐานบ่มเพาะก็ส่วนความแข็งแกร่งของฐานบ่มเพาะ ทั้งสองอย่างไม่สามารถนํามาปะปนกันได้ แต่ไม่ว่ากรณีใด รอยดาบตื้นๆบนแผ่นไม้นี้ก็ทําให้บรรพชนพรรคหมื่นดาบหลายคนตกใจจริงๆ “ฮิม!” “แม้เจตจํานงดาบจะเฉียบคมกว่า แต่ข้าก็สามารถระงับมันไว้ได้ไม่ใช่หรือ?” ในเวลานี้บรรพชนพรรคหมื่นดาบที่มีผมสีแดงก็พ่นลมออกมาด้วยความเย็นชา “นั่นก็จริง” ความเย่อหยิ่งพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของบรรพชนคนที่สามของพรรคหมื่นดาบ
ถ้าซูฉินมาด้วยตนเอง พวกเขาจะต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง ท้ายที่สุดการตายของบรรพบุรุษหยวนเมื่อไม่นานมานี้ ก็ทําให้บรรพชนอย่างพวกเขาใจสั่นได้ชั่วขณะหนึ่ง และการที่ซูฉินสามารถสังหารบรรพชนชีหยวนได้ก็น่ากลัวขึ้นไปอีก แต่เพียงว่า เจตจํานงดาบที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ ในสายตาของบรรพชนพรรคหมื่นดาบเหล่านี้มันไม่ได้ทรงพลังอะไรเลย “แต่องค์หญิงแห่งอาณาจักรถังหาใช่เป็นเพียง ร่างหัวใจดาบไม่ แต่ยังมีเจตจํานงดาบของตํานานยุทธขั้นสูงสุดเมืองฉางอันติดตัวอยู่ด้วย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คงจะไม่ตื้นเขิน” “การที่พวกเรานําตัวองค์หญิงแห่งอาณาจักรถังมา และระงับเจตจํานงแห่งดาบนี้ไว้ ข้าเกรงว่ามันจะทําให้ตํานานยุทธเมืองฉางอันขุ่นเคืองใจ…..” บรรพชนผมแดงอีกคนที่เพิ่งเริ่มพูดก็กล่าวออกมาโดยที่น้ําเสียงเพื่อความกังวลเอาไว้ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุด แต่ก็เป็นเพียงระดับเดียวกับซูฉิน ท้ายที่สุด พวกเขาหลับใหลด้วยวิธีลับทําให้เลือดเนื้อพลังชีวิตสลายไป อาจจะพอต่อสู้กับซูฉินได้ในเวลาสั้นๆ แต่เมื่อถูกลากถ่วงไปนานๆ พวกเขาจะสู้ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตและเลือดเนื้ออย่างซูฉินได้อย่างไร? นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่แย่ที่สุด เมื่อซูฉินเต็มใจที่จะฉีกหน้าตนเอง ลงมือกับเหล่าศิษย์พรรคหมื่นดาบ ใครเล่าจะหยุดความโกรธเกรี้ยวของตํานานยุทธขั้นสูงสุดได้? ในเวลานั้น พวกเขาซึ่งเป็นบรรพชนพรรคหมื่นดาบ แม้ว่าต้องการจะหยุด แต่เกรงว่าคงจะหยุดมันไม่ได้ สุดท้ายบรรพชนก็มีเพียงไม่กี่คน แต่ศิษย์พรรคหมื่นดาบมีนับหมื่น พวกเขาไม่สามารถปกป้องคนทั้งหมดได้ เว้นแต่พรรคหมื่นดาบจะปิดภูเขา และไม่อนุญาตให้ศิษย์คนใดออกจากพรรคหมื่นดาบ จึงจะสามารถหยุดการสังหารหมู่ของซูฉินได้ แต่หากเป็นเช่นนั้น พรรคหมื่นดาบจะสูญเสียความสามารถในการควบคุมความเป็นไปในโลกภายนอกไปโดยสิ้นเชิง และทรัพยากรสําหรับบ่มเพาะที่ถือครองก็จะลดลงไปอย่างมาก และยิ่งเวลาผ่านไปนานมันมีแต่จะลดน้อยลงไปอีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ใบหน้าของบรรพชนคนอื่นๆของนิกายหมื่นดาบเปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขารู้สึกลําบากใจขึ้นมาในทันที นี่แหละคือพลังของตํานานยุทธขั้นสูงสุด หากล่วงเกินตํานานยุทธขั้นสูงสุด แม้ว่าจะเป็นนิกายใหญ่ก็ต้องปวดหัว ยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องที่ซูฉินหาใช่ตํานานยุทธธรรมดาๆ ไม่แม้แต่บรรพบุรุษชีหยวนก็ตกตายด้วยน้ํามือของเขา เขาจะเป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุดธรรมดาไปได้อย่างไรกัน? ในขณะที่เหล่าบรรพชนพรรคหมื่นดาบกําลังแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวอยู่นั้น ชายผู้เงียบขรึมในชุดสีเทาที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกลาง ค่อยๆเอ่ยออกมาช้าๆ “อย่าได้กังวลเรื่องตํานานยุทธเมืองฉางอันไปเลย” เห็นได้ชัดว่าชายชุดเทาผู้นี้มีสถานะไม่ธรรมดา ทันทีที่เขาเปิดปาก บรรพชนคนอื่นๆก็สงบลงและหันกลับมามองทีละคน เหตุผลที่พวกเขาต้องเสี่ยงลงมือล่วงเกินตํานานยุทธขั้นสูงสุดนําตัวหลีหว่านมาและระงับเจตจํานงดาบของซูฉิน ทั้งหมดก็เป็นความคิดของชายชุดเทาผู้นี้ ไม่เช่นนั้นหากบรรพชนในที่แห่งนี้ต้องการจะ ทําอะไรบางอย่างกับซูฉิน พวกเขาก็จะไม่เลือก ใช้วิธีนี้ “เราได้ระงับเจตจํานงแห่งดาบนี้รวมถึงตัดการเชื่อมต่อไปแล้ว แม้ว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันจะรู้ว่านี่เป็นฝีมือของพรรคหมื่นดาบ แต่ก็คงไม่สามารถระบุตําแหน่งได้” “ภายในเวลาอันสั้น อีกฝ่ายคงตามหาพวกเราไม่เจอ” ชายในชุดเทาสายศีรษะและกล่าวคําเบาๆ “หรือถ้าจะให้พูด” เมื่อชายชุดเทากล่าวเช่นนี้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“บรรพชนดาบรู้สึกได้ถึงกระแสปราณฉี จิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ตื่นขึ้นแล้ว และต้องการใช้ร่างหัวใจแห่งดาบอย่างเร่งด่วน” “ด้วยความแข็งแกร่งของบรรพชนดาบ หากท่านตื่นขึ้นจริงๆ เจ้าจะกลัวตํานานยุทธขั้นสูงสุดไปทําไม?” ชายชุดเทามองไปรอบๆ พร้อมกับกล่าวคําเบาๆ บรรพชนดาบ.. ทันทีที่กล่าวคํานี้ออกมา บรรพชนหลายคนในโถงก็ตัวสั่นงันงก ในฐานะบรรพชนพรรคหมื่นดาบ พวกเขาจะไม่รู้จักบรรพชนดาบได้อย่างไร? นับตั้งแต่นักพรตหมื่นดาบก่อตั้งพรรคหมื่นดาบขึ้นมา บรรพชนดาบเป็นผู้ที่มีความสามารถมากที่สุดของพรรคหมื่นดาบในรอบหลายพันปี ไม่เพียงแต่สืบทอดมรดกทั้งหมดของนักพรตหมั่นดาบเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้วด้วยอยู่ ห่างจากขอบเขตเซียนเทพปฐพีเพียงก้าวเดียวเท่านั้น “ปรากฏว่าบรรพชนดาบต้องการที่จะลืมตาตื่นขี้นมา และก็ต้องการร่างกายด้วย…” “ด้วยความแข็งแกร่งของบรรพชนดาบ กายเนื้อธรรมดาย่อมเป็นสิ่งไร้ค่า มีเพียงร่างหัวใจดาบที่เข้ากันได้ดีกับวิถีแห่งดาบเท่านั้น จึงจะบรรจุจิตวิญญาณแรกกําเนิดของบรรพชนดาบได้… บรรพชนคนอื่นๆ ทั้งประหลาดใจและยินดี ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขายังสงสัยอยู่เลยว่าทําไมชายชุดเทาจึงยืนกรานที่จะเลือกทางเดินสายนี้ สร้างความขุ่นเคืองให้กับตํานานยุทธเมืองฉางอัน กลับกลายเป็นว่าบรรพชนดาบกําลังจะตื่นขึ้นนี่เอง บรรพชนดาบมีชีวิตอยู่มานานกว่าพันเก้าร้อยปี เวลาที่ยาวนานเช่นนี้ แม้จะมีวิธีลับในการปิดผนึกเลือดเนื้อพลังชีวิต แต่เลือดเนื้อทั้งหมดนั้นก็ควรจะเสื่อมสลายไปนานแล้ว เนื้อหนังของตํานานยุทธขั้นสูงสุดทั่วไปล้วนเน่าเปื่อย หากไม่มีวิธีลับปิดผนึกตนเอง คนผู้นั้นจะต้องตายแล้วตายอีกจนไม่สามารถตายได้อีก แต่บรรพชนดาบนั้นแตกต่างออกไป บรรพชนดาบเปลี่ยนเป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิด จิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นมีพลังเข้มข้นมาก ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่สามารถเปลี่ยนจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ แม้ร่างกายจะถูกทําลาย แต่ก็สามารถเกิดใหม่ได้ด้วยการใช้จิตวิญญาณแรกกําเนิดยึดครองร่าง นอกจากนี้ การดํารงอยู่ของจิตวิญญาณแรกกําเนิดนั้นยืนยาวกว่าร่างกายมาก บรรพชนดาบอาศัยจิตวิญญาณแรกกําเนิด เสริมด้วยวิธีลับปิดผนึกตนเองจึงสามารถอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ เพียงแต่ว่า หลังจากหลับใหลไปเป็นเวลานาน แม้จะเป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิดก็ตาม มันย่อมอ่อนแอลงอย่างมาก จึงต้องการร่างกายใหม่เพื่อถือกําเนิดอีกครั้ง และร่างกายนั้นจะต้องเป็นร่างหัวใจดาบเท่านั้น เพราะกายเนื้ออื่นๆไม่สามารถรองรับจิตวิญญาณแรกกําเนิดของบรรพชนดาบที่เต็มไปด้วยเจตจํานงแห่งดาบอันทรงพลังมหาศาลได้ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทําไมพรรคหมื่นดาบจึงลักพาตัวหลีหว่านไปอย่างไม่มีทางเลือก เมื่อพบว่าหลีหว่านมีร่างหัวใจแห่งดาบ ตราบใดที่บรรพชนดาบสามารถฟื้นขึ้นมาได้ พรรคหมื่นดาบจะครองใต้หล้าอีกครั้ง จะยอมพ่ายแพ้เพียงเพราะตํานานยุทธขั้นสูงสุดอย่างซูฉินได้อย่างไร? มีเพียงบรรพชนผมแดงเท่านั้นที่ยังคงกังวลเล็กน้อย เขามองไปที่ชายชุดเทา อดไม่ได้ที่จะกล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้กระแสปราณฉียังไม่ฟื้นคืนเต็มที่ จะเร็วเกินไปหรือไม่ที่บรรพชนดาบจะยืนขึ้นตอนนี้? หากจิตใจแห่งฟ้าดินไม่เพียงพอ จะทําให้จิตวิญญาณแรกกําเนิดเสียหายเอาได้….. บรรพชนดาบเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของ พรรคหมื่นดาบ ตราบใดที่บรรพชนดาบยังคงมีชีวิตอยู่ ก็คงไม่มีใครมีความคิดหาญกล้าต่อสู้กับพรรคหมื่นดาบ
“ไม่เร็วไปหรอก” ชายชุดเทาสายศีรษะ แล้วกล่าวด้วยเสียงที่หนักแน่น “บรรพชนดาบสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นของกระแสปราณฉีแล้ว และมันกําลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เมื่อถึงเวลานั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่บนโลก และโอกาสมากมายจากยุคสมัยก่อนจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง” “และที่บรรพชนดาบตื่นขึ้นในเวลานี้ ก็เพียงเพื่อนําพรรคหมื่นดาบของเรา ยึดครองแผ่นดิน แห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ คว้าโอกาสครั้งสําคัญนี้ เอาไว้ ชายชุดเทากวาดตามองไปถ้วนทั่ว และกล่าวออกอย่างรวดเร็ว หากพรรคหมื่นดาบต้องการจะกลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง พวกเขาจะต้องสร้างเซียนเทพปฐพีขึ้นมา แต่ด้วยสภาพแวดล้อมปัจจุบันบนโลก นับประสาอะไรกับเซียนเทพปฐพี แค่จะเปลี่ยนจิตวิญญาณแรกกําเนิดให้ได้ยังเป็นเรื่องยากเลย แต่นั่นย่อมจะแตกต่างออกไปหากมีโอกาสจาก ยุคเฟื่องฟูของกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด อาจจะไม่ถึงกับสามารถเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีได้อย่างแน่นอน แต่อย่างน้อยมันก็ย่อมง่ายกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ “แล้วตอนนี้พวกเราควรทําเช่นไร?” บรรพชนคนอื่นๆของพรรคหมื่นดาบต่างก็ชําเลืองมอง หน้ากันและพูดออกมาด้วยน้ําเสียงร้อนรน “รอ” ชายชุดเทาเงยหน้าขึ้นมองไปทิศทางของดินแดนโพ้นทะเล “ยินดีต้อนรับบรรพชนดาบกลับสู่โลกนี้อีกครั้ง” ในเวลาเดียวกัน ร่างของซูฉินปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบด้าน นอกยอดเขาขนาดยักษ์ซึ่งบริเวณปลายยอดเขามีตําหนักหินอ่อนตั้งอยู่ “นี่คือที่ที่พลังฉีของหลีหว่านคงอยู่เป็นที่สุดท้าย” ซูฉินมองไปยังยอดเขาขนาดยักษ์ตรงหน้าขบคิดในใจอย่างแผ่วเบา “หม?” ซูฉันค่อยๆ ปลดปล่อยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาช้าๆ มันเคลื่อนตัวเข้าไปหายอดเขาขนาดยักษ์ “ยอดเขานี้ปกคลุมไปด้วยค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ ข้าสัมผัสได้ถึงพลังปราณของตํานานยุทธขั้นสูงสุดอยู่ภายใน ดวงตาของซูฉินลุ่มลึก ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่สามารถสกัดกั้นจิต สัมผัสศักดิ์สิทธิ์และอาณาเขตได้ แต่ไม่สามารถหยุดซูฉินจากการใช้ดวงตาแห่งสัจจะได้ นอกจากนี้เมื่อซูฉินตรวจสอบด้วยดวงตาแห่งสัจจะมันก็ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆไว้เลย “แล้วรอยดาบที่ข้าทิ้งเอาไว้ก็อยู่ที่นี่ด้วย?” ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ภายในตราประทับดาบนั้นมีจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินอยู่ หากอยู่ห่างกันเป็นระยะทางหลายหมื่นลี้ ควบคู่ไปกับมีตํานานยุทธขั้นสูงสุดคนอื่น คอยปราบปรามมันไว้ คงเป็นเรื่องยากที่ซูฉินจะรู้สึกได้ แต่ในเวลานี้ ซูฉันยืนอยู่ด้านนอกยอดเขาขนาดมหึมา ด้วยระยะที่ใกล้เท่านี้ แม้ว่าบรรพชนพรรคหมื่นดาบจะระงับยับยั้งเอาไว้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบซ่อนจากตัวเขา “ตํานานยุทธขั้นสูงสุดของพรรคหมื่นดาบได้มารวมตัวกันที่นี่……” ซูฉินหรี่ตาเล็กน้อย เผยให้เห็นถึงความเยือกเย็น ในตอนนี้ซูฉินรู้ได้โดยทันทีว่าพรรคหมื่นดาบไม่ได้ใจดีกับหลีหว่าน หลีหว่านมีร่างหัวใจดาบจริง แต่ด้วยภูมิหลังของพรรคหมื่นดาบ หากต้องการรับหลีหว่านเป็นศิษย์จริงๆ ก็แค่บอกซูฉินตามตรง ทําไมต้องแอบนําตัวหลีหว่านออกไป ทั้งยังระงับเจตจํานงดาบที่ซูฉินทิ้งไว้กับหลีหว่าน? “ข้าก็อยากรู้จริงๆ ว่าหลังจากนี้พรรคหมื่นดาบจะทําสิ่งใดได้” ซูฉินเยาะเย้ย หลังจากใช้ความพยายามอยู่ชั่วครู่ ใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดผ่านรัศมีร้อยลี้โดยรอบ ควบคู่ไปกับดวงตาแห่งสัจจะและวิชาปราณฉีฟ้ากําหนด เมื่อยืนยันได้ว่าไม่มีกับดักใด เขาก็ก้าวเท้าตรงเข้าไปทันที เอื้อมแขนขวาออกไป คว้ามือไปยังยอดเขาขนาดยักษ์ที่สูงเสียดฟ้า