ตอนที่ 649

The Divine Nine Dragon Cauldron

ตอนที่ 649 – เพียงความตาย

“เจ้าคนเดียวน่ะรึ?”

เชี่ยหวู่หัวเราะเหยียดหยาม

“เจ้ากับข้าประลองกันหลายสิบครั้ง มีสักกี่ครั้งที่เข้ารับได้เกินสิบกระบวนท่า? ตอนนี้ข้ากําลังจะชนะพวกมัน แต่เจ้าก็พยายามจะปกป้องเจ้านายของเจ้า ไอ้เด็กนั้นมีพลังวิเศษอะไรถึงได้ควบคุมเจ้าจนต้องรับใช้ถวายตัวได้แบบนี้?”

วู่เหิงหัวเราะอย่างขมขึ้น เพราะมันไม่มีเหตุผลที่เขาเต็มใจรับใช้ชือหยู ไม่มีใครคิดเต็มใจจะเป็นข้ารับใช้ของคนอื่น!

แต่เป็นเพราะผนึกที่ชือหยูตราไว้บนตัวเขานั้นแข็งแกร่งมาก แม้ว่าเขาจะสะบั้นสายผนึกได้ชั่วคราวก็ไร้ผล นั่นก็เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ชือหยูจะยังคงใช้ผนึกได้ด้วยความคิดเดียว สายฟ้าในวิญญาณก็จะทําลายล้างวิญญาณของวู่เหิง!

“ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ถ้าเจ้าอยากจะฆ่าพวกนั้น เจ้าก็ต้องข้ามศพข้าไปก่อน!”

วู่เหิงหายใจเข้าลึกและเริ่มเขียนอะไรบางอย่างที่กลางอากาศ เงากระเรียนขาวงดงามปรากฏเหรือศีรษะของเขา ขนกระเรียนร่วงหล่นไม่หยุดเกิดเป็นภาพอันน่าจดจํา

เชี่ยหวู่สายตาเย็นชา เขาใช้ปลายเท้าแตะอากาศสร้างการระเบิด แรงระเบิดนั้นทําให้เขาพุ่งไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว

“เจ้ามาก็ดีแล้วขนวิหคโปรย

วู่เหิงพูดเบาๆ

เขาดูเหมือนกระเรียนขาวที่อาศัยอยู่ ณ สุดขอบโลก ขนสีขาวที่ร่วงโรยลงมาค่อยๆก่อตัวเป็นตาข่ายสีขาวขนาดใหญ่

พี่บ!

เมื่อตาข่ายขาวเกิดขึ้น มันก็สะบัดอย่างแรงราวกับเจอการโจมตีอย่างหนัก จากนั้นคนที่สวมชุดเกราะสีแดงก็ปรากฏตัวอยู่ในตาข่าย

“ขนวิหคโปรย…นี่มันวิชาระดับตํานานที่ไม่สมบูรณ์! เจ้าบ่มเพาะขั้นต้นได้แล้วรึ? ซ่อนพลังเก่งนักนะ”

เชี่ยหวู่ตกใจที่พบว่าตัวเองติดอยู่ในตาข่าย

ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาต่อสู้กันคือหลายเดือนก่อน ในตอนนั้นวู่เหิงไม่ได้เปิดเผยว่าเขาใช้วิชาแบบนี้ได้ พอถึงตรงนี้ก็บอกได้เลยว่าเขาซุกซ่อนพลังของตัวเองได้ดีแค่ไหน

วู่เหิงยิ้ม

“ถ้าข้าทําอะไรไม่ได้ ข้าจะกล้าสู้กับเจ้ารึ เจ็ดศักดิ์สิทธิ์?”

เขาหัวเราะอย่างมั่นใจและขยับมือทั้งสอง เขาผนึกตาข่ายไว้แน่น ขนกระเรียนนับไม่ถ้วนซัดใส่ร่างเชี่ยหวู่ มันเชื่อมต่อกลายเป็นตรวนรัดเชี่ยหวู่เอาไว้

“เจ้าจะหัวเราะเร็วไปแล้ว”

เชี่ยหวู่หัวเราะอย่างเยือกเย็นหลังจากที่ตั้งตัวได้

เอ๋? วู่เหิงใจเต้นแรง

“จงเปิด!”

เชี่ยหวู่ตะโกน รูขุมขนในตัวเปิดกว้าง เลือดเหนียวสีแดงซึมออกมา

เลือดเหล่านั้นสัมผัสกับขนกระเรียน เสียงกัดกร่อนดังพร้อมกัน จากนั้นขนกระเรียนก็ได้กลายเป็นเถ้าถ่านและกระจายออกไป

“เลือดพิษรึ?”

วู่เหิงเพิ่งจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น

“เลือดพิษของเจ้าแข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว! ภูติระดับสี่คงแพ้เพราะเลือดของเจ้า!”

เลือดพิษบ่มเพาะโดยการหลอมรวมพิษเข้ากับโลหิตและนําลงสู่ร่าง พิษนี้ร้ายแรงอย่างมากและยากที่จะหายาแก้พิษได้ ดังนั้นถ้าบาดเจ็บระหว่างต่อสู้ นั่นก็นับได้ว่าตายไปแล้ว

วิชาแบบนี้คือวิชาสังหารที่ทําให้เชี่ยหวู่มีชื่อเสียง แต่หลังจากที่เขาได้หอกเมฆาเลือดเขาก็มักจะไม่ใช้มัน แต่ดูจากตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เลือกบ่มเพาะเลือดพิษ เขายังควบคุมมันได้ดี ยิ่งกว่าเดิม!

เชี่ยหวู่หัวเราะ

“เจ้าไม่ใช่คนเดียวที่ซ่อนพลังเอาไว้หรอก รับไปซะ!”

เชี่ยหญ่พุ่งเข้าใส่วู่เหิงหลังจากที่เป็นอิสระจากกรงขนกระเรียน วู่เหิงไม่ทันระดับเขาทําได้แค่เรียกขนกระเรียนจํานวนมากมาไว้ที่ฝ่ามือ จากนั้นจึงปะทะกับเชี่ยหวู่

ปั้ง

ความต่างของพลังเห็นได้อย่างชัดเจน วู่เหิงคํารามด้วยความเจ็บปวดและลอยไปข้างหลัง โลหิตไหลออกมาจากปาก

อั่ก!

วู่เหิงเจ็บปวดอย่างมาก เขาหายใจหอบและดูฝ่ามือตัวเอง ขนกระเรียนได้กลายเป็นฝุ่นดํา และสลายไป หน้ามือของเขายังกลายเป็นสีดํา มันมีจุดดําขนาดเท่าเล็บมือบนฝ่ามือของเขาด้วย และมันก็ค่อยๆแพร่กระจายไปทั้งมือ!

“พอเลือดพิษผ่านร่างเจ้า ข้าก็ไม่ต้องทําอะไรอีกแล้ว เจ้าคงอยู่ได้อีกไม่นาน ถ้าไม่อยากตายก็หลีกไปซะ ไม่งั้นยิ่งเจ้าใช้พลังมากเท่าไหร่ พิษก็จะยิ่งกระจายไปยังร่างเจ้าเร็วเท่านั้น”

“เชี่ยหวู่ดึงมือกลับและมองไปยังทหารเงาทมิฬที่กําลังต่อสู้กับพันธมิตรผู้คุมสวรรค์”

“มดปลวกเอ่ย ตาพวกเจ้าแล้ว”

เชี่ยหวู่หัวเราะ เขาพุ่งหายไปทางทัพของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์

ในตอนนั้น ลั่วซวงกับผู้เฒ่าเฉินกําลังนําพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ไปล้อมทหารเงาทมิฬทั้งยี่สิบสามคน หลังจากที่พยายามอย่างมาก ผู้เฒ่าเฉินกับลั่วซวงล้อมพวกมันได้ทุกทิศทางแล้ว

ทหารเงาทมิฬคนหนึ่งถูกผู้เฒ่าเฉินกับลั่วซวงซัดพลังเข้าใส่และตายในทันที แต่ก่อนตาย เขาโยนขี้ออกมา จี้นั้นระเบิดคร่าชีวิตหนุ่มสาวผู้มีพรสวรรค์ไปแปดคน หน่วยกวาดล้างคนหนึ่งก็บาดเจ็บเช่นกัน

ผู้เฒ่าเฉินกับถั่วชวงหายใจหอบ เหงื่อเม็ดโตผุดออกจากหน้าผาก พวกเขาใช้พลังไปมากในการต่อสู้นี้แต่ก็ฆ่าได้เพียงแค่คนเดียวที่บาดเจ็บอยู่แล้ว  พวกเขาต้องแลกกับแปดชีวิตและคนเจ็บอีกหนึ่ง

“สู้กับพวกมันยากจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องการบ่มเพาะ สมบัติหรือการต่อสู้จริงพวกมันเหนือกว่า คนเฉินหลงมากนัก”

ผู้เฒ่าเฉินใจหายที่กองทัพตัวเองมีถึงหมื่นคนแต่ก็ต้องพยายามอย่างมากในการกําจัดคนยี่สิบคน

“ทุกคน ฆ่าพวกมันต่อไป!”

ผู้เฒ่าเฉินตะโกนเสียงดังและเป็นผู้นํา เคราและชุดคลุมที่ฉีกขาดพริ้วไหวตามแรงลม เมื่อได้เห็นผู้เฒ่าเฉินก็ทําให้คนอื่นๆมีแรงสู้ขึ้นมา

“ฆ่ามัน!”

เสียงคํารามจากความโกรธดังก้องนภา พวกเขาจู่โจมด้วยทุกกระบวนท่าที่มีร่วมกับผู้เฒ่าเฉินเพื่อทิ้งทําลายทหารเงาทมิฬ

แม้ว่าทหารเงาทมิฬจะกระหายเลือดและเป็นที่รู้จักในด้านความดุร้าย พวกเขาก็ตัวสั่น เมื่อต้องเจอกับศัตรูมากมาย ความหวาดกลัวที่หยั่งลึกปรากฏอยู่บนใบหน้า

พี่บ!

แต่ในตอนนั้นก็มีเงาสีแดงปรากฎระหว่างสองฝ่าย

เชี่ยหวี่บินมือไพล่หลังมองผู้เฒ่าเฉินกับคนอื่นๆด้วยสายตาเหยียดหยาม เขายิ้มอย่างเย็นชา

“ไม่ว่ามดจะมีกี่ตัว มันก็เป็นแค่มด พลังคือสิ่งชี้ชะตา และชะตาของพวกเจ้าก็ถูกลิขิตโดยข้า การขัดขืนล้วนไร้ความหมาย”

“ตายซะ!”

เชี่ยหวู่กรีดร้อง เขาหันฝ่ามือออกมาและปล่อยพลังสีโลหิต

พลังนี้ดูอันตรายมาก พลังยังมีกลิ่นคาวโลหิตอีกด้วย ฝ่ามือโลหิตโอบล้อมทุกคน ผู้เฒ่าเฉินใจเต้นแรงเมื่อได้เห็นพลังของเขา

“ถอยเร็ว!”

มีคนหนึ่งรีบบินมาที่พวกเขาและตะโกนเสียงดังขนกระเรียนจํานวนมากลอยออกมาและ ก่อตัวเป็นตาข่ายขาว

เชี่ยหวู่หันไปมอง

“กล้าใช้พลังรึ? อยากตายนักสินะ”

คนที่เข้ามาคือวู่เหิง! ใบหน้าเขาเริ่มมีสีม่วง ดวงตานั้นแดงก่ำ พิษในร่างของเขาไปถึงจุดที่อันตรายแล้ว

“วู่เหิง”

ผู้เฒ่าเฉินตกใจ เขาไม่คิดว่าวู่เหิงจะพ่ายแพ้รวดเร็วเช่นนี้ แต่เขาตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่าวู่เหิงกําลังจะตาย แต่เขาก็เสี่ยงชีวิตช่วยพันธมิตรผู้คุมสวรรค์

วู่เหิงเพียงแค่ตะโกนเสียงดัง

“อย่าสู้ หนีไปเร็ว พวกเจ้าสู้เชี่ยหวูไม่ได้!”

ก่อนจะพูดจบ เขากระอักเลือดสีม่วงออกมาและหมดสติทันที ร่างของเขาร่วงลงสู่พื้นจากกลางอากาศ

วู่เหิง”

ผู้เฒ่าเฉินตะโกนด้วยความตกใจ แต่เขาก็มิอาจเข้าไปรับตัววู่เหิงไว้ได้เพราะพลังของเชี่ยหวู่

เชี่ยหวู่ส่ายหน้า

“น่าสนใจนัก เหิงทุ่มเทเช่นนี้เพราะถูกควบคุมงั้นรึ?”

เชี่ยหวู่เหลือบมองวู่เหิงที่ตกลงจากฟ้าแต่เขาก็ไม่ได้เวทนาอะไร

“เจ้าทรยศและเข้าร่วมกับศัตรูในตอนที่ทําสงคราม ตายไปอย่างนั้นก็ดีแล้ว ถ้าห้าศักดิ์สิทธิ์มา จัดการเจ้าเอง ชะตาของเจ้าก็แย่ยิ่งกว่าความตาย!”

แฉ่!

ฝ่ามือแดงเลือดใหญ่ปะทะกับตาข่ายขนกระเรียน ขนกระเรียนกลายเป็นสีดําด้วยความรวดเร็วก่อนจะเน่าเปื่อยเป็นผง กลุ่มพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ใช้เวลานี้หลบหนี แต่ก็ยังมีอีกหลายร้อย คนในแนวหน้าที่หนีไม่ทันการ

ผู้เฒ่าเฉิน ลั่วซวง และคนอื่นๆคือหนึ่งในนั้น และพวกเขาก็ถูกฝ่ามือพิษล้อมเอาไว้ พวกเขาโศกเศร้าในใจและตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว

พวกเขาหันไปมองซือหยูที่กําลังต่อสู้กับตะขาบเลือดเกล็ดมุกและไปมองวู่เหิงที่สละชีวิตเพื่อพวกเขา พวกเขาจะไม่ถอย ความคิดที่จะต่อสู้ฉาบดวงตา พวกเขาตะโกนขึ้นพร้อมกัน

“ฆ่ามันให้หมด!”

พวกเขาไม่ต้องพูดคุยอะไรกันอีกแล้ว พวกเขาเพียงแค่ต้องใช้กําปั้นของตัวเอง! คนหลายร้อยปล่อยพลังเพื่อต้านฝ่ามือพิษ พวกเขาบินไปยังเชี่ยหวู่ราวกับแมงเม่าที่บินเข้ากองไป

“ขยะอย่างพวกเจ้าจะทําอะไรได้”

ใบหน้าเย็นชาของเชี่ยหวู่มีทั้งความโกรธและตกใจ

เขาไม่เข้าใจว่าทําไมเหล่ามดปลวกถึงได้กล้าหาญนัก ความเด็ดเดี่ยวหนักแน่นทําให้เขาใจสั่น

“ตายซะเถอะ!”

เขาตะโกน ฝ่ามือพิษระเบิดออก อากาศพิษได้แพร่กระจายไปทั่ว

ผู้เฒ่าเฉินกับคนอื่นๆที่พุ่งเข้าไปถูกไอพิษล้อมเอาไว้ แต่นั่นก็ทําให้เลือดของพวกเขาเดือดพล่านยิ่งกว่าเดิม! ผู้เฒ่าเฉินจ้องมองเชี่ยหวู่อย่างโกรธเกรี้ยว

“ต่อให้คนแก่อยากข้าตายไปก็ยังมีคนอีกหลายล้านในเฉินหลงที่จะเดินตามรอยเท้าข้า! เจ้าฆ่าข้าก็ได้ แต่เจ้าฆ่าทุกคนในเฉินหลงไม่ได้หรอก!”

เขาหัวเราะอย่างขมขื่นและตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด

“มาเสี่ยงชีวิตกันเถอะ! สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเราก็แค่ความตายเท่านั้น”

เขาพูดถูก มีเพียงแค่ความตายอยู่ตรงหน้าพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะเฉือนเนื้อเดี๋ยวเดียวของ ศัตรูมาได้ก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว ด้วยจิตใจตั้งมั่นเช่นนี้ คนผู้โกรธเกรี้ยวหลายร้อยพร้อมที่จะตาย ในสนามรบ!

“อย่างดีพวกเจ้าก็แค่ตายเท่านั้น!”

เชี่ยหวู่สีหน้าเย็นชา เขามองคนตรงหน้าที่ค่อยๆถูกกัดกร่อนตายไปต่อหน้าต่อตา

ยิ่งพวกเขาอ่อนแอเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งตายเร็วขึ้นเท่านั้น พันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตายไปอีกสิบคนในพริบตาเดียว พวกเขาหายลับไปจากโลก ไม่เหลือสิ่งใดนอกจากนาม

ร่างของผู้เฒ่าเฉิน ลั่วซวง และเหล่าหน่วยกวาดล้างล้วนต้องพิษ สิ่งที่รอคอยพวกเขาอยู่มี เพียงความตายเท่านั้น