บทที่ 929 ฟ้าจะเปลี่ยนแล้ว? / บทที่ 930 น้องสาวข่มเหง

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 929 ฟ้าจะเปลี่ยนแล้ว?

กลางคืนวันนั้น ศูนย์จัดการแสดงนานาชาติ

ในสถานที่จัดงานเต็มไปด้วยหมู่ดาราแพรวพราว ดารามีชื่อเสียงที่ในวันปกติถูกแฟนคลับห้อมล้อมเหมือนดาวล้อมเดือนเหล่านี้ เวลานี้ต่างแย่งชิงหาโอกาสไปอยู่ข้างเยี่ยอีอีกันถ้วนหน้า

ตอนนี้เยี่ยเส่าอันเป็นประธานของเยี่ยกรุ๊ป ส่วนเยี่ยอีอีก็เป็นไข่มุกหนึ่งเดียวในมือเขา หวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์ในอนาคต กระทั่งว่าผู้สืบทอดของเยี่ยกรุ๊ป ย่อมต้องเป็นเป้าหมายของศิลปินทุกคน

ถานอี้หลานที่กำลังสังสรรค์กับพวกแขกหาเวลาเดินมาตรงหน้าเยี่ยอีอี “อีอี หลานบอกมู่ฝานแล้วหรือยัง”

เยี่ยอีอีเปิดปากยิ้มน้อยๆ “คุณย่าคะ หนูบอกพวกเขาแล้วค่ะ มู่ฝานบอกว่าจะมา”

“อืม ดีแล้วละ” ถานอี้หลานพยักหน้า

ช่วงนี้เธอสังเกตว่ามู่ฝานนับวันยิ่งก้าวหน้า ไม่เพียงจะโดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ ในวงการนักออกแบบ แต่ตัวเองยังเปิดบริษัท เซ็นสัญญากับศิลปินคุณภาพไม่เลวหลายคน ทำให้เธอต้องมองอีกฝ่ายใหม่ครั้งใหญ่

ตอนนี้แม้แต่เยี่ยหงเหวยก็เปิดปาก เสนอให้มู่ฝานกับหวันหวั่นสองพี่น้องมาเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองครบรอบยี่สิบปีของบริษัท

การเคลื่อนไหวของเยี่ยหงเหวยครั้งนี้ เรียกได้ว่ามีความหมายสำคัญอย่างมาก

นี่หมายความว่า เขาเริ่มใคร่ครวญมู่ฝานในฐานะผู้สืบทอดใหม่อีกครั้งแล้ว

เยี่ยอีอีกับเหลียงเหม่ยซวนจะไม่เข้าใจความหมายของเขาได้อย่างไร

ท่าทีหวั่นไหวของผู้อาวุโสครั้งก่อนก็ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว!

ขณะที่กำลังพูดคุย ที่ประตูเยี่ยหวันหวั่นกับเยี่ยมู่ฝานส่งบัตรเชิญ จากนั้นก็เดินเข้ามาอย่างราบรื่น

“คุณย่า!”

ทันทีที่เห็นถานอี้หลาน เยี่ยมู่ฝานก็เรียกเธออย่างสนิทสนมทันที จากนั้นเขาก็เอ่ยอย่างทึ่งใจ “คุณย่า คืนนี้คุณย่าสวยเกินไปแล้ว เมื่อกี้ผมมองคุณย่าจากที่ไกลๆ ยังนึกว่าเป็นเทพธิดาจากสวรรค์ชั้นเก้าลงมาจุติซะอีก!”

ถานอี้หลานถูกชมจนอารมณ์เบิกบาน “เด็กคนนี้นี่ รู้จักพูดเหลวไหลด้วย!”

เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ด้านข้างยกมือเห็นด้วยอย่างไร้เดียงสา “พี่ชายคนนี้พูดได้จริงแท้ หนูเป็นพยานค่ะ!”

ถานอี้หลานมองสองคนยังโกรธๆ “พวกหลานนี่นะ ปากทาน้ำผึ้งไว้หรือไง”

เสียงดนตรีรื่นหูพลันดังขึ้นในงานเลี้ยง การเต้นรำรอบแรกเริ่มขึ้นแล้ว

เยี่ยมู่ฝานโค้งตัวอย่างสง่างาม ยื่นมือตามมารยาทสุภาพบุรุษ “คุณนายถานอี้หลานผู้งดงามที่สุดในคืนนี้ ได้โปรดให้เกียรติเต้นรำกับผมสักรอบได้ไหมครับ”

ถานอี้หลานอนุญาตอย่างยินดี ทั้งสองเดินไปยังฟลอร์เต้นรำช้าๆ

เสียงปรบมือพลันดังกระหึ่มขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงกระซิบกระซาบ

“ไอ้หยา นั่นคุณชายใหญ่ตระกูลเยี่ยเยี่ยมู่ฝานเหรอ กลับมาแล้วเหรอเนี่ย ไม่ใช่ว่าเยี่ยมู่ฝานไม่มีวิชาความรู้ ถูกขับออกจากบ้านไปแล้วเหรอ”

“ฉันได้ยินว่าระยะนี้เขาทำตัวไม่เลว ประธานกรรมการก็อนุญาตให้เขามางานวันนี้แล้ว เกรงว่า…พวกนายน่าจะเข้าใจ!”

“ดูท่าว่าตระกูลเยี่ย…ฟ้าจะเปลี่ยนแล้ว…”

เหลียงเหม่ยซวนได้ยินบทสนทนาของคนรอบข้างก็โกรธจนกัดฟันกรอด

“นายท่านใหญ่กับนายหญิงใหญ่เอียงใจไปทางเยี่ยมู่ฝานหลานรักคนนี้อย่างเห็นได้ชัดเลย!”

เยี่ยอีอีเอ่ยปากอย่างใจเย็น “นมฝชำนาญพูดป้อยอคนใหญ่โต คุณแม่ก็รู้นี่คะ”

เหลียงเหม่ยซวนแค่นเสียงเย็น “หึ เขาก็ทำเป็นแค่ปากไหลลื่นประจบประแจงเท่านั้นแหละ โง่อย่างกับหมู พาตัวเองใส่พานส่งมาถึงมือพวกเรา!”

เมื่อก่อนเยี่ยมู่ฝานอยู่แต่บ้านไม่เป็นชิ้นเป็นอัน มีแค่คนวงในไม่กี่คนที่รู้เรื่อง แต่วันนี้ไม่เหมือนกันแล้ว

เธอจะรอดูว่าถ้าคืนนี้ เยี่ยมู่ฝานทำให้นายท่านใหญ่กับนายหญิงใหญ่เสียหน้าต่อหน้าสื่อมวลชนและแขกมากมายขนาดนี้ นายท่านใหญ่กับนายหญิงใหญ่จะยังให้โอกาสเขาอีกหรือเปล่า…

เยี่ยมู่ฝาน ความตายใกล้มาเยือนแล้วยังไม่รู้ตัว ฉันจะดูว่าแกจะยังผยองได้อีกสักกี่น้ำ

นึกถึงตรงนี้ เหลียงเหม่ยซวนก็อารมณ์ดีขึ้นทันที“อีอี จำไว้นะว่าแจกอั่งเปาให้สื่อพวกนั้นมากหน่อย ให้คืนนี้พวกเขา ‘ต้อนรับ’ คุณชายใหญ่ของพวกเราดีๆ!”

“เข้าใจแล้วค่ะคุณแม่ ทั้งหมดจัดเตรียมพร้อมแล้วค่ะ”

———————————————————————–

บทที่ 930 น้องสาวข่มเหง

ในงานเลี้ยงทุกคนล้วนเป็นคนในวงการ รู้จักสังเกตสีหน้าค่าต้สคนเป็นที่สุด จึงมีสาวสวยหยั่งเชิงเดินไปเยี่ยมู่ฝานทันที

“คุณชายเยี่ยคะ สนใจเต้นรำกันสักเพลงไหมคะ”

เยี่ยมู่ฝานมองคนที่มา ดวงตาพลันวับวาว

ศิลปินที่มางานล้วยเป็นล้วนเป็นแถวหน้าและยิ่งกว่าแถวหน้าของหวงเทียนเอนเตอร์เทนเมนต์ อย่างเช่นศิลปินสาวตรงหน้านี้ก็คือ ดอกไม้แถวหน้าหน้าใหม่ เดินสายพราวเสน่ห์ เป็นเทพธิดาของโอตคุชายนับไม่ถ้วน

จิ๊ น้องสาวคนนี้ไม่เลว จากสายต่างช่างเลือกของเขาก็ได้ไปแปดส่วนแล้ว…

เยี่ยมู่ฝานเอ่ยปากอย่างไม่ลังเล “แน่นอน…”

เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น ก็จิบเครื่องดื่ม ชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชา

เยี่ยมู่ฝานพลันเย็นสันหลังวาบ คำพูดที่เกือบจะถึงมุมปากแล้วเบี่ยงเลี้ยวกะทันหัน “แค่ก แน่นอน นับเป็นเกียรติของผม แต่ว่า ต้องขอโทษด้วยจริงๆ หลายวันนี้ค่อนข้างยุ่ง สภาพร่างกายเลยไม่ค่อยดี เกรงว่าจะเสียมารยาทกับคุณหนูอิน!”

หลังจากหลุดพ้นจากขุมนรกของเสิ่นเมิ่งฉี ที่เยี่ยหวันหวั่นกังวลที่สุดก็คือเยี่ยมู่ฝานจะกลับไปเป็นหมาป่าเจ้าชู้เหมือนเมื่อก่อนอีก ดังนั้นเธอจึงออกคำสั่งเด็ดขาดห้ามสำมะเลเทเมา โดยเฉพาะห้ามมีสัมพันธ์กับดาราหญิง

จูเสินสือไต้ไม่มีศิลปินหญิง เธอจึงยังนับว่าวางใจ แต่ถ้าปล่อยเขาเข้าหวงเทียน ก็ไม่ใช่ว่าปล่อยหมาป่าเข้าฝูงแกะหรือ ดังนั้นเยี่ยหวันหวั่นย่อมต้องจับตาดูอีกฝ่ายอย่างเคร่งครัด

“อย่างนั้นเหรอ…งั้นไว้ครั้งหน้าแล้วกัน!” สาวสวยย่อมเข้าใจนัยปฏิเสธในคำพูดของเยี่ยมู่ฝาน จึงได้แต่ต้องจากไป ขณะเดียวกันดวงตาเธอก็อดวาบแววสงสัยไม่ได้

คนที่มาชวนคุยเหมือนน้องสาวคนนี้มีอีกไม่น้อย แต่ทุกคนถูกเยี่ยมู่ฝานผลักไสอย่างไม่ต้องลงแรงมากมาย ทุกขั้นตอนเขาอยู่ข้างกายถานอี้หลานอย่าประพฤติตนเรียบร้อย

คืนนี้คนโดยรอบไม่น้อยที่สังเกตทางฝั่งของเยี่ยมู่ฝาน พวกเขาคาดไม่ถึงกับเรื่องนี้โดยสิ้นเชิง

เยี่ยมู่ฝานคุณชายเจ้าชู้คนนี้กลับเปลี่ยนนิสัยแล้ว?

ถานอี้หลานก็ลอบสังเกตหลานชายของตัวเองอยู่ตลอด เห็นว่าตอนนี้เขาเก็บแม้แต่นิสัยขี้เล่นแล้ว เธอย่อมพอใจขึ้นอีกหลายส่วน จึงเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “คนหนุ่มสาวคบหาสมาคมกันมากหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องเอาแต่อยู่ข้างย่าหรอก”

เยี่ยมู่ฝานตอบอย่างว่านอนสอนง่าย “คบหาสมาคมอะไรนั่นทำตอนไหนก็ได้ แต่ปกติเวลาที่ผมได้อยู่กับคุณย่ามีไม่เยอะเท่าไร…”

ถานอี้หลานได้ฟังคำพูดนี้ในใจก็พลันอ่อนลงไม่น้อย “หลานก็ เมื่อก่อนก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่มีธุระก็กลับมาได้ตลอด หรือว่ามีใครทำหลานโกรธอีกแล้ว”

นึกถึงเรื่องที่บ้านเก่าเมื่อวันนั้น สีหน้าของถานอี้หลานที่มองเหลียงเหมยซวนที่ด้านข้างก็เผยความแสลงใจขึ้นหลายส่วน และเอ่ยอีกว่า “มู่ฝาน ที่นี่ก็เป็นบ้านของหลาน ปู่กับย่ายังไม่ตายนะ ไม่มีใครกล้าห้ามหลานกลับบ้าน!”

เหลียงเหม่ยซวนได้ยินคำนี้ก็โกรธแทบบ้า แต่เธอดันได้แต่ต้องเสริมรับคำ “คุณแม่พูดถูกแล้ว มู่ฝานจ๊ะ หวันหวั่นหนูก็ด้วย อย่ามัวแต่ทำงาน เวลาปกติต้องกลับมาบ้านบ่อยๆ บ้าง…”

ให้ตาย! เป็นเพราะเลือดเนื้อเชื้อไขถึงได้อยู่ที่นี่ไหม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นหลานชายคนเดียว จัดการไม่ง่ายจริงๆ!

ไม่ได้เด็ดขาด ตระกูลเยี่ยนี้ เธออุตสาหะถึงได้มา จะปล่อยให้ครอบครัวของเหลียงหวั่นจวินผู้หญิงคนนั้นแย่งไปได้ยังไง…

เหลียงเหม่ยซวนส่งสายตาให้เยี่ยอีอีโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า

เยี่ยอีอีพูดอย่างอ่อนโยน “คุณย่าคะ ทางฝั่งนักข่าวเตรียมตัวเสร็จแล้ว พวกเราเริ่มกันตอนนี้เลยไหม”

ถานอี้หลานพยักหน้า “ได้ เริ่มเลยเถอะ!”

ไม่นาน งานเลี้ยงฉลองครบรอบคืนนี้ก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ สื่อที่ได้รับกชิญทยอยกันเข้ามาในงาน

ดาราคนดังพากันเดินผ่านพรมแดงเข้ามาในงาน งานเลี้ยงหมู่มวลดาราพราวระยับ หากบอกว่าตระกูลเยี่ยครอบครองครึ่งหนึ่งของวงการบันเทิง ก็ไม่ใช่เรื่องเกินเลยแม้แต่นิดเดียว

…………………