อีกด้านหนึ่ง ที่แท่นบูชาหลักสำนักประตูสุราลัย
ในที่สุดแดร์ริลก็ฟื้นคืนสติ
เขารู้สึกว่าหัวของเขากำลังจะระเบิดเมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ เขาได้ใช้กำลังภายในเพียงเศษเสี้ยวสุดท้ายในการต่อสู้กับกองทัพโลกใหม่ ในขณะที่ร่างกายของเขามีบาดแผลนับร้อย เขาอ่อนแอเกินไป
“ท่านประมุขสำนัก”
“พี่แดร์ริล วิเศษไปเลย ในที่สุดนายก็ตื่น”
ในเวลานั้น คนหลายคนก็ยืนห้อมล้อมตัวเขา พวกเขาทั้งหมดคือสมาชิกของสำนักประตูสุราลัย สี่พี่น้องตระกูลดิกสัน สองขุนพลสายฟ้า สิบปรมาจารย์สวรรค์และคนอื่น ๆ
ทุกคนต่างตกใจเมื่อเห็นแดร์ริลเป็นลมล้มไปต่อหน้าต่อตาก่อนหน้านี้ ขอบคุณสวรรค์ที่ในตอนนี้ประมุขสำนักฟื้นขึ้นมาแล้ว
แดร์ริลใช้กำลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดผยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งบนเตียงและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ หัวใจของเขาปวดร้าวระบม
นายหญิงนิกายและอีวอนไม่ได้อยู่ที่นี่ เขากลัวว่าฟลอเรียนจะลักพาตัวพวกเธอไปและไม่มีใครสามารถที่จะไล่ตามไปช่วยพวกเธอ
แดร์ริลทุกข์ระทมปวดใจเป็นอย่างมาก ขณะเขากำหมัดแน่น
“ท่านประมุข คุณเป็นยังไงบ้าง? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” เลวินกล่าวถาม
แดร์ริลโบกมือของเขาส่งสัญญาณบอกว่าไม่เป็นอะไร เขารู้สึกเสียใจที่เห็นบรรดาสาวกสำนักประตูสุราลัยได้รับบาดเจ็บสาหัสหนักกว่าเขา
แดร์ริลรู้สึกปวดใจเมื่อนึกถึงบรรดาสาวกประตูสุราลัยมากกว่าหมื่นคนเสียชีวิตในสมรภูมิรบ
“เซปไฟร์ นายรู้ตัวไหมว่านายทำอะไรลงไป?”
ในเวลานั้น แดร์ริลค่อย ๆ คลานลุกออกจากเตียงจ้องเขม็งไปที่เซปไฟร์และด่าทอ
เซปไฟร์ตัวสั่นเทาและคุกเข่าลงในทันที “ลูกพี่แดร์ริล…”
แดร์ริลจ้องมองเขาอย่างขึงขังด้วยหัวใจที่ปวดร้าวแต่ก็โกรธเคืองไม่แพ้กัน “ตอนที่ฉันขอให้นายไปปล่อยตัวพ่อแม่ของฉันอย่างเงียบ ๆ เมื่อวันก่อน ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอว่าอย่าไปสู้กับหกสำนักหลัก?
ถ้านายไม่ไปต่อสู้กับพวกเขา พวกกองทัพโลกใหม่คงไม่มาถล่มเราโดยไม่ทันตั้งตัวหรอก เราคงไม่สูญเสียสาวกมากมายขนาดนี้และรวมไปถึงสาวกของสำนักคนอื่น ๆด้วย!”
แดร์ริลกริ้วกราดมากกว่าเดิม “เราเกือบจะสูญเสียเมืองตงไห่ไปก็เพราะนาย นายรู้ตัวไหมว่าทำผิดอะไรไป!?”
เซปไฟร์ถูกห่อตัวราวกับผีมัมมี่ เพราะบาดแผลฉกรรจ์นับร้อยทั่วร่างกายของเขา เขาโชคดีที่ยังมีชีวิตรอด แต่ในเวลานี้เขาอ่อนแออย่างถึงที่สุด
หัวใจของแดร์ริลปวดร้าวเมื่อเห็นหน้าเซปไฟร์ เขารู้ว่าเซปไฟร์ต่อสู้กับหกสำนักหลักเพื่อจะช่วยชีวิตพ่อแม่ของเขา แต่การสู้กันในครั้งนั้นเกือบจะต้องทำให้พวกเขาสูญเสียเมืองตงไห่ไป
เขาไม่ต้องการที่จะลงโทษเซปไฟร์ แต่เขาจำเป็นต้องทำ!
“ท่านประมุขสำนัก ผมรู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว คุณจะทำโทษผมยังไงก็ได้ตามเห็นสมควร ผมจะยอมรับผิดแต่โดยดี” เซปไฟร์กล่าวระหว่างที่ยังคงคุกเข่า
เซปไฟร์รู้ตัวดีว่าเขาได้ทำผิดอย่างใหญ่หลวง แต่เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจที่ได้กระทำลงไป
แดร์ริลถึงกับต้องเสียสละพ่อแม่ของเขาเพื่อช่วยเหลือยุทธจักร ตัวเขาเองในฐานะรองประมุขจะนิ่งดูดายได้อย่างไร?!
“ได้”
แดร์ริลสูดลมหายใจเข้าลึกและกล่าวอย่างชัดเจน “บทลงโทษในครั้งนี้คือการถูกโบยด้วยไม้ตะพดหนึ่งร้อยครั้ง”
อะไร?
ถูกโบยด้วยไม้ตะพดหนึ่งร้อยครั้ง
สองขุนพลสายฟ้าและนิมบัสต่างตกใจสะดุ้งเฮือกในทันที
เซปไฟร์ได้รับบาดเจ็บนับแผลไม่ถ้วนจากการที่ต่อสู้กับกองทัพโลกใหม่อย่างห้าวหาญก่อนหน้านี้ โชคดีที่เขายังมีชีวิตรอดมาได้ แต่การถูกโบยด้วยไม้ตะพดร้อยครั้งอาจจะทำให้เซปไฟร์ชะตาขาดได้!
วินาทีต่อมา ทุกคนต่างคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียงกันและวิงวอนขออภัยโทษ
“ท่านประมุขสำนัก ได้โปรดให้อภัยเซปไฟร์ด้วยครับ”
“ใช่ ได้โปรดปล่อยเขาไปเถอะครับเขาต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อปกป้องหอคอยดาวปราถนา”
“พี่แดร์ริล”
แดร์ริลถอนหายใจเมื่อเขาเห็นทุกคนต่างร้องขอการอภัยโทษจากเขา หลังจากเงียบไปสักพัก เขาก็เปิดปากกล่าว “เซปไฟร์ความผิดพลาดของนายมันใหญ่หลวงมาก แต่การที่นายได้ต่อสู้อย่างสุดกำลังเพื่อปกป้องเมืองตงไห่ ฉันจะลดโทษลงแทน เป็นการโบยด้วยไม้ตะพดยี่สิบครั้งแทนที่จะเป็นร้อยครั้ง”
จากนั้นแดร์ริลก็โบกมือ “เอาตัวเขาออกไป”
ขณะเขากล่าว สาวกสำนักประตูสุราลัยสองคนก็เดินเข้ามาพาตัวเซปไฟร์ออกไป
“ขอบคุณ พี่แดร์ริล” เซปไฟร์ไม่ได้แสดงสีหน้าหวาดกลัวใด ๆ และกล่าวตอบน้ำตานองหน้า
ความผิดพลาดของเขานั้นมหันต์ใหญ่หลวงมาก เพราะอาจจะทำให้เมืองตงไห่ถูกพิชิตได้ ตามกฏของสำนักประตูสุราลัย แดร์ริลสามารถที่จะสั่งประหารชีวิตเขาทิ้งได้ แต่เขากลับโดนลงโทษด้วยการโบยเพียงแค่ยี่สิบครั้งเท่านั้น นั่นนับว่าแดร์ริลมีความเมตตาให้กับเขาแล้ว
…
อีกด้านหนึ่งที่โลกใหม่
ฟลอเรียนติดตามกองทัพโลกใหม่กลับไปที่ดินแดนแห่งโลกใหม่
ฟลอเรียนรู้สึกตื่นเต้นลิงโลดอย่างถึงที่สุดเมื่อเขาก้าวลงมาจากเรือแตะพื้นดินของโลกใหม่
มันไม่มีแม้แต่รถยนต์ เครื่องบินหรือตึกสูงในดินแดนโลกใหม่ ฟลอเรียนรู้สึกราวกับว่าเขาได้ย้อนเวลากลับไปในสมัยโบราณ
พื้นที่ของโลกใหม่นั้นกว้างใหญ่ไพศาลกว่าจักรวาลโลก โดยแต่ละเมืองจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและรวมไปถึงทัศนียภาพอันสวยงามระหว่างทาง
สโลนขี่ม้าสีโลหิต นำกองทัพนายทหารโลกใหม่ 50,000 นาย เดินเท้าเป็นเวลาหลายวันก่อนจะมาถึงที่เมืองหลวง
ฟลอเรียนรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อได้เห็นอาคารในพระบรมมหาราชวัง
พระราชวังของโลกใหม่มีสถาปัตยกรรมที่ดูคล้ายคลึงกับพระราชวังของจักรวาลโลก แตกต่างกันก็เพียงแค่ขนาดของมันที่กว้างใหญ่โอ่อ่ากว่าหลายเท่าตัว
ทหารทั้งหมดที่เดินลาดตระเวนอยู่ภายในพระราชวังคือเหล่านักรบผู้เกรียงไกร
ในเวลานั้น นายหญิงนิกายและอีวอนก็ถูกมัดตัวไว้แน่นหนา
สโลนนำทางฟลอเรียน นายหญิงนิกายและอีวอนไปในห้องโถงเปี่ยมพลัง
ห้องโถงเปี่ยมพลังอันโอ่อ่าและอลังการเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิแห่งโลกใหม่จะมาพบกับราษฎรเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับวาระแห่งชาติ
เมื่อพวกเขาก้าวเข้าไปในห้องโถงเปี่ยมพลังพวกเขาก็เห็นบรรดารัฐมนตรีประมาณร้อยคนยืนเรียงรายอย่างเป็นระเบียบทั้งสองข้างขนาบห้องโถงและแต่ละคนมีสายตาที่ขึงขังจริงจัง
กลางห้องโถง ชายร่างมหึมาสวมชุดมังกรทองนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรทองคำด้วยสีหน้าดุดันเคร่งขรึม เขาดูสง่างามและดูน่าเคารพยำเกรงเป็นอย่างมาก