ภาค 4 กวาดล้างหมื่นลี้ บทที่ 380 เยี่ยนจ้าวเกอพลิกสถานการณ์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

เหนือเกาะมังกรตะวันออกที่อยู่ห่างออกไป กำลังเกิดสงครามอันดุเดือดครั้งใหญ่

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูหมู่เมฆที่รวมตัวกัน ในใจคิดกลยุทธ์รับมืออย่างต่อเนื่อง

อาหู่ที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยความโมโหเล็กน้อย “ที่นี่มีราชันปีศาจอัคคีที่มีพลังฝึกปรือเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสอง ที่ทะเลชั้นนอกย่อมไม่ได้มีแค่ตัวเดียว มิเช่นนั้นคงไม่อาจถึงขั้นทำให้พวกปราชญ์ภาพวาดลำบากแน่”

“ปราชญ์ภาพวาดเป็นยอดฝีมือระดับอาวุโส จะนำมาคำนวณด้วยไม่ได้ จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองที่ปรากฏตัวขึ้นในหลายปีมานี้ ความจริงมีแค่หวงกวงเลี่ยแห่งน้ำสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งออกจากฌานเท่านั้น”

“เปรียบเทียบกันแล้ว ปีศาจอัคคีฟื้นฟูพลังเร็วเกินไป ในสงครามที่เกิดขึ้นติดต่อกันในอดีต มหาอำนาจแปดพิภพแม้จะมียอดฝีมือตายไปเป็นจำนวนมาก แต่ปีศาจอัคคีก็ล้มตายไปไม่น้อยเช่นกัน”

ครั้นได้ยินคำโอดครวญของอาหู่ เยี่ยนจ้าวเกอก็ตอบว่า “ไม่น่าแปลกใจ พวกมันมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม เป็นปีศาจที่มีธาตุกำเนิดจากวิญญาณไฟ ช่วยเพิ่มพลังการฝึกปรือของพวกมันในช่วงแรกได้มากทีเดียว”

“ปีศาจอัคคีที่มีพลังระดับมหาปรมาจารย์มีจำนวนมากกว่าพวกเรามาโดยตลอด”

“ไม่ว่าจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ของพวกเราจะเลื่อนเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์ หรือปีศาจอัคคีจะเลื่อนเป็นระดับราชันปีศาจ ล้วนมีความยากทั้งสิ้น แต่พวกมันมีจำนวนมากเกินไป แม้จะมีความยากระดับเดียวกัน แต่ราชันปีศาจอัคคีย่อมมีจำนวนมากกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา

“นี่ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ปีศาจอัคคีมีความขัดแย้งภายในสาหัสด้วย ไม่เช่นนั้นคงจะแย่กว่านี้อีก”

เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ “นิสัยของปีศาจอัคคีมีข้อเสียสาหัส ขี้โมโห ชอบสงคราม ขาดสติง่าย แต่สวรรค์ก็ชดเชยให้กับมัน”

อาหู่กัดฟันเล็กน้อย กล่าวว่า “ถ้ามีโอกาสทำลายพวกปีศาจอัคคีระดับปรมาจารย์ และระดับมหาปรมาจารย์เหล่านั้นคงจะประเสริฐยิ่ง”

ชายหนุ่มพลันกลอกตาขาว “ดำเนินการโจมตีเองได้ ผู้ใดจะยอมถูกทุบตีเล่า น่าเสียดายนัก ถ้าเราโจมตีโลกปีศาจอัคคีคืน ที่นั่นเต็มไปด้วยแก่นแท้แห่งไฟกับพลังทำลายล้าง ปีศาจอัคคีได้เปรียบจากการเป็นเจ้าถิ่น”

อาหู่ทราบเรื่องนี้เช่นกัน พอนึกขึ้นมา ใบหน้าก็ปรากฎเค้าความเจ็บปวดเด่นชัดกว่าเดิม

ที่ซึ่งอยู่ไกลออกไปมีคลื่นพลังอันรุนแรงส่งมาอย่างกะทันหัน คล้ายกับเกิดแผ่นดินไหวบ้าคลั่งใต้ท้องทะเล

เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งมอง เห็นมวลน้ำพุ่งขึ้นกลายเป็นคลื่นยักษ์น่ากลัว พุ่งจากเกาะมังกรตะวันออกมาหาตนเอง

กระแสน้ำโหมซัดอย่างบ้าคลั่งเป็นแนวเหยียดยาว น่าพรั่นพรึงถึงขีดสุด

ทะเลชั้นในของทะเลตะวันออกถูกแบ่งเป็นเมืองทะเลมรกต เมืองมหานที และน่านน้ำอื่นอีกสองชั้น คลื่นยักษ์น่ากลัวเช่นนี้ซัดสาดโดนน่านน้ำของเมืองทะเลมรกตทั้งเมือง อีกทั้งยังกระจายไปยังน่านน้ำของเมืองมหานทีที่อยู่อาณาเขตด้านนอกด้วย

เยี่ยนจ้าวเกอ อาหู่ และพ่านพ่านหลบคลื่นยักษ์ ขณะเดียวกันก็มองไปยังทิศทางของเกาะมังกรบูรพา พลางพึมพำกับตัวเอง “ค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดใกล้จะพังทลายแล้ว”

จากนั้นเขาส่ายหน้า “ค่ายกลคุ้มภูผาไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับท่านอาจารย์ ได้แต่ต้องพึ่งตัวเอง ถ้าราชันปีศาจอัคคีพวกนั้นหันกลับไปโจมตีค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัด เพราะทำอะไรท่านอาจารย์ไม่ได้ อาจารย์ก็ยากจะช่วยเหลือW

ใบหน้าของอาหู่เต็มไปด้วยความกังวล “กลัวก็แต่พวกมันจงใจปล่อยค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัดให้อ่อนแอลง แล้วดึงดูดความสนใจของท่านเจ้าสำนักคนเก่าแทน”

ราชันปีศาจอัคคีจับจ้องค่ายกลทะเลมรกตไร้ขีดจำกัด ถ้าหากหยวนเจิ้งเฟิงปกป้องค่ายกลไว้ได้ จะต้องสูญเสียอำนาจในการเคลื่อนไหวอย่างไม่ต้องสงสัย

ด้านหนึ่งต้องการทำลาย อีกด้านต้องการปกป้อง ฝ่ายทำลายย่อมได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย

ฝ่ายปกป้องถ้าหากตั้งใจเต็มที่ ก็เป็นไปได้ว่าจะเผยช่องโหว่ของตัวเอง จนศัตรูฉวยโอกาสได้

เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ปีศาจอัคคีต้องทำเช่นนี้แน่ ต่อให้เสียสติ สัญชาตญาณการต่อสู้ก็ยังกระตุ้นให้มันเลือกวิธีการสู้ที่มีประโยชน์ต่อตัวเอง”

“แต่ทางนี้มิจำเป็นต้องเป็นห่วงอาจารย์ อาจารย์เคยอยู่ในยุทธภพมาก่อน เป็นผู้มีประสบการณ์มากมาย เขารู้ว่าสมควรทำอย่างไร ต่อให้คิดปกป้องเมืองทะเลมรกต ก็ต้องป้องกันไม่ให้ตนเองเผยช่องโหว่ก่อน”

หากหยวนเจิ้งเฟิงเผยช่องโหว่วของตัวเอง จะกลายเป็นแพ้ทั้งกระดานทันที

ชายหนุ่มมองเกาะมังกรบูรพา ‘สิ่งสำคัญก็คือ เจ้าเมืองทะเลมรกตซ่งอู๋เลี่ยงจนถึงตอนนี้ยังไม่ออกฌาน…’

เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปกล่าวกับอาหู่และพ่านพ่าน “พวกเจ้าออกจากน่านน้ำเมืองทะเลมรกต ที่เมืองมหานทีมีแนวโน้มจะกลายเป็นสนามรบหลักเช่นกัน อย่าไปที่นั่น ให้ไปยังที่อื่น”

อาหู่ขนลุกขนพอง “คุณชาย ท่านคงมิได้จะกลับเกาะมังกรบูรพาหรอกกระมัง”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าตั้งใจจะกลับไปหาวิธีพลิกสถานการณ์ที่เมืองทะเลมรกตเสียก่อน”

อาหู่กล่าวอย่างกระวนกระวาย “คุณชาย ตอนนี้ที่นั่นเป็นสงครามระหว่างยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะเข้าใกล้ได้อย่างไร”

ปราณแสงสายฟ้าสีม่วงเข้มสว่างวาบขึ้นที่ดวงตาข้างขวาของเยี่ยนจ้าวเกอ เขาหันไปมองทิศตะวันออกที่เมืองมหานทีตั้งอยู่ “ให้จอมยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์อีกคนพาข้าไป”

ครั้งนี้อาหู่มองไปทางนั้นด้วย เห็นเมฆม้วนเป็นเกลียว ลมสายหนึ่งพุ่งจากทิศตะวันออกสู่ตะวันตก มุ่งหน้าไปยังเมืองทะเลมรกตอย่างรวดเร็ว

เมฆเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นหลากสรรพสิ่ง

ชั้นเมฆพลันครอบคลุมมาเหนือศีรษะของพวกเยี่ยนจ้าวเกอ

“ผู้คุมหออันแห่งหอคลื่นโหมหรือ” อาหู่พลันเข้าใจ

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “ผู้คุมหออันแม้จะได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ อย่างน้อยก็น่าจะส่งข้าเข้าเมืองทะเลมรกตได้”

เขาเงยหน้ากู่ร้องเสียยาวเหยียด ชั้นเมฆบนท้องฟ้ามิได้หยุดเคลื่อนไหว แต่ไอเมฆสีขาวสายหนึ่งพุ่งลงมาม้วนเยี่ยนจ้าวเกอขึ้นไป

“ออกจากน่านน้ำแห่งนี้ รอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนค่อยว่ากล่าว” เยี่ยนจ้าวเกอปล่อยให้ไอเมฆม้วนตนเองขึ้น ขณะเดียวกันก็กำชับอาหู่กับพ่านพ่าน

อาหู่กับพ่านพ่านต่างมองเยี่ยนจ้าวเกอลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับเมฆด้วยใบหน้าเป็นกังวล พริบตาเดียวชายหนุ่มก็หายไป

พอมาอยู่ในชั้นเมฆ สตรีวัยกลางคนผู้มีรูปร่างสูงชะลูด หน้าตาธรรรมดาผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเยี่ยนจ้าวเกอ เป็นอันชิงหลิน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์พลิกเมฆา ผู้คุมหอคลื่นโหม

อันชิงหลิงภายนอกดูไม่ผิดแผกจากยามปกติ แต่นางกล่าวเรียบๆ ว่า “เจ้าตำหนักเฉินแห่งตำหนักอัสนีสวรรค์ได้สนับสนุนการรบทางด้านทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกแล้ว ตอนนี้ข้าได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้จะไปเมืองทะเลมรกต ก็ทำได้เพียงพยายามอย่างสุดความสามารถ หวังให้ฟ้าช่วยเหลือ เจ้าจงใจปรากฏตัว สมควรมีวิธีการอันใดกระมัง?”

เพราะการกระทำที่ไม่เคยมีผู้ใดกระทำมาก่อนครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะเป็นอันชิงหลินซึ่งเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งมหาอำนาจแปดพิภพในปัจจุบัน ก็ยังให้ความสำคัญกับเยี่ยนจ้าวเกอ

อย่างน้อยนางก็ยอมรับฟังความเห็นของเยี่ยนจ้าวเกอ มิได้รู้สึกว่าในสถานการณ์ย่ำแย่ในตอนนี้ มหาปรมาจารย์ขั้นซ่อนจิตเช่นเขาไร้ประโยชน์

เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “ข้ามิอาจสอดมือในการต่อสู้กับราชันปีศาจได้ ทว่าอยากจะให้ผู้คุมหออันส่งข้าขึ้นเกาะมังกรบูรพา ไปยังเมืองทะเลมรกต บางทีอาจจะนึกอะไรออก”

อันชิงหลินไม่พูดจามากความ นางลอยตามเมฆ ไม่ทันไรก็ไปถึงเหนือเกาะมังกรบูรพา

ตอนที่นางยังห่างออกไปไกลมาก ฝ่ายที่กำลังสู้กันอยู่ก็รู้สึกได้แล้ว

หยวนเจิ้งเฟิงย่อมฮึกเหิม ส่วนฝ่ายปีศาจอัคคีเริ่มป้องกัน

ราชันปีศาจอัคคีตนหนึ่งพลันแยกตัวมา คิดสกัดอันชิงหลินไว้

อันชิงหลินกลับไม่รีบปะทะกับมัน ชั้นเมฆลดระดับลงอย่างรวดเร็ว กดอัดใส่ผิวทะเล

ไอเมฆสีขาวพลันเจาะทะลุท้องทะเลลึก ส่งเยี่ยนจ้าวเกอตรงดิ่งไปยังเมืองทะเลมรกต