บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 639

เจเรมี่ถอดผ้าปิดตาเมเดลีนออก ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เธอเอ่ยถามออกไป

ในขณะที่รู้สึกแสบตาจากแสงภายนอก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของเจเรมี่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเมเดลีน

‘เป็นเขาจริง ๆ ด้วย’

เมเดลีนกระซิบเบา ๆ อยู่ในใจ และเพราะอะไรบางอย่าง ความรู้สึกปลอดภัยได้เอ่อล้นเต็มหัวใจเธอ

“ลินนี่ คุณเป็นไงบ้าง? เจ็บตรงไหนไหม?” เจเรมี่เอ่ยถามด้วยความกังวลในขณะที่แก้เชือกที่มัดมือและเท้าเธอออกอย่างรวดเร็ว

เมเดลีนส่ายหัว และกำลังจะพูดบางอย่าง แต่เห็นหลังมือขวาของเจเรมี่ที่อาบไปด้วยเลือดเสียก่อน

เธอมองดูกระจกบานที่แตกและรู้ทันทีว่าเขาใช้หมัดของเขาต่อยเข้าที่กระจกจนแตก

เมื่อเห็นว่าเมเดลีนไม่ได้ตอบคำถามเขา เจเรมี่จึงถามย้ำในขนาดที่ความกังวลเข้าครอบงำมากขึ้น

“ลินนี่ ใครเป็นคนพาตัวคุณมาที่นี่? คนนั้นมันทำร้ายคุณรึเปล่า?”

เมเดลีนตื่นจากภวังค์ “มันเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ฉันคิดว่าเคยเห็นเขาที่ไหนสักแห่งมาก่อน แต่ตอนนี้ฉันยังนึกไม่ออก”

เธอพยายามที่จะลุกขึ้นยืนขณที่พูด แต่ขาเธอพลันอ่อนแรงและรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ข้อเท้า

เจเรมี่รีบโอบเอวเธอย่างรวดเร็วและจับมือเธอเอาไว้ “ลินนี่”

“ข้อเท้าฉันแพลง” เมเดลีนหน้าตาบูดบึ้ง

เจเรมี่ประคองเมเดลีนและพยุงตัวเธอมานั่งพักที่เก้าอี้อีกด้าน

เขาพยายามที่จะเปิดหน้าต่าง แต่มันเก่าขึ้นสนิมจนเขาเปิดไม่ออก

“ลินนี่ นั่งรอผมตรงนี้สักพักนะ ผมจะออกไปดูว่ามีประตูบานอื่นอีกไหมที่เราออกไปได้”

เขาไม่ต้องการให้เธอลอดผ่านบานหน้าอย่างที่เขาทำ เพราะว่ามันมีเศษกระจกที่แตก เขากลัวว่ามันจะบาดเธอเอาได้

เขาไม่ต้องที่จะเห็นเธอมีบาดแผลและต้องเลือดตกยางออก

เจเรมี่มองไปรอบ ๆ และเห็นประตูบานซึ่งอยู่ด้านหลังพวกเขามีกลอนที่สนิมค่อนข้างเขรอะ และไม่น่าจะเปิดออกได้ในตอนแรก แต่ถ้ากลอนประตูพังไปแล้ว ประตูน่าจะเปิดออกได้ไม่ยาก

ในขณะที่มองหาอะไรสักอย่างมาทุบกลอนประตู เจเรมี่เอ่ยถามเมเดลีน “ลินนี่ คุณบอกจะจับลักษณะอะไรอย่างอื่นได้อีกไหม? บอกผมมาหน่อย บางทีผมอาจจะรู้ก็ได้ว่ามันเป็นใคร”

เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่แทนเนอร์พูด คำพูดเหล่านั้นช่างน่าสะอิดสะเอียน อย่างไรก็ตาม เพื่อหาคำตอบว่ามันเป็นใคร เมเดลีนบอกเขาไปตามตรง

“มันบอกว่าเป็นเพื่อนเก่าฉัน”

“…” เจเรมี่นิ่งไปช่วงครู่ก่อนหันหน้ามามองที่เมเดลีนด้วยดวงตาที่โตอย่างประหลาดใจ

“มันยังบอกอีกว่ามันอยากจะนอนกับตั้งแต่เจ็ดปีที่แล้ว แต่ไม่สำเร็จ”

หลังจากที่พูดออกไป เมเดลีนสังเกตเห็นกระแสน้ำอันดำมืดไหลเชี่ยวกรากอยู่ภายในดวงตาของเจเรมี่

เมเดลีนเล่าต่อ “มันยังบอกอีกว่าถ้าได้กับพูดหญิงที่นายเคยนอนด้วย มันจะเก่งเหมือนกับนาย”

เจเรมี่พยายามที่จะอดกลั้นความโกรธจากประโยคสุดท้ายนั่น แต่หลังจากได้ยินทั้งหมดจากปากเธอแล้ว ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็ปกคลุมด้วยเมฆดำทะมึนไปชั่วขณะ เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาเต็มหน้าผาก แสงสว่างอันเย็นยะเยือกในดวงตาของเขาแผ่ไอเย็นยิ่งกว่าเสาน้ำแข็งไหน ๆ ราวกับว่าความหนาวเหน็บทั้งมวลได้ไหลทะลักออกมาจากดวงตาเขาในวินาทีต่อมา

ท้ายที่สุด เขาสามารถอดกลั้นความเดือดดาลเอาไว้ได้เมื่อเห็นท่าทีของเมเดลีน จากนั้นเขาเอ่ยประโยคหนึ่งออกจากปาก “มันคือ แทนเนอร์”

“แทนเนอร์?” เมเดลีนทวนชื่อนั้นซ้ำสอง และรู้สึกว่าไม่คุ้นหูเลย “ดูเหมือนว่าจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดด้วยนะ และน่าจะเป็นผู้หญิงด้วย เธอคงเกลียดฉันน่าดู”

คนแรกที่เขาฉุกคิดขึ้นมาได้คือ เมเรดิธ แต่เมเรดิธตายไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เธอ จะมีผู้หญิงคนไหนอีก?

แทนเนอร์และผู้ร่วมแผนการของเขากลับมาหลังจากพูดคุยกันเสร็จ พวกเขาเห็นรถหรูจอดอยู่หน้าทางเข้าโรงงานร้าง

เมื่อเข้าไปดูใกล้ ๆ เขาจึงมั่นได้ว่านี่เป็นรถสปอร์ตของเจเรมี่

แทนเนอร์รู้สึกเดือดดาลและรำคาญใจขึ้นทันควัน เขาไม่เคยแพร่งพรายเรื่องที่เขาลักพาตัวและเรียกค่าไถออกไปเลย ถ้าแบบนั้น เจเรมี่หาเมเดลีนเจอได้อย่างไร?

เขาจะขู่เรียกค่าไถได้อย่างไร? เขาจะชดใช้ไอ้พวกบริษัทปล่อยเงินกู้หน้าเลือดโดยที่ไม่เงินสักแดงเดียวได้อย่างไร? ถ้าไม่สามารถหาเงินไปชดใช้พวกนั้นได้ มันจะต้องส่งคนมาฆ่าเขาแน่!

ถ้าเจเรมี่ช่วยเมเดลีนให้หนี้รอดออกไปตอนนี้ เขาต้องหายไปจากโลกนี้ในไม่ช้าแน่นอน!