ตอนที่ 985 หลงซูโกว

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 985 หลงซูโกว

 

คาดคิดไม่ถึงว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้ๆ มักจะพบกับรอยเท้าขนาดใหญ่ที่ลึกลับติดต่อกันในขณะไปล่าสัตว์บนเขา การค้นพบดังกล่าวนี้ ทำให้เมืองเล็กๆตกอยู่ในความตื่นตระหนก พวกเขาเดากันไปว่าเด็กที่หายตัวไปนั้นถูกสัตว์ร้ายตัวยักษ์ที่ไม่รู้จักกิน !

 

เพราะเหตุนี้ เรื่องนี้จึงทำให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พวกเขาก็ไม่พบเบาะแสใดๆ

 

หยางโปพลิกอ่านไปมาอยู่สองรอบ จนแน่ใจว่าไม่มีอะไรตกหล่น จากนั้นถึงได้หยิบกระจกแสงจันทร์ออกมาเพื่อฝึกฝน

 

ในเวลานี้ เหยียนหรูหยูกำลังนั่งอยู่บนเตียง แสงจันทร์ส่องประกายราวกับน้ำ ส่องแสงไปบนร่างกายของเธอ ผิวขาวเหมือนหยกสดใสพร่างพราว เธอขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ค่อยๆเอามือทั้งสองข้างประสานกันแน่น เปลี่ยนท่าทางไปมาไม่หยุด

 

ไม่นาน เหยียนหรูหยูก็ลดมือลง ขมวดคิ้ว เธอลังเลเล็กน้อยแต่ก็ไม่ลองอีก แต่กลับนอนลงบนเตียงและมีอาการตกตะลึงเล็กน้อย

 

เธอมองออกไปข้างนอก หลับตาลง และผล็อยหลับไป

 

เช้าวันที่สอง หยางโปออกไปออกกำลังกายตอนเช้าเช่นเคย เหยียนหรูหยูยังคงตามเขามาที่สวนดอกไม้ หยางโปเริ่มฝึกฝนมวยเทียนหลัว ทักษะการชกมวยชุดนี้เพิ่มความแข็งแกร่งให้เขาขึ้นมาเล็กน้อย และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น เขาสัมผัสได้ถึงพลังในร่างกายของเขาที่กระฉับกระเฉงขึ้นอย่างเต็มที่

 

หยางโปเหลือบมองเหยียนหรูหยูและทันใดนั้นก็พูดทักขึ้นมาว่า ” คุณเหยียน เรามาฝึกด้วยกันหน่อยไหม ? ”

 

เหยียนหรูหยู ผงะไปครู่หนึ่ง เธอหันมามองหยางโป แสดงความสีหน้าไม่พอใจ ” กันนาย ? ”

 

“ ลองดูแล้วจะรู้เอง ” ขณะที่พูด หยางโปก็วิ่งกรูเข้าไปหาแล้ว

 

เหยียนหรูหยูไม่ได้ขยับ เธอเพียงแค่จ้องไปที่ร่างของหยางโปเท่านั้น

 

หยางโปปล่อยหมัดเทียนหลัวออกมา แต่เหยียนหรูหยูแค่เหยียดมือออกมาเบาๆ จับหมัดของหยางโปด้วยมือเปล่า เมื่อเกิดเหตุการณ์แปลกๆแบบนี้ขึ้นในเกิดเหตุ เธอหยุดหมัดของหยางโปไว้ด้วยมือที่ขาวนวลเพียงข้างเดียว

 

หยางโปลดหมัดลงอย่างจนใจ “ ดูเหมือนว่ามันเทียบกันไม่ติดเลย ”

 

เหลียงหรงและลูกน้องกำลังออกกำลังกาย และเห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี ลูกน้องของเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “ ผู้การเหลียง ดูเหมือนว่ากองกำลังทหารสนับสนุนของเราท่านนี้จะไก่อ่อนไปหน่อยนะ ! ”

 

“ ถ้าไม่รู้จักพูด ก็ไม่ต้องพูดไร้สาระ ! ” เหลียงหรงตำหนิให้ เขารู้ที่มาที่ไปของหยางโปดี และยังได้ยินเบื้องบนเคยเอ่ยถึงมาแล้ว ว่ากันว่าจงหนานไห่ ( ที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลกลางและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรค ) ได้เชิญหยางโปมา บุคคลสำคัญแบบนี้ ต่อให้เป็นไก่อ่อน เกรงว่าก็คงมีเบื้องหลังที่น่าทึ่ง !

 

เป็นธรรมดาที่หยางโปจะได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยกัน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ทำการฝึกซ้อมมวยไท่เก๊กต่อ และเก็บกระบวนท่า

 

เหลียงหรงเดินเข้ามาพร้อมกับลูกน้องคนหนึ่ง ” คุณหยางต่อยมวยไทเก็กได้ดีมากทีเดียว ! ”

 

หยางโปพยักหน้า “ ผู้การเหลียง คุณก็ชอบออกกำลังกายเหมือนกันเหรอ ! ”

 

เหลียงหรงหัวเราะ “ พวกเราถือว่าเป็นทีมทหาร การออกกำลังกายเป็นสิ่งจำเป็น พวกเราไปกินข้าวเช้ากันเถอะ เกรงว่าวันนี้คงต้องลำบากกับการเดินทางเอามากๆ ”

 

หยางโปพยักหน้า ” ตกลง ”

 

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังเหลียงหรงยังคงเชิดหน้าขึ้นและค่อนข้างที่จะดูถูกหยางโป แต่เขากลับสนใจเหยียนหรูหยูมาก เมื่อเห็นเหยียนหรูหยูนั่งอยู่ในห้องอาหาร แต่กลับไม่กินอะไรเลย เขาก็หยิบจานอาหารใบใหญ่เข้ามาวางไว้ตรงหน้าเหยียนหรูหยู “ คุณเหยียนกินอะไรสักหน่อยนะ วันนี้ต้องลำบากกันมาก ! ”

 

เหยียนหรูหยูเหลือบมองเขาและพูดเบาๆ ” ฉันไม่กินข้าวเช้า ”

 

ชายคนนั้นนิ่งเงียบไปทันที และพูดอย่างกังวลว่า “ ไม่กินข้าวเช้าได้ยังไง ? ไม่กินข้าวเช้าท้องไส้จะปั่นป่วนเอาได้ คุณรู้ไว้เลยนะ วันนี้เราต้องนั่งรถอย่างน้อยสิบกว่าชั่วโมง เกรงว่าระหว่างทางจะไม่ได้แวะกินอะไร… ”

 

หยางโปที่นั่งข้างๆมีสีหน้ายิ้มแย้ม และไม่ได้ห้ามปรามอะไร

 

“ เสี่ยวหลิน หยุดพูด ! รีบไปกินข้าวซะ เดี๋ยวแกก็ไปห่ออะไรไปกินระหว่างทางหน่อย เอาไว้ให้เรากินกันระหว่างทาง ! ” เหลียงหรงตำหนิให้ เขาทนดูลูกน้องหน้าด้านไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่อยากให้มายุ่ง เสี่ยวหลินก็ยังจะเข้าไปยุ่งด้วยอีก !

 

เสี่ยวหลินมีสีหน้าแค้นใจ แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้า

 

หลังกินอาหารเช้าได้ไม่นาน ทุกคนก็กลับไปจัดของกัน หยางโปดึงเหยียนหรูหยูเข้าไปในห้องแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ เรารู้จักกันมาก็หลายวันแล้ว ก็ถือว่าเป็นคนคุ้นเคยกัน ผมขอเตือนคุณหน่อยละกันนะ ในเมื่อเข้ามาอยู่ที่ตรงนี้ด้วยกันแล้ว ก็ต้องกินข้าว ถ้าคุณเอาแต่ไม่กินข้าวอยู่แบบนี้ต่อไป ในสายตาของคนปกติเราแล้ว มันคงแปลกประหลาดเอามากๆ หรือว่าคุณมีอะไรแอบซ่อนไว้จนไม่สามารถพูดออกมาได้หรือเปล่า ? ”

 

เหยียนหรูหยูชะงักงันไปครู่หนึ่งแต่ไม่พูดอะไร

 

” คุณกินผลไม้หน่อยก็ได้ ! ” หยางโปพูดต่อ

 

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เหยียนหรูหยูก็พยักหน้าให้ ” อืม ! ”

 

หยางโปเกลี้ยกล่อมจนเหยียนหรูหยูตกลง จากนั้นถึงได้กลับไปที่ห้อง จริงๆแล้วเป็นเพราะ

 

เหยียนหรูหยูไม่ได้กินข้าวติดต่อกันมาหลายวันแล้ว คนในครอบครัวรู้เรื่องนี้มันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคนอื่นรู้เข้า ก็ไม่รู้ว่าจะเอาไปพูดต่อกันว่ายังไง !

 

ยังไม่ถึงที่หมาย ท้องฟ้าก็มืดสนิท ถนนบนภูเขาข้างหน้าก็อันตรายมาก เหลียงหรงจึงต้องขอให้คนขับรถหยุดรถและพักค้างแรมกันที่นี่คืนหนึ่ง

 

เข้ามาพักในโรงแรมเล็กๆในหลินเจิ้น สภาพภายในที่พักดูค่อนข้างแย่อย่างเห็นได้ชัด แต่เถ้าแก่เนี้ยดูกระตือรือร้นมาก เธอรีบไปต้มน้ำร้อนให้ทุกคนล้างหน้าล้าตา และให้พ่อครัวทำอาหารให้

 

ทุกคนนั่งลงมือกินข้าวเย็นที่โต๊ะอาหาร ตอนเที่ยงเพราะต้องรีบเดินทางทุกคนจึงกินแต่ขนมปังบนรถเพื่อพอประทัง

 

เถ้าแก่เนี้ยอายุสี่สิบกว่า หน้าตาเหมือนสาวชาวบ้านทั่วไป เธอยกถ้วยชาเข้ามาให้ ด้วยสีหน้าที่เบิกบาน

 

หยางโปกินไปได้เล็กน้อย ก็หันไปมองเถ้าแก่เนี้ย “ เถ้าแก่เนี้ย พวกคุณค้าขายทางนี้ไม่เลวเลยนะ ! ถนนข้างหน้าสูงชันมาก เกรงว่าพอพลบค่ำ คงมีคนจำนวนมากมาพักค้างแรมที่ที่พักของคุณ ! ”

 

เถ้าแก่เนี้ยหัวเราะ พูดด้วยสำเนียงของคนเสฉวน ” โชคดีที่มีถนนสายนี้ ฉันจึงทำมาค้าขายกันได้เล็กน้อยๆ ”

 

“ ถ้าผ่านถนนบนภูเขาส่วนนี้ไปคือที่ไหนงั้นเหรอ ? ” หยางโปถาม

 

เถ้าแก่เนี้ยก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ “ หลังจากผ่านถนนบนภูเขาเส้นนี้ไป พวกคุณก็จะไปถึงหลงซูโกว พวกคุณจะไปไหนกันเหรอ ? พรุ่งนี้ก็ออกเดินทางเช้าหน่อยนะ ”

 

หยางโปยิ้มและถามว่า ” หลงซูโกวทำไมเหรอ ? ”

 

เถ้าแก่เนี้ยหันมองไปด้านข้างแล้วลดเสียงลง ” พ่อหนุ่มน้อย ฉันจะบอกคุณนะ เมื่อไม่นานมานี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่หลงซูโกว มันอันตรายมากเลนล่ะ ! ”

 

ถึงแม้หยางโปจะไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ยังพูดเสียงแผ่วเบาคล้อยตามไปด้วย ” อ้อ ? ผมก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นอู่ซงอยู่ในจินหยางกังที่กำลังจะไปต่อสู้กับเสือ ! ”

 

เถ้าแก่เนี้ยส่ายหัว “ พ่อหนุ่มน้อย คุณไม่ได้มีฝีมืออย่างอู่ซง อย่าทำมาเป็นโอ้อวดเชียวนะ

 

หลายคนเล่าต่อกันมาว่า มีปีศาจและสัตว์ประหลาดมาที่หลงซูโกว เรื่องนี้ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้มาก คุณก็คิดไตร่ตรองเอาเองละกัน ”

 

หยางโปลังเลเล็กน้อยและหันมองไปทางเถ้าแก่เนี้ย “ ปีศาจและสัตว์ประหลาด ? ไม่ใช่มั้ง ทำไมตอนนี้ยังเชื่อเรื่องงมงายกันอยู่อีก ? ”

 

“ พ่อหนุ่มน้อย ฉันไม่ได้โกหกคุณนะ เราอยู่ใกล้หลงซูโกวมาก ถ้ามีข่าวคราวอะไร ก็รู้กันได้ง่ายมาก เรื่องนี้ฉันไม่ได้โกหกคุณ ฉันได้ยินมาว่าพบรอยเท้าของสัตว์ตัวยักษ์บนภูเขาอีกด้วย ” เถ้าแก่เนี้ยตอบ

 

เถ้าแก่เนี้ยโบกมือ ” ลืมมันไปซะ ถ้าพวกคุณเต็มใจไปก็ไปเถอะ ยังไงซะอะไรที่ควรบอก ฉันก็บอกไปหมดแล้ว ”

 

พอพูดจบ เถ้าแก่เนี้ยก็ออกไป

 

บรรยากาศในที่เกิดเหตุค่อนข้างตึงเครียด เหลียงหรงยิ้ม “ ไม่ต้องห่วง จะไปมีปีศาจและสัตว์ประหลาดอยู่ที่ไหนกัน ! ”