ตอนที่ 683

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ในโลกของจอมยุทธ กองทัพเป็นสิ่งที่ยากในการจินตนาการถึง

สำหรับจอมยุทธแล้ว พวกเขามักจะคุ้นเคยกับการลงมือคนเดียว แม้บางทีอาจจะมีต่อสู้เป็นกลุ่ม แต่นั่นก็แค่กลุ่มคนไม่กี่คน แต่ถ้าหากยิ่งมีคนหลายคนมาร่วมมือกันสู้ พวกเขาก็จะไม่สามารถแสดงพลังออกไปได้เต็มที่เพราะไม่รู้ว่าจะโจมตีผสานกันอย่างไรดี หากไม่มีคนออกคำสั่ง

เมื่อหลิงฮันได้รับคำสั่งให้มา เขาก็เกิดความรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เหล่าศิษย์จะกลายเป็นหนึ่งในกองทัพที่จะช่วยพิชิตจักรวรรดิจันทราม่วง

“แม้แต่ห้านิกายโบราณก็ยังต้องเคลื่อนไหว?” หลิงฮันตกตะลึง ดูเหมือนว่าเขาจะมองหม่าตั้วเป่าต่ำไปเสียแล้ว เขาสามารถดึงดูดความสนใจของห้านิกายโบราณได้… แต่ถ้าคิดให้ดี หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่แปลกอะไร พลังแห่งจักรภพเป็นอำนาจอันทรงพลังที่สามารถเพิ่มพลังต่อสู้ให้กับจอมยุทธได้ ตัวอย่างที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วก็คือจักรพรรดิพิรุณ

กุญแจสำคัญก็คือพลังแห่งจักรภพจะแข็งแกร่งขนาดไหนนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของประชากร แต่เป็นจำนวนของประชากรต่างหาก ยิ่งประชากรเยอะอำนาจที่พลังแห่งจักรภพรวบรวมได้ก็ยิ่งเยอะ

หลิงฮันติดติดต่อจักรพรรดิพิรุณและมู่หลงชิงว่าพวกเขาจะเข้าร่วมสงครามในฐานะผู้สอดแนม เขาจะป้องกันตัวเองโดยไม่ทำร้ายใคร

“ข้าต้องไปพบหม่าตั้วเป่า เพราะในเมื่อก่อนหน้านี้อีกฝ่ายได้บอกไว้ว่าจะทำการเปิดสวรรค์และตัวตนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ทำให้โลกเบื้องล่างเกิดภัยพิบัติ ถ้าเช่นนั้นหม่าตั้วเป่าจะต้องรู้รายเอียดเกี่ยวกับการเปิดสวรรค์มากกว่าจื่อเสวี่ยนเซียนแน่นอน”

“เพียงแต่ว่าตอนนี้จื่อเสวี่ยนเซียนกลายเป็นจักรพรรดิของจักรวรรดิไปแล้ว การจะพบหน้าเขาคงไม่ใช่เรื่องง่าย”

“ไว้ค่อยหาโอกาสเอาก็แล้วกัน”

หลิงฮันมั่นใจอย่างมากว่าเขาจะไม่เป็นอะไร เขามีหอคอยทมิฬเป็นไพ่ลับอยู่ ซึ่งมันคือสิ่งที่จะช่วยป้องกันเขาจากตัวตนระดับทลายมิติ เพราะงั้นเขาถึงได้กล้าที่จะเข้าไปยังอาณาเขตด้านในของจักรวรรดิจันทราม่วง

พวกเขามีเวลาเตรียมตัวแค่สองวัน หลังจากนั้นศิษย์ทุกคนก็ออกเดินทางไปรวมตัวกับกองทัพของห้านิกายโบราณและมุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิจันทราม่วง

กองทัพนั้นถูกแบ่งออกเป็นสามกลุ่มเพื่อจู่โจมจักรวรรดิจันทราม่วงสามทาง ส่วนเหล่าศิษย์นั้นไม่ถูกแบ่งกลุ่ม หน้าที่ของพวกเขาคือตามกองทัพทิศตะวันตกไปบุกโจมตีจักรวรรดิทางด้านทิศตะวันตก

ผู้นำของกองทัพแน่นอนว่าต้องเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ แต่ไม่ใช่ตัวตนระดับสูงอย่างจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์หรือจักรพรรดิดาบ เขาคือชายชราที่มีประสบการณ์สู้รบมาอย่างโชคโชน

แต่จอมยุทธระดับทลายมิติก็คือระดับทลายมิติอยู่ดี กลิ่นอายที่เขาปลดปล่อยออกมาหนักแน่นราวกับขุนเขา ไม่มีใครเลยที่กล้าเข้าใกล้เขา เพราะหากทำเช่นนั้นร่างของพวกเขาจะต้องระเบิดออกเพราะกลิ่นอายอันทรงพลังของชายชราแน่นอน

ถ้าหากเขาไม่ได้ปิดกั้นกลิ่นอายของตนเองเอาไว้ แม้คนที่เข้าใกล้จะเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ แต่สุดท้ายมันก็ไม่ต่างอะไรกับการแส่หาความตาย

หลิงฮันตกตะลึง อำนาจของห้านิกายโบราณช่างลึกล้ำจริงๆ พวกเขามีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่ในนิกายมากมายเช่นนี้… แต่นี่ก็เป็นเพราะพลังวิญญาณที่ถูกสั่งสมมากว่าหนึ่งหมื่นปี ด้วยสภาพแวดล้อมในตอนนี้ การที่มีตัวตนระดับทลายมิติปรากฏตัวขึ้นมากมายจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

กองทัพทิศตะวันตก มีจำนวนจอมยุทธอยู่เพียงหนึ่งหมื่นคนเท่านั้น ส่วนแรกคือลูกศิษย์ของห้านิกายโบราณ ส่วนที่สองคือพันธมิตรของห้านิกายโบราณ และส่วนสุดท้ายคือศิษย์ของสำนักสวรรค์ราวๆสองพันคน

ถึงแม้จำนวนจะน้อย แต่อำนาจโดยรวมของกองทัพนนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง จอมยุทธที่ระดับพลังต่ำที่สุดคือระดับแก่นแท้วิญญาณ ส่วนระดับพลังที่มีจำนวนมากที่สุดคือระดับบุปผาผลิบาน จอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณก็มีพอสมควร จอมยุทธระดับสวรรค์มีหนึ่งร้อยคน และจอมยุทธระดับทลายมิติมีเพียงคนเดียว ไม่ว่าใครต่างก็คิดว่าด้วยจำนวนพวกนี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่มีใครคิดเลยว่าจักรวรรดิจันทราม่วงจะมีจอมยุทธระดับทลายมิติมากกว่าจำนวนนิ้วบนหนึ่งฝ่ามือ

หรือบางทีอาจจะมีแค่คนเดียวก็ได้

“จักรวรรดิจันทราม่วง นิกายพันศพ จักรพรรดิจอมอสูร รูปแบบอาคมสังหารที่สาม…” หลิงฮันพึมพำ ถ้านับรวมภูมิภาคเหนือเข้าไปด้วย ยังมีแมงมุมเงินยักษ์ที่เป็นตัวหายนะอยู่อีก เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ถูกฝังเอาไว้มีเพียงแต่ขวดต้องสาปรึเปล่า แต่ที่รู้ๆคือแมงมุมเงินยักษ์เป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก

“แม้แต่ห้านิกายโบราณก็ไม่ใช่คู่ต่อของมัน!”

หลิงฮันเคยเห็นการโจมตีของแมงมุมเงินยักษ์มาแล้ว มันเป็นสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังเกินไป เมื่อเทียบกับราชันดาบหรือจักรพรรดินีนกอมตะเมฆาสวรรค์ หลิงฮันคิดว่าแมงมุมเงินยักษ์เป็นตัวตนที่ทรงพลังกว่า

บางทีราชันซากศพอาจจะแข็งแกร่งเทียบเท่ามันหากมันพัฒนาไปถึงสิบแปดตา

เมื่อลองมาคิดดูแล้ว แมงมุมยักษ์เป็นตัวตนที่ฝ่าฝืนกฎของสวรรค์และปฐพี ไม่ใช่ว่ามันควรถูกขับไล่ออกไปจากโลกเบื้องล่างนี้หรอกรึ?

สิบวันต่อมา พวกเขาก็มาถึงเมืองเหมียนหยัง กองทัพไม่เคลื่อนที่และหยุดอยู่ที่นี่

นั่นเพราะกองทัพของจักรวรรดิจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน ที่นี่จะเป็นสถานที่เริ่มต้นของสงคราม!

ในตอนนี้เมืองยังคงสงบสุข มีคนไม่มากที่รู้ว่าสงครามกำลังจะเริ่มต้น ชาวเมืองยังคงร้องเต้นกันอย่างสนุกสนานเหมือนทุกวัน

แต่เมื่อใดก็ตามที่สงครามเริ่มขึ้น ผู้คนเหล่านี้จะต้องอพยพหนีตาย

หลิงฮันถอนหายใจ

ความสงบสุขเช่นนี้เป็นสิ่งจอมปลอม ห้านิกายโบราณมองเห็นทุกคนเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงในฟาร์มที่พร้อมจะจับกินทุกเมื่อ

ตอนนี้ทั่วทั้งทวีปฮงเทียนเป็นเหมือนฟาร์มสัตว์ขนาดใหญ่ที่รอให้ถึงวันเก็บเกี่ยว

เนื่องจากสงครามยังไม่เริ่มขึ้น หลิงฮันและคนอื่นๆจึงแยกตัวไปเดินเตร็ดเตร่รอบเมือง บางทีในอีกไม่กี่วันเมืองนี้คงจะถูกกลืนกินไปด้วยสงคราม จนเมืองนี้ไม่หลงเหลืออีกต่อไป

เมื่อเดินเตร็ดเตร่ไปซักพัก จู่ๆหลิงฮันก็หยุดนิ่งและเอ่ยขึ้นมา “ออกมาซะ ไม่ต้องมัวซ่อนหัวซ่อนหางแล้ว!”

“เหอะ ช่างมีสัมผัสที่เฉียบแหลมจริงๆ!” ท่ามกลางตรอกที่มืดมิด ร่างผอมร่างหนึ่งก็เดินเข้ามา เขาเป็นชายที่มีหน้าตาหล่อเหลา แม้จะอยู่ในช่วงวัยกลางคนแล้ว เสน่ห์ของเขาก็ไม่อาจปกปิดได้มิด สามารถคาดเดาได้อย่างแน่ใจเลยว่าคงจะมีรุ่นเยาว์สตรีมากมายมาหลงรักเขา

“ข้าคือหูเจียนอี่ ผู้นำนิกายวายุจันทรา!”