“ลูกคนนี้นี่ ดื่มไม่เก่งแล้วยังจะดื่มเยอะอีก” ในสายตาคนเป็นแม่ ต่อให้ลูกโตมากแค่ไหนก็ตาม ลูกก็ยังคงเป็นเด็กน้อยในอกที่ชอบขี้อ้อนอยู่ดี ดังนั้น พอเห็นลูกชายตัวเองรู้สึกไม่สบายตัวจึงสงสารลูกจับใจ ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อกี้ตนเป็นคนคะยั้นคะยอให้เขาดื่มเอง 

 

 

และแน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพูดให้เธอเสียหน้า 

 

 

ฉินเพ่ยหรงหันไปขยิบตาให้หร่วนเซียงเซียง หร่วนเซียงเซียงรู้กัน รีบยื่นมือออกไปประคองจิ้นหยวนเอาไว้ สองผู้เฒ่ามองสองหนุ่มสาวยิ้มๆ หร่วนเซียงเซียงยิ้มเขิน “หนู… หนูพาเขาขึ้นชั้นบนก่อนนะคะ” 

 

 

จิ้นเฮ่าพยักหน้าพลางเอ่ยอย่างรู้กันแต่ยังคงความน่าเกรงขามเช่นเดิม “ไปเถอะ” 

 

 

หร่วนเซียงเซียงหน้าแดงซ่านเพราะเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้น แต่ตอนนี้เธอตื่นเต้นที่แผนการกำลังจะสำเร็จมากกว่า ตอนนี้เธอมีเหงื่อชื้นเต็มฝ่ามือ ใบหน้าขาวเผือด 

 

 

แต่ในสายตาของสองผู้เฒ่ากลับเห็นภาพลูกสะใภ้กำลังเขินเสียนี่ 

 

 

หร่วนเซียงเซียงประคองจิ้นหยวนเดินโงนเงนขึ้นบันไดไป 

 

 

ฉินเพ่ยหรงมองตามแผ่นหลังของสองหนุ่มสาวจนทั้งคู่เดินขึ้นบันไดจนลับตา จากนั้นหันไปเอ่ยกับจิ้นเฮ่าอย่างปลงอนิจจัง “หวังว่าวันนี้เราจะไม่ได้เสียแรงเปล่านะคะ” 

 

 

จิ้นเฮ่าทำเสียงฮึดฮัด “ก็ลองดูสิ ผู้หญิงที่มันเลี้ยงเอาไว้ข้างนอกคนนั้นไม่ใช่คนดี ถ้ามันไม่รีบจัดการให้เรียบร้อย อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน” 

 

 

ฉินเพ่ยหรงมองเขาอย่างไม่พอใจนัก “นี่คุณอยากทำให้ความสัมพันธ์ของตัวเองกับลูกชายแย่มากไปกว่านี้หรือไง? ถ้าคุณทำอะไรผู้หญิงคนนั้น ดูซิว่าลูกจะให้อภัยคุณหรือเปล่า” 

 

 

เหตุผลที่จิ้นเฮ่ายอมออกหน้าเรียกจิ้นหยวนกลับบ้านครั้งนี้ เป็นเพราะเขาได้ข่าวมาว่าจิ้นหยวนกับเฉียวซือมู่กลับมาอยู่ด้วยกันอีกแล้ว เขาจึงเป็นกังวลมาก พวกเขาคิดว่าเฉียวซือมู่ต้องไม่ใช่คนดีแน่ ที่ยังคอยเกาะแกะลูกชายอยู่แบบนี้ก็เพราะต้องการเงินของลูกชายเท่านั้น เพื่อลูกชายแล้ว เขาจะต้องแยกทั้งสองคนออกจากกันให้ได้ 

 

 

และเหตุผลอีกข้อก็คือ เพื่อลูกสะใภ้แสนดีในใจเขา เธอมาร้องห่มร้องไห้บอกว่าจิ้นหยวนไม่สนใจไยดีเธอ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าหลานตระกูลจิ้นคงต้องเกิดจากผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่อยู่ข้างนอกแน่  คำพูดนี้แทงใจดำเรื่องที่สองผู้เฒ่ากำลังเป็นกังวลอยู่พอดี ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามจึงร่วมมือกัน คิดแผนการที่จะช่วยทำให้จิ้นหยวนยอมรับในตัวหร่วนเซียงเซียง 

 

 

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ หร่วนเซียงเซียงยังแอบวางยาจิ้นหยวนเพื่อให้แผนการสำเร็จตามแผนที่วางเอาไว้ แผนรัดกุมขนาดนี้ คงยากที่จิ้นหยวนจะไม่ตกหลุมพราง 

 

 

หร่วนเซียงเซียงทั้งดึงทั้งลากจิ้นหยวนเข้าไปในห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เป็นพิเศษสำหรับพวกเขา เธอต้องกลั้นใจดมกลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรงจากตัวจิ้นหยวน ลากเขาไปวางลงบนเตียงจนได้ เธอกวาดสายตาสำรวจเขาแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขาอยู่ในสภาพไร้สติสัมปชัญญะจึงค่อยวางใจลง 

 

 

เธอนิ่งคิดชั่วครู่ เริ่มลงมือจากถอดรองเท้าให้เขา แม้จะตกอยู่ในสภาพมึนเมา แต่ใบหน้าเขายังคงหล่อเหลาไม่เปลี่ยน จู่ๆ หัวใจเธอก็เต้นเร็วและแรงขึ้น 

 

 

เธอลังเลเล็กน้อย เริ่มปลดกระดุมเสื้อเขาออกทีละเม็ดๆ เป้าหมายต่อไปคือกางเกง ขณะที่เธอกำลังจะลงมือนั้น จู่ๆ จิ้นหยวนก็คว้าจับมือเธอหมับ 

 

 

เธอตกใจเงยหน้าขึ้นมอง สบเข้ากับดวงตาล้ำลึกดั่งมหาสมุทรของเขาเข้าอย่างจัง 

 

 

เธอตกใจจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่าง สมองประมวลทันทีว่าควรจะแก้ตัวอย่างไร แต่กลับพบว่าแม้ดวงตาเขาจะลึกล้ำ หากแต่เลื่อนลอย 

 

 

เธอตะลึงอึ้ง พยายามหยั่งเชิง “พี่จิ้นหยวน?” 

 

 

ร่างกายเขาโงนเงน ราวกับพยายามดิ้นรนให้ตัวเองฟื้นคืนสติ ริมฝีปากบางเปล่งคำว่า “ออกไป!” จากนั้นล้มตัวลงบนเตียงเหมือนเดิม 

 

 

หัวใจเธอเต้นโครมคราม ตั้งนานกว่าเธอจะกล้ายื่นหน้าเข้าไปดูเขาเขาใกล้ๆ จิ้นหยวนหลับตาแน่น ดูเหมือนว่าเขาจะหลับไปแล้ว 

 

 

เธอถอนหายใจเฮือก จู่ๆ ความโกรธก็ปะทุขึ้นในใจ ไม่คิดเลยว่าขนาดเมาจนไม่ได้สติขนาดนี้แล้ว เขายังรังเกียจเธอมากขนาดนี้ 

 

 

เธอยืนอยู่ข้างเตียง สีหน้าเ**้ยมเกรียม แววตาสลับซับซ้อน ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจแน่วแน่ เธอค่อยๆ เปลื้องผ้าตัวเองอออก เดินเข้าไปใกล้เขา ค่อยๆ ยื่นมือออกไปลูบไล้หน้าอกหนั่นแน่นของเขา สีหน้าเ**้ยมเกรียมหายไปแล้ว หากแต่แทนที่ด้วยความลุ่มหลงอย่างลึกซึ้งแทน ดุจหญิงสาวที่แอบรักชายในฝันมานาน และในที่สุดก็ได้สัมผัสเขาเสียที… 

 

 

จิ้นหยวนค่อยๆ ลืมตาขึ้น ยื่นมือประคองใบหน้าเธอไว้ จ้องมองดวงตาตื่นตระหนกของเธอแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “มู่มู่…” 

 

 

เสี้ยววินาทีนั้น ดวงตาเธอเป็นประกายวาบ… 

 

 

กลางดึก เฉียวซือมู่นั่งรถแท็กซี่กลับบ้าน เธอและคุณนายเฉียวลงจากเครื่องบินเมื่อประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว จากนั้นนั่งรถแท็กซี่บ้าน 

 

 

คุณนายเฉียวแยกตัวกลับไปเมื่อสิบนาทีที่แล้ว เพราะ “ไม่อยากรบกวนความสุขของลูก” คุณนายเฉียวจึงกลับที่พักของตัวเองอย่างรู้หน้าที่ เหลือเพียงเฉียวซือมู่ที่ยังยืนอยู่หน้าประตูบ้านคนเดียว 

 

 

ทันทีที่พ่อบ้านรู้ว่าเธอกลับมาแล้วจึงรีบเปิดประตูให้เธอทันที แม้เธอจะกลับมาก่อนกำหนด แต่พ่อบ้านที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจะไม่มีวันละลาบละล้วงถามเด็ดขาด 

 

 

เฉียวซือมู่ถามถึงจิ้นหยวน เขาลังเลชั่วครู่จึงเอ่ยตอบ “วันนี้คุณชายกลับบ้านใหญ่ครับ ตอนนี้ยังไม่กลับมา คิดว่าน่าจะค้างคืนที่นั่นนะครับ” 

 

 

เธอผิดหวังเล็กน้อย เดินเข้าไปในห้องนอนแล้วไม่เห็นเขาถึงยอมเชื่อว่าเขายังไม่กลับจริงๆ เธอเบ้ปากด้วยความไม่พอใจ จู่ๆ เธอก็รู้สึกขำตัวเองขึ้นมา เธอเป็นคนกลับก่อนกำหนดเองนี่นา เขาไม่รู้ด้วยเสียหน่อย จะปล่อยให้เขากลับมารอเธอตาละห้อยทุกวันก็คงเป็นไปไม่ได้ 

 

 

กะว่าจะกลับมาเซอร์ไพรส์เขาเสียหน่อย ตอนนี้เสียแผนหมดแล้ว เธอทอดถอนใจ วางกระเป๋าเดินทางในมือลง ดูเวลาแล้วเริ่มลงมือจัดของที่ตัวเองขนกลับมาด้วย 

 

 

ตอนนี้ดึกมากแล้ว ท่าทางเขาคงไม่กลับบ้านจริงๆ เธอครุ่นคิดเล็กน้อย สลัดความคิดที่จะโทรศัพท์หาเขาออกจากหัว มีอะไรเอาไว้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้ก็ได้ 

 

 

เธอเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะที่กำลังจะเข้านอนนั้น จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงรถขับเข้ามาในบ้าน 

 

 

เธอชะงักเล็กน้อย รีบเดินไปดูตรงหน้าต่าง เห็นรูปร่างสูงใหญ่ของจิ้นหยวนก้าวลงจากรถฝั่งที่นั่งคนขับพอดี จากนั้นเดินก้าวยาวเข้ามาในบ้าน 

 

 

เขากลับมาแล้ว ความเร่าร้อนแผ่ซ่านในอก กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ 

 

 

จิ้นหยวนหน้าดำคร่ำเครียดเดินเข้ามาในบ้าน พ่อบ้านรีบเดินเข้าไปต้อนรับเขา เขาเห็นพ่อบ้านแล้วชักหัวคิ้วชนกันมุ่น “ต่อไปถ้าฉันกลับดึกก็ไม่ต้องออกมารับ พักผ่อนได้แล้ว” 

 

 

พ่อบ้านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น น้ำเสียงของจิ้นหยวนถึงได้ฟังดูเย็นเยียบกว่าปกติ พ่อบ้านตาไวมาก เห็นแวบเดียวก็รู้แล้วว่าจิ้นหยวนเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว แถมได้กลิ่นแอลกอฮอล์หึ่งอีกต่างหาก เขาอึ้งไปเล็กน้อย กำลังจะอ้าปากพูดกลับเห็นจิ้นหยวนเดินขึ้นบันไดไปแล้ว 

 

 

เขาเขกกบาลตัวเองเบาๆ ด้วยความขัดเคืองใจ สงสัยตัวเองคงอายุมากแล้ว ถึงได้ลืมบอกเรื่องสำคัญกับคุณชาย  

 

 

เขามองตามแผ่นหลังที่เดินลับตาไปแล้วของจิ้นหยวน ถอนหายใจออกมาเบาๆ ช่างเถอะ ถือเสียว่าเป็นเซอร์ไพรส์ก็แล้วกัน… 

 

 

จิ้นหยวนเซอร์ไพรส์จริงๆ เขาเปิดประตูห้องออก อยากจะเอาน้ำเย็นราดทั้งตัวเร็วๆ แต่กลับเห็นแผ่นหลังแสนคุ้นเคยยืนอยู่กลางห้องแทน 

 

 

เขาตะลึงนิ่งอึ้ง เฉียวซือมู่หันกลับมายิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน “กลับมาแล้วเหรอคะ?”