ตอนที่ 393 ข้างทางมีคนหิวตาย / ตอนที่ 394 ไม่ถูกชะตากับคนแซ่อวี่เหวิน

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 393 ข้างทางมีคนหิวตาย

 

 

ซู่อ๋องยกเท้าถีบเขา “อาศัยอะไร คนเขาไม่เหมือนเจ้า วันๆ เอาแต่สนใจเรื่องทหาร ข้าบอกแล้วใต้ฟ้านี้ไม่ช้าก็ต้องเป็นของเจ้า เรื่องชิงแผ่นดินให้ข้ามาทำก็พอแล้ว เจ้ากลับไปคลอดหลานให้ข้าสบายใจเสีย เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าก่อนที่แม่ของเจ้าจะจากไปพูดไว้ว่าอย่างไร นางอยากเห็นเจ้ามีหลานให้นาง เจ้ากลับดี จนถึงตอนนี้ก็แม้แต่เตียงผู้หญิงก็ยังมุดไม่เป็น ตอนนี้รู้ว่าขายหน้าแล้ว สายเสียแล้ว!”

 

 

อวี่เหวินลู่ก็รู้สึกน้อยใจ ลูกชายคนอื่นล้วนไม่เอาถ่าน ออกไปเที่ยวผู้หญิงกลับมาถูกพ่อตัวเองถือไม้ไล่ตี เขามีความทะเยอทะยาน ผู้หญิงล้วนเป็นสายน้ำที่ไหลผ่าน ไม่เคยอยู่ในสายตา เพียงแต่นี่ก็ไม่ถูกใจพ่อของเขา มีพ่อที่ใดไล่ให้ลูกชายตัวเองไปนอนกับผู้หญิง

 

 

คนของพวกเขาตระกูลอวี่เหวินล้วนเหลวไหลเป็นกันมารุ่นต่อรุ่น พระอัยกาของเขาชอบแย่งภรรยาคนอื่น พระปิตุลาของเขาก็ชอบคนที่อารมณ์ร้อนสามารถเถียงพระองค์ได้ แล้วพ่อของเขาล่ะ ในคิดแต่จะให้ลูกชายเสวยสุข ดีที่สุดวันๆ จมอยู่ในดงผู้หญิง มาถึงเขานี้… เขากลับไม่ได้มีอะไรเหลวไหล เขาก็คือปกติเกินไปแล้ว ดังนั้นก็ถือได้ว่าเป็นเพียงคนเดียวที่ปกติในตระกูลของเขาแล้วกระมัง

 

 

ตอนแรกที่เดินทางไปเมืองเหมิง มีแผนว่าไปกลับเดือนเดียว เพียงแต่เวลาที่ใช้เพียงเดินทางนั้น เขาก็ใช้เวลาสิบวันเต็มๆ มาถึงเขตเมืองเหมิงนั้น ก็เป็นวันที่สิบเอ็ดแล้ว

 

 

ระหว่างทางนี้ ที่สายตาเห็นอยู่ ล้วนเป็นประชาชนทุกข์ยากที่ไร้ที่อาศัย แต่ละคนล้วนผอมแห้ง บางคนผอมจนเหลือเพียงกระดูกแล้ว หมอบอยู่ข้างทาง เห็นว่ามีรถม้ามา ก็ยื่นแขนยาวๆ ส่งเสียงโหยหวน “โปรดเมตตาเถิด ให้ของกินเสียเล็กน้อย!”

 

 

เฉินยางเปิดมุมหนึ่งของผ้าม่านมองไปข้างนอก ได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนอยู่เต็มไปหมด ยังไม่ทันได้มองเห็นชัดว่าสภาพเป็นอย่างไร ก็ถูกเฝิงเยี่ยไป๋ปิดตาไว้ กอดอยู่ในอก “เจ้าอย่าได้มองเลย มองแล้วก็ลืมไม่ลง มุดเข้าไปอยู่ในความฝันหลอกหลอนเจ้า”

 

 

“ที่อยู่ข้างนอกล้วนเป็นประชาชนที่ทุกข์ยากหรือ”

 

 

เขาตอบอืมด้วยเสียงต่ำ กอดนางไว้แน่น “ทางใต้แล้งหนัก พืชไร่ล้วนตายหมดแล้ว พวกเขามีชีวิตอยู่ไม่ได้ จึงได้แต่เดินไปทางเหนือ ฮ่องเต้ก็อยู่ทางเหนือ พวกเขาเดินทางมาไกล ก็เพื่ออยากจะให้ฮ่องเต้ทอดพระเนตรถึงความทุกข์ยากของประชาชน ให้พระองค์พระดำริหาวิธีช่วยประชาชนของพระองค์”

 

 

เฉินยางสะอึกเล็กน้อย ถามอีกว่า “เช่นนั้นฮ่องเต้ช่วยพวกเขาแล้วหรือไม่ มีประชาชนที่ทุกข์ยากมากมายเท่าไหร่”

 

 

“หลายหมื่นหรือหลายแสน ใครจะไปรู้ได้ อย่างไรเสียเงินช่วยเหลือที่ให้ก่อนหน้านี้สำหรับพวกเขาแล้วก็มีเพียงน้อยนิดเท่านั้น”

 

 

เสียงของนางค่อยๆ ต่ำลง “ไม่ใช่ว่าซู่อ๋องรับพวกเขาเอาไว้แล้วหรือ”

 

 

“ซู่อ๋องถูกล้อมอยู่ในเมืองเหมิง ความสามารถมีจำกัด เขาคนเดียวก็ช่วยคนมากมายเช่นนี้ไม่ได้ ฮ่องเต้สนเพียงเป็นฮ่องเต้ที่ไร้กังวลของพระองค์ ความสียหายพระองค์ทอดพระเนตรไม่เห็น ความทุกข์ยากของประชาชนพระองค์ก็ทอดพระเนตรไม่เห็น สร้างหอไจซิงใช้ทั้งแรงงานและเงิน ยามนี้พระคลังว่างเปล่า จะให้เงินช่วยเหลืออีกเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ใต้ฟ้านี้จะเปลี่ยนมือในไม่ช้าแล้ว”

 

 

เฉินยางไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ รู้เพียงว่าแผ่นดินเปลี่ยนมือก็จะต้องมาสงคราม มีสงครามก็ต้องมีคนตาย

 

 

“เช่นนั้นหากเปลี่ยนคนเป็นฮ่องเต้จะดีกว่านี้หรือไม่” ดวงตาของนางมองไปนอกรถ “เปลี่ยนฮ่องเต้จะทำให้ประชาชนทุกข์ยากนี้ได้กินอิ่มหรือไม่”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ขูดปลายจมูกที่สูงโด่งของนาง “นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าควรจะเป็นกังวล พวกเขาจะแย่งชิงก็ให้พวกเขาแย่งชิงไป ข้าเพียงอยากจะใช้ชีวิตดีๆ กับเจ้า รอให้เรื่องฝั่งนี้เสร็จสิ้นแล้ว พวกเราก็กลับหรู่หนาน”

 

 

นางกอดเอวเขาไว้ เอาใบหน้าถูกที่อกของเขา “ข้ารู้สึกว่าพวกเขาน่าสงสาร เมื่อก่อนทางการประกาศเกณฑ์ทหาร พวกเขาจะลากท่านพ่อของข้าไปเป็นทหาร ตอนนั้นข้าเพิ่งจะสิบกว่าขวบ พ่อข้าบอกว่าเขาไปแล้วข้าก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้ เพียงแต่หากจะไม่เป็นทหารก็ต้องเอาเงินหกร้อยเหวินไปเป็นค่าเกณฑ์ทหาร พ่อของข้าจึงเอาเงินเก็บทั้งหมดในบ้านของพวกเราออกมาเลย ดังนั้นข้าจึงรู้ว่ายามที่ต้องทนหิวนั้นความรู้สึกเป็นเช่นไร”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 394 ไม่ถูกชะตากับคนแซ่อวี่เหวิน

 

 

ตั้งแต่อดีต หากก่อกบฏ ล้วนไม่มีชื่อเสียงที่ดีนัก ซู่อ๋องจะบุกเมืองหลวงก็ต้องมีเหตุผล อีกอย่างตอนนี้ประชาชนทุกข์ยาก จู่ๆ ก็ทำสงคราม ประชาชนก็ไม่อาจยอมรับ จะบอกว่าเขาไม่สนชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน อนาคตหากเป็นฮ่องเต้ก็จะถูกคำนินทากดจนหายใจไม่ออก ประชาชนไม่ยอมรับ ก็เป็นฮ่องเต้ที่ไม่ได้มาด้วยความชอบธรรม ถูกเขียนเข้าไปอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์ก็ต้องทิ้งชื่อเสียเป็นหมื่นปี

 

 

ดังนั้น สถานการณ์ตอนนี้คือ ฮ่องเต้ก็ไม่กล้าส่งทหารไปปราบ ซู่อ๋องก็ไม่กล้าบุก ทั้งสองฝ่ายต่างดูเชิงกันอยู่ เพียงแต่เป็นเช่นนี้ต่อไปก็ไม่ใช่เหตุ อย่างไรเสียก็ต้องมีคนออกมาทำลายความสมดุลนี้ ดังนั้นการไปเยี่ยมเยือนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุด

 

 

ที่จริงแล้วการเปลี่ยนฮ่องเต้องค์ใหม่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี ความสามารถของซู่อ๋องมีมากกว่าฮ่องเต้ และก็คำนึงถึงประชาชน ฮ่องเต้เป็นคนใจแคบ อย่างน้อยซู่อ๋องก็ใจกว้างมากกว่า ใครจะเป็นฮ่องเต้สำหรับเขาแล้วก็ไม่มีผลมากมายนัก เขาไม่ถูกชะตากับคนแซ่อวี่เหวิน ตำแหน่งท่านอ๋องนี้ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรก็ต้องถูกถอดยศ เพียงแต่เขาคนนี้แค้นฝังใจ ฮ่องเต้คิดจะทำร้ายเขาอยู่หลายครั้ง เขาไม่ได้ใจกว้างที่จะอภัยให้เขา หากสามารถยืมมือซู่อ๋องระบายอารมณ์ได้ก็ไม่เลว

 

 

พวกเขาพักอยู่ที่สุยหนิง สุยหนิงอยู่ในเขตปกครองของเมืองเหมิง เพียงแต่ซู่อ๋องไม่ได้ใส่ใจกับเมืองเล็กๆ ที่อยู่ภายใต้เมืองเหมิงมากนัก ที่จริงแล้วก็ดูถูก เมืองเมืองเดียว อย่างมากก็มีทหารเพียงพันนาย และก็สงบมานาน หากสู้รบกันจริงๆ แต่ละคนล้วนไร้ฝีมือ แม้แน่อาจจะยกดาบไม่ขึ้นเสียด้วยซ้ำ เขาสนเพียงเมืองเหมิง และส่งคนไปกำชับบ้าง ก็ไม่มีใครกล้าแอบทำอะไร

 

 

และข้าราชการที่เฝ้าเมืองนั้น เพราะสถานการณ์ยังไม่ชัดเจน หนึ่งไม่กล้าขัดราชสำนัก สองก็ไม่กล้าไม่ฟังซู่อ๋อง ถูกบีบอยู่ระหว่างกลางลำบากยิ่งนัก วันนี้อุตส่าห์ได้รอคอยราชโองการมาถึง ย่อมต้อนรับเป็นอย่างดี อย่างไรเสียก็ยังรับเบี้ยหวัดจากราชสำนัก แถมยังได้งานดีที่นั่งกินนอนกินเช่นนี้ ไม่มีใครโง่ที่จะก่อกบฏกับซู่อ๋อง การก่อกบฏเป็นโทษตายประหารเจ็ดชั่วโคตร ใครไม่รักชีวิตบ้างหรือ

 

 

นอกกำแพงเมืองถูกประชาชนที่ทุกข์ยากขวางไว้จนเดินแทบไม่ได้ เข้ามาในเมือง ระหว่างทางก็เห็นคนหิวตายอยู่ไม่น้อย รอเข้าไปถึงศาล กลับเป็นภาพอีกแบบหนึ่ง ของกินดีๆ ยกขึ้นโต๊ะมา ทั้งเหล้าทั้งเนื้อ ไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองหลวงเลย

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ไม่รับจอกเหล้า เขาเงยหน้ามองฟ้าแล้วถอนหายใจยาวๆ น้ำเสียงเหมือนดั่งลอยมาจากฟ้าที่ไกลๆ “เหล้าเนื้อขุนนางเน่า ข้างทางมีผู้หิวตาย [ 1 ] เพิ่งจะเข้าเมือง ข้ายังนึกว่าไปผิดที่เสียแล้ว มาที่เมืองเฟิงตู [ 2 ] แทน นึกไม่ถึงว่าพอเข้าศาลมา ก็เหมือนดั่งกลับมาอยู่เมืองหลวงเช่นนั้น ประตูบานเดียวกลับกั้นสองโลกเอาไว้ ใต้เท้าหลี่… ดูเหมือนว่าจวนของท่านจะมีเสบียงอยู่ไม่น้อยเลยนะ!”

 

 

หลี่ฉางยงมีหน้าตาฉลาดเจ้าเล่ห์ แต่กลับเป็นคนโง่อย่างแท้จริง เขาคิดว่าเฝิงเยี่ยไป๋เพียงใช้โอกาสระบายความรู้สึก เพื่อจะให้คนรู้ว่าเขาเป็นห่วงประชาชน กลับฟังไม่ออกความหมายอื่นใด เขาเรียกคนมารินเหล้าให้เฝิงเยี่ยไป๋ อ้าปากขึ้นมาเผยฟันหน้าใหญ่ๆ สองซีก “ท่านอ๋องจะเหมือนประชาชนทั่วไปได้อย่างไรหรือ ท่านอ๋องผู้อยู่เหนือเมฆ ที่นี่ต่อให้ยากจนเช่นไร แล้งหนักเพียงใด ก็ไม่อาจดูแลท่านอ๋องให้ขาดตกบกพร่อง ตอนนี้ก็ผ่านเวลาที่ปล่อยข้าวต้มแล้ว รอพรุ่งนี้เช้าลานข้าวต้มเปิดก็ได้แล้ว พวกเขาไม่หิวหรอก”

 

 

“เป็นซู่อ๋องที่ตั้งลานข้าวต้มกระมัง!” เงินช่วยเหลือถูกซู่อ๋องปล้นไปจนสิ้น คิดว่าข้าราชการกังฉินเหล้านี้ที่สูดเลือดกินเนื้อคนเหล่านี้ก็ไม่ใจดีควักเงินตัวเองแจกข้าวต้ม

 

 

“เขาไม่ตั้งลานข้าวต้มใครจะตั้ง เงินช่วยเหลือที่ฮ่องเต้ทรงพระราชทานมานั้นก็ล้วนถูกเขาปล้นไปเสียหมด พวกเราก็ทำได้เพียงดูแลตัวเองให้มีกินอยู่ได้ ประชาชนมากมายเช่นนี้ จะช่วยได้อย่างไร!”

 

 

 

 

——

 

 

[ 1 ] เหล้าเนื้อขุนนางเน่า ข้างทางมีผู้หิวตาย เป็นส่วนหนึ่งในบทกลอนของนักกวีนามว่าตู้ฝู่สมัยราชวงศ์ถัง มีความหมายว่า เนื้อและเหล้าในบ้านขุนนางกินไม่หมดจนเน่าเสียแล้ว คนยากจนกลับหิวตายอยู่ข้างถนน

 

 

[ 2 ] เมืองเฟิงตู ในสมัยก่อนเชื่อว่าเป็นเมืองผีที่วิญญาณสิงสถิตหลังความตาย