ตอนที่ 987 สถานที่เกิดเหตุ

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 987 สถานที่เกิดเหตุ

 

“ ผมจะพาพวกคุณไปดูเดี๋ยวนี้ ! ”

 

ในขณะที่พูด หยางโปก็ตามเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบดู

 

ในที่สุด หลินซุนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา “ คุณรอให้เราพักหายใจกันก่อนแล้วค่อยไปไม่ได้หรือไง มีเวลาทั้งคืน ต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”

 

หยางโปเหลือบมองหลินซุนแต่ไม่ได้พูดอะไร

 

เหลียงหรงทำหน้าไม่ถูกไปเลยทีเดียว เขาหันไปจ้องหน้าหลินซุน จากนั้นก็มองไปทางหยางโป

 

” คุณหยาง เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนคุณเอง ! ”

 

เหลียงหรงอายุห้าสิบกว่าแล้ว ถึงแม้จะออกกำลังกายเป็นประจำ แต่หลังจากเดินทางมาอย่างเร่งรีบแบบนี้ ก็หมดแรงไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังดันทุรังลุกขึ้น คิดที่จะไปกับเขา

 

หยางโปปัดมือ “ ผู้การเหลียง ช่างเถอะ ให้เสี่ยวเฉียนพาผมไปก็พอแล้ว ”

 

เหลียงหรงลังเลเล็กน้อย เขาเรียกชายหนุ่มสองคนที่อยู่ข้างกายเขามาตลอดออกมา ” พวกแกไปกับคุณหยาง ถ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับคุณหยาง ฉันจะให้พวกแกรับผิดชอบ ! ”

 

ทั้งสองขานรับพร้อมกัน ” ทราบ ! ”

 

น้ำเสียงดังกังวานและทรงพลัง หยางโปถึงได้สังเกตเห็นว่า คนกลุ่มนี้ดูค่อนข้างจะไม่ธรรมดา ติดตามข้างกายมาตลอดอย่างเงียบๆอาจมีที่ไปที่มา !

 

หยางโปไม่ได้ปฏิเสธและพาพวกเขาไปด้วย

 

หลินซุนอาเจียนออกมาสักพัก หลังจากดื่มไปน้ำสองอึก ถึงได้รู้สึกสบายตัวขึ้น เขามีอาการฮึดฮัดไม่พอใจ “ ผู้การเหลียงจู เด็กหนุ่มคนนี้จะมีความสามารถอะไร ถ้าไม่มีพวกเรา เขาคนเดียวจะค้นพบอะไรได้ ? ยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่พักค้างแรมคืนเดียว มันจะเป็นอะไรไป ? ”

 

“ คืนนี้ถ้าเกิดมีใครเสียชีวิตขึ้นมาล่ะ ? ” เหลียงหรงตำหนิให้ ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าหลินซุนไม่เลวเลย แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกรำคาญอยู่ไม่น้อย พูดจาแบบนี้ได้ยังไง ?

 

คนที่มาต้อนรับหยางโปและพรรคพวกชื่อเฉียนกุ้ย เป็นเสมียนเล็กๆจากพรรคการเมืองและหน่วยงานราชการในตำบล เพิ่งสอบได้และมาอยู่ที่นี่เมื่อปีที่แล้ว ตามที่เขาเล่ามา ผู้นำทั้งหมดในตำบลถูกเรียกตัวไปประชุมที่ตัวอำเภอทั้งหมดเพื่อศึกษาเรียนรู้เรื่องการต้อนรับแขก

 

หยางโปหัวเราะลั่น เกรงว่าคนเหล่านั้นคงกำลังพิจารณาว่าจะต้อนรับพวกเขาและพรรคพวกยังไง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพื่อให้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น เขาจึงจงใจพูดถึงถนนบนภูเขาที่สูงชันแทน

 

เฉียนกุ้ยเปิดการสนทนาทันทีและอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “ ปีที่แล้วผมทำเพื่อสอบติดข้าราชการ เลยลงชื่อมาอยู่ที่ห่างไกลแบบนี้ ครั้งแรกตอนที่นั่งรถประจำทางมา ผมถึงกับช็อคไปเลย ว่าทำไมถึงยังมีถนนบนภูเขาแบบนี้อยู่ ? ”

 

“ คุณเป็นคนที่ไหน ? ” หยางโปถามอย่างสงสัย

 

” ผมเป็นคนจินเฉิง ” เฉียนกุ้ยตอบ

 

หยางโปพยักหน้า “ ที่นี่ภูเขาสูงชัน มาอยู่ที่นี่ได้ คุณถือได้ว่ามาฝึกหาประสบการณ์ในสถานที่ที่ยากลำบากที่สุดในแผ่นดินแม่แล้ว อนาคตยังอีกยาวไกล ! ”

 

เฉียนกุ้ยยิ้มเต็มใบหน้าและพยักหน้า ” ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ”

 

เฉียนกุ้ยพูดคุยไปแต่ก็ไม่ลืมที่จะมองไปทางเหยียนหรูหยู ระหว่างทางแอบสังเกตอย่างพินิจพิเคราะห์ แต่กลับไม่กล้าที่จะจ้องมองตรงๆ

 

คนขับรถเป็นคนในพื้นที่ จึงไม่มีความจำเป็นต้องบอกทาง ทั้งกลุ่มเดินไปตามถนนบนภูเขาก็มาถึงยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา บนยอดเขาเขียวขจีและน้ำใสสะอาด

 

เฉียนกุ้ยมาที่นี่พร้อมกับหยางโปและพรรคพวก ไม่นานก็มาถึงนอกหมู่บ้าน ทันทีที่สามคนเดินมาถึงที่ด้านนอกประตู ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาล้อมเอาไว้

 

“ พวกคุณเป็นใคร ? มาทำอะไรที่นี่ ? ”

 

“ ยกมือขึ้น อย่าขยับ ! ”

 

“ พวกเขาขโมยเด็กไปใช่ไหม ต้องเป็นพวกเขาแน่ๆ ! ”

 

เฉียนกุ้ยที่ยืนอยู่ด้านหน้า ตกตะลึงนิ่งอึ้งไปทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ไม่รู้ว่าจะตอบสนองกลับยังไงไปชั่วขณะหนึ่ง

 

หยางโปไม่มีทางเลือกนอกจากต้องก้าวไปข้างหน้า และเขาอธิบายไปด้วยเสียงอันดังว่า

 

“ สวัสดีทุกคน ไม่ต้องตื่นตระหนกไป พวกเราไม่ได้มาขโมยเด็ก รัฐบาลของตำบลส่งพวกเรามา เพื่อมาทำความเข้าใจกับสถานการณ์ ทุกคนคิดดูนะ ถ้ามาขโมยเด็กจริง มีหรือจะกล้าหาญชาญชัยขนาดนี้ จะกล้ามาขโมยกลางวันแสกๆได้ยังไง ? ”

 

หยางโปอธิบายลากยาวไปประโยคหนึ่ง ทำให้บรรยากาศโดยรอบลดความตึงเครียดลง

 

เวลานี้เฉียนกุ้ยเพิ่งจะได้สติกลับมา เขารีบชี้ไปที่คนหนึ่งในนั้นอย่างรวดเร็วและพูดว่า

 

” ผู้ใหญ่จ้าว คุณยังจำผมได้ไหม ? ผมเสี่ยวเฉียนไง เสี่ยวเฉียนจากสำนักงาน ! ”

 

ชายชราในฝูงชนจ้องเฉียนกุ้ยตาเขม็ง วางไม้เท้าในมือลง “ เสี่ยวเฉียน นี่คุณเหรอ ? ”

 

เฉียนกุ้ยกระโดดออกไปและเอ่ยปากพูดอย่างรวดเร็ว “ เหล่าจ้าว วางอาวุธลงก่อน คนในหมู่บ้านเดียวกันได้ข่าวมาว่าเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ จึงให้ผมมาตรวจสอบดู คุณก็รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น

 

คนในหมู่บ้านเดียวกันวุ่นวายกันแค่ไหน บรรดาผู้นำต่างวิ่งวุ่นนั่งไม่ติด พยายามหาตัวผู้กระทำผิดตัวจริง ดังนั้นจึงส่งผมมาทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ก่อน พรุ่งนี้อาจจะมีคนกลุ่มที่สองตามมา ”

 

เฉียนกุ้ยอธิบายไปสองสามคำ แต่จู่ๆก็สังเกตเห็นสีหน้าท่าทีของผู้ใหญ่บ้านจ้าวผิดปกติ เขารีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว ระดับขั้นของตัวเองต่ำเกินไป กลัวว่าจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าคนในหมู่บ้านเดียวกันไม่เห็นค่าของพวกเขา ดังนั้นจึงพูดไปแค่ไม่กี่คำ

 

สีหน้าของผู้ใหญ่บ้านจ้าวมึนงงเล็กน้อย เขาโบกมือ ” เอาละ ทุกคนแยกย้ายกันไปก่อน ให้พวกเขาดูสถานการณ์ก่อน ”

 

ในขณะที่พูดคุยกัน ผู้ใหญ่บ้านจ้าวก็ชี้ไปที่หยางโปและพรรคพวก ” พวกคุณสองสามคนนี้คือ ? ”

 

เฉียนกุ้ยรีบอธิบาย ” นี่คือคุณหยาง เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม ช่วงนี้มาท่องเที่ยวที่พวกเราอยู่ เพราะเขามีความรู้ความเข้าใจในการสืบสวนอยู่บ้าง ดังนั้นผมจึงเชิญเขามา ”

 

ผู้ใหญ่บ้านจ้าวรีบเอ่ยออกมาทันที “ คุณหยาง ทำให้คุณต้องลำบากแล้ว ”

 

นี่เป็นข้อแก้ต่างที่พวกเขาคุยกันมาก่อนแล้ว แต่หยางโปกลับรู้สึกไม่ค่อยดี ” ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด ! ”

 

ผู้ใหญ่บ้านจ้าวพาทั้งกลุ่มเดินไปที่สวนหลังบ้านของครอบครัวนี้และพูดขึ้นว่า ” เสี่ยวเฉียนหายตัวไปตรงนี้เมื่อวานนี้ตอนเย็น เวลานั้นประมาณห้าหกโมงเย็น ทุกคนในครอบครัวกลับไปทำอาหาร จึงไม่มีใครในหมู่บ้านสังเกตเห็น แต่ภายหลังพบว่าเธอหายตัวไปแล้ว ”

 

หยางโปมองไปรอบๆ และอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ สถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับภูเขาและผืนป่า มีบ้านหลังคามุงอยู่ใกล้ๆ ดูยากจนมาก เป็นปกติที่จะไม่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ ตอนนี้ก็ถูกชาวบ้านเหยียบย่ำนับครั้งไม่ถ้วนไปแล้ว ยังจะมีเบาะแสอะไรหลงเหลืออยู่อีก ?

 

หยางโปยืนอยู่ที่เดิม และหลับตาลงเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่รอบตัว แต่กลับสังเกตไม่พบแม้แต่น้อย

 

เฉียนกุ้ยเดินไปรอบๆที่เกิดเหตุครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่เดินไปมา เขาก็จะคอยสังเกตหยางโป

 

เมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่จะถามไปว่า “ สังเกตเห็นอะไรไหม ? ”

 

หยางโปส่ายหน้าเล็กน้อย “ ที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายมากเกินไป หาเบาะแสอะไรไม่เจอเลย ”

 

พอพูดจบ หยางโปก็หันไปมองผู้ใหญ่บ้านจ้าว ” หายตัวไปประมาณเมื่อไหร่ ? มีเบาะแสอื่นอีกไหม ? ”

 

ผู้ใหญ่บ้านจ้าวส่ายหัว “ ประมาณหกโมงเย็น เวลานั้นครอบครัวเรียกให้เธอมากินข้าว แต่กลับพบว่าเด็กหายตัวไปแล้ว ”

 

“ นี่คือเด็กคนแรกที่หายไปจากหมู่บ้านของคุณใช่ไหม ? หยางโปจ้องหน้า

 

ผู้ใหญ่บ้างจ้าวพยักหน้า ” ใช่ครั้งแรก ”

 

หยางโปอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ไม่มีเบาะแสใดๆเลยในที่เกิดเหตุ มีตำรวจท้องที่ประจำการอยู่ใกล้ๆ เดินตามเข้ามา

 

เฉียนกุ้ยทักทายกับอีกฝ่าย ” ช่วงนี้พวกคุณลำบากกันแล้ว ! ”

 

ตำรวจส่ายหน้า “ ในช่วงเวลาพิเศษ มันไม่มีทางเลือก ลำบากมันก็ต้องทำนะ แต่กลับยังหาตัวฆาตกรไม่เจอ เรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อย ”

 

หยางโปเดินเข้าไป “ คุณปฏิบัติตามขั้นตอนการสอบสวนคดีปกติ ไหม ? ได้สอบถามพ่อแม่ของผู้สูญหายไหมว่ามีศัตรูอยู่หรือเปล่า ? ”